xs
xsm
sm
md
lg

“ณเดชน์” เผยดรามาดาราพากย์หนัง โดนด่าก็เครียด เตือนอย่าคันปากวิจารณ์จนติดนิสัยไปจนแก่!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ณเดชน์” เปิดใจดรามาดาราพากย์หนังโดนด่ายับ ใครโดนวิจารณ์ก็เครียด แนะย้อนดูตัวเองอย่าวิจารณ์เกินขอบเขต ระวังคันปากติดนิสัยไปจนแก่ เผยพากย์หนังเป็นศาสตร์ใหม่ อยากให้โอกาสคนบันเทิง

กำลังเป็นประเด็นถกเถียงถึงกรณีที่ค่ายหนังต่างๆ จับดารามีชื่อเสียงมาพากย์เสียงฉบับภาษาไทยในภาพยนตร์เรื่องดังๆ โซเชียลจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นการแย่งงานนักพากย์ รู้สึกแอนตี้เรื่องนี้ ล่าสุด “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ซึ่งพากย์เสียง Jurassic World Rebirth ได้เผยว่าการพากย์เสียงหนังเป็นศาสตร์ใหม่ๆ พร้อมเตือนสติ ไม่อยากให้วิจารณ์มันปากจนกลายเป็นติดนิสัยไปจนแก่

“ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีนะครับ ที่นักแสดงได้มีโอกาสทำงานพากย์ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ศาสตร์ใหม่ๆ ที่เราได้เรียนรู้ ผมรู้สึกว่าถึงมีดรามาอะไรก็ตาม ก็อย่าหยุดเถอะครับ เราคือคนบันเทิงด้วยกัน การให้โอกาส ให้พื้นที่ในการทำงานด้วยกัน โอเคคนอื่นอาจไม่ได้เดือดร้อน ก็เป็นสิ่งที่เราควรให้โอกาสซึ่งกันและกันในการได้ทดลองทำ หรือมีประสบการณ์ในการทำงานในชีวิต

ผมว่ามันไม่ได้มีอะไรที่เสียหายกับการได้มีโอกาสได้ทำ มันเป็นศาสตร์ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้เราได้ การแสดงด้วยน้ำเสียงที่เราใช้ หรือแม้แต่การเล่นละคร แต่ละตัวละครเราสามารถดีไซน์เสียงให้แตกต่างกันได้เหมือนกัน เรื่องวอยซ์โปรเจกต์ การโปรเจกต์เสียง การใช้ช่องเสียง เป็นศาสตร์นึงที่เราในฐานะนักแสดงเราเรียนรู้มันได้เหมือนกัน ยิ่งเราเรียนรู้ในงานพากย์ เรื่องวิธีการพูดหรือการใช้เสียง ก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ก็เป็นไอเทมที่ดีมากๆ ที่เรานำมาปรับใช้ในการแสดงได้”

ส่วนที่เราได้รับคำชมว่าสอบผ่าน ถ้าผมพากย์เรื่องแรกก็คงไม่รอดเหมือนกัน เราเองก็เป็นประสบการณ์ เรามีวอยซ์ไดเรกเตอร์ด้วย นักพากย์กันเองก็ต้องมีคนคุมเช่นเดียวกันฉะนั้นก็เป็นไดเรกเตอร์ที่จะคอยกำกับโทนควบคุมโทนหรือวิธีการเสียง หรือมืออาชีพเองเขายังต้องมีวอยซ์ไดเรกเตอร์ นักแสดงอย่างพวกเราก็ต้องการเหมือนกัน บุคคลเหล่านี้ช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้

ผมว่าเราได้เปรียบถ้าเราเป็นนักแสดงแล้วเราได้พากย์เสียง ถึงแม้ว่าเสียงอาจจะไม่ได้มีเสน่ห์หรือมีลักษณะคล้ายกับนักพากย์ แต่ลึกๆ แล้วเราเข้าใจอารมณ์ของตัวละคร จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ไม่ใช่ว่าพี่ๆ นักพากย์ไม่เข้าใจอารมณ์ ผมว่าเขามืออาชีพอยู่แล้ว เขาเข้าใจหมดว่าวิธีการทำน้ำเสียงแบบนี้ จะเป็นอารมณ์ประมาณนี้ แต่รสชาติใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นกับการพากย์เสียงนักแสดงก็เป็นอีกรสชาตินึงเหมือนกัน”

ชี้ไม่มีใครไม่เครียดโดนกระแสสังคมวิจารณ์ แต่ไม่อยากให้ทำจนติดเป็นนิสัยไปจนแก่
เรื่องอินเนอร์ก็มีส่วน แต่โอเค เข้าใจว่าการพากย์เสียงมีศาสตร์ของมันอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกครับ มีความกดดัน มีความท้าทายอยู่แล้ว เรื่องวิจารณ์สำหรับผมก็คงมี แต่ผมไม่ได้ยินหรือยังไม่รู้ (หัวเราะ) ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคน มันไม่มีใครไม่เครียดหรอกเวลาโดนกระแสสังคมหรือวิพากษ์วิจารณ์ ใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ศิลปิน หรือคนธรรมดาเล่นโซเชียลมีเดีย โดนคนด่าวิพากษ์วิจารณ์ เขาก็เก็บมาคิดมาเครียดเหมือนกัน

ฉะนั้นเราอาจต้องมองในมุมมองที่เป็นอีกคนนึงด้วย ว่าการที่เราไปพูดใส่ร้ายหรือให้ร้ายโดยเราไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางมันก็ไม่ควร การวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเราต้องคำนึง เพราะไม่งั้นมันจะติดเป็นนิสัย พอติดเป็นนิสัยจะรู้สึกว่ามันและคันปาก คันไม้คันมืออยากขอให้ได้พูด ซึ่งจริงๆ แล้วเราต้องกลับมาดูตัวเองว่าทำไมเราถึงไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรที่เกินขอบเขต อันนี้ต้องระวังไว้ เพราะเดี๋ยวจะติดตัวไปจนแก่ เป็นเนกาทีฟเอเนอร์จี้ ทำให้เราจมไปอยู่ในห้วงความรู้สึกนั้น เมื่อไหร่ไม่มีจะกระหาย และกลายเป็นคนมองคนในแง่ร้าย อยากสบถกับความรู้สึกของตัวเองลึกๆ มากกว่า”





กำลังโหลดความคิดเห็น