นักแสดงหญิงชาวจีน เจ้าเว่ย กำลังเผชิญบทที่มืดมนที่สุดในชีวิต ตามคำยืนยันจากพี่ชายของเธอ เจ้าเจี้ยน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าเจี้ยนเปิดเผยกับสื่อจีนว่า น้องสาวของเขาต้องเผชิญกับการโจมตีทางออนไลน์อย่างหนักหน่วง และข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงซึ่งทำลายชื่อเสียงของเธอมาเป็นเวลาหลายปี
หนึ่งในข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดคือ มีหลายบัญชีโซเชียลมีเดียเผยแพร่ข้อมูลเท็จโยงเจ้าเว่ยกับกิจกรรมออนไลน์ผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนพม่าเหนือ โดยอ้างว่าเธอเกี่ยวข้องกับกลโกงหลอกลวงและพฤติกรรมส่วนตัวที่น่ากังขา ซึ่งเจ้าเจี้ยนยืนยันว่าเป็นเพียงการใส่ร้ายป้ายสีที่ไม่มีหลักฐาน
“น้องสาวของผมกำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนและเจ็บปวดที่สุดในชีวิต” เจ้าเจี้ยนกล่าว “เธอถูกถาโถมด้วยคำด่าทอและการใส่ร้ายในโลกออนไลน์ จนไม่รู้จะปกป้องตัวเองอย่างไร หรือจะเชื่อใจใครได้อีก เจ้าเว่ยไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ เธอเป็นแค่คนธรรมดา เป็นนักแสดงและผู้กำกับที่รักในงานศิลปะ เป็นมนุษย์ที่รู้จักรักและต้องการความรัก แต่ตอนนี้เธอกำลังเจ็บปวด”
เจ้าเจี้ยนเผยเพิ่มเติมว่า ผลกระทบจากข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เจ้าเว่ย แต่ยังส่งผลอย่างรุนแรงต่อสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะมารดาสูงวัยที่มีอาการเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
“ข่าวลือไร้สาระเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก ผมจึงต้องออกมาพูดแทนเธอ เพื่อชี้แจงความจริงและขอร้องให้สังคมหยุดการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์เสียที”
สิ่งที่น่าตกใจคือ เมื่อครอบครัวแจ้งตำรวจให้ดำเนินการสอบสวน พวกเขาพบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญใส่ร้ายเจ้าเว่ยกลับเป็นทนายความที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ซึ่งสารภาพว่าแต่งเรื่องขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสื่อและหาลูกความให้กับสำนักงานของตน
ชื่อของเจ้าเว่ยหายไปจากทุกแพลตฟอร์มในจีนเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2021 ผลงานทั้งหมดของเธอถูกลบจาก Tencent Video และ iQiyi ขณะที่หน้า Super Topic บน Weibo ก็ถูกลบทิ้ง ส่วนบัญชีส่วนตัวของเธอและสตูดิโอยังคงอยู่ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับผลงานในโปรไฟล์ถูกลบทิ้งโดยไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาลจีน
เธอมีข่าวลือว่าหลบหนีไปฝรั่งเศสซึ่งเธอเป็นเจ้าของไร่องุ่น Château Monlot แต่ต่อมาเธอกลับโพสต์ว่าอยู่ในปักกิ่ง ก่อนที่โพสต์ดังกล่าวจะถูกลบไป และแม้จะมีภาพถ่ายของเธอที่ศูนย์บริการโทรคมนาคมในเมืองหวูหู (บ้านเกิด) ก็ยังมีข้อสงสัยว่าเป็นภาพเก่าหรือไม่ เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่ใส่หน้ากากซึ่งขัดกับมาตรการโควิดในขณะนั้น
ในเดือนเมษายน 2024 ศาลประชาชนชั้นกลางแห่งที่สี่ของปักกิ่งมีคำสั่งอายัดหุ้นมูลค่า 5 ล้านหยวนในบริษัท He Bao Entertainment Group ของเจ้าเว่ย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 17 บริษัทที่เธอเคยถือหุ้น แต่เมื่อถึงกลางปี 2024 เหลือเพียงสตูดิโอเดียวในชื่อของเธอ
แม้สื่อบางแห่งเริ่มผ่อนคลายมาตรการเซ็นเซอร์—เช่น การคืนภาพของเธอบน Douban และนำซีรีส์เก่ากลับมาฉายอีกครั้งใน Bilibili—แต่ก็ยังมีเนื้อหาส่วนใหญ่ของเธอที่ไม่ปรากฏให้เห็น
บัญชี Weibo ของเจ้าเว่ยไม่ได้เคลื่อนไหวมากว่า 3 ปี ก่อนจะปรากฏโพสต์แรกในวันที่ 4 ธันวาคม 2024 ซึ่งเป็นคำไว้อาลัยต่อนักเขียน ชิอองเหยา ผู้แต่งนวนิยาย องค์หญิงกำมะลอ (My Fair Princess) ซึ่งเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย โดยโพสต์ดังกล่าวติดเทรนด์บน Weibo แต่แฮชแท็กกลับถูกลบออก ขณะที่ในวันที่ 28 ธันวาคม ข่าวการหย่าร้างของเธอกลับติดเทรนด์โดยไม่มีการลบแฮชแท็กแต่อย่างใด
ความจริงคือ เจ้าเว่ยหย่ากับ หวงโหย่วหลง อย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2021 หนึ่งเดือนก่อนที่เธอจะถูกขึ้นบัญชีดำในวงการบันเทิงจีน
เจ้าเว่ยและอดีตสามีถูกห้ามเข้าตลาดหลักทรัพย์จีนเป็นเวลา 5 ปีตั้งแต่ปี 2017 หลังจากความพยายามซื้อกิจการ Zhejiang Wanjia ล้มเหลว และชื่อของพวกเขาปรากฏอยู่ใน Paradise Papers เผยการลงทุนมูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐในต่างประเทศ
ในปี 2024 The New York Times รายงานว่า ทั้งคู่เคยเป็นตัวแทนของ เซียวเจียนหัว มหาเศรษฐีที่ถูกอุ้มตัวโดยหน่วยงานจีนในฮ่องกงในปี 2017 และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินเบื้องหลังการลงทุนของเจ้าเว่ยและหวงในบริษัทของ แจ็ค หม่า
อดีตสามีของเธอถูกออกหมายแดงของอินเตอร์โพลในปี 2021 จากข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับคดี Tuandai.com และถูกจับในฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ศาลบอร์โดซ์ปฏิเสธคำร้องขอส่งตัวกลับจีนของรัฐบาลจีน โดยอ้างว่าจุดประสงค์หลักไม่ใช่การดำเนินคดี แต่อาจเป็นความพยายามกดดันให้หวงให้การต่อต้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน
“เธอจะไม่เงียบอีกต่อไป”
หลังผ่านความเงียบและความอัดอั้นมาหลายปี เจ้าเว่ยตัดสินใจฟ้องร้องผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จอย่างเป็นทางการ เพื่อปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตนเอง
“เธอไม่ใช่ยอดมนุษย์ แต่เป็นศิลปินผู้เปราะบาง เป็นมนุษย์ที่ต้องการความเข้าใจและความรัก” เจ้าเจี้ยนกล่าว “เธอคือหญิงสาวธรรมดาที่รักในงานศิลปะ และวันนี้ เธอจะไม่เงียบอีกต่อไป”
