หลังจากเปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่ “Superman” กลายเป็นหนังเรื่องแรกในจักรวาล DCU ยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านเสียงวิจารณ์และกระแสตอบรับจากแฟน ๆ ทั่วโลก ภายใต้การนำของ James Gunn และ Peter Safran ผลงานนี้ไม่เพียงแต่ปลุกพลังของซูเปอร์ฮีโร่ผู้เป็นไอคอน แต่ยังสะท้อนถึงหัวใจใหม่ของ DC—ที่เต็มไปด้วยความรัก ความหวัง และมุมมองที่ซับซ้อนต่อมนุษย์ผู้มีพลังพิเศษ
หลายเสียงชื่นชมทิศทางใหม่ของ Gunn ที่เน้นการเล่าเรื่องอย่างลึกซึ้ง มีความเป็นมนุษย์ และเข้าใจจิตวิญญาณของซูเปอร์ฮีโร่ ผลตอบรับเชิงบวกบ่งชี้ว่า “Superman” อาจทำรายได้ระดับบล็อกบัสเตอร์ และที่สำคัญกว่านั้น มันพิสูจน์ว่า DCU ยุคใหม่นี้กำลังเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องและน่าจับตาอย่างยิ่ง
DCU ยุคใหม่: ปรับทิศ ตั้งหลัก สร้างจักรวาล
ย้อนกลับไปในปี 2023 James Gunn และ Peter Safran เปิดตัว DC Universe หรือ DCU พร้อมประกาศ “soft reboot” ที่รีเซ็ตบางส่วนของ DCEU เดิม พวกเขารวบรวมทีมเขียนบทมากฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น Drew Goddard, Jeremy Slater, Christina Hodson, Christal Henry และ Tom King เพื่อช่วยวางโครงสร้างมหากาพย์จักรวาลใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Star Wars และ Game of Thrones ที่เล่าเรื่องผ่านตัวละครหลายมุม หลายระดับศีลธรรม
DCU ยุคใหม่นี้จะมี “ไทม์ไลน์หลัก” ชัดเจน ไม่อิงโลกจริงเหมือน MCU โดยจะมีเมืองหลักอย่าง Metropolis, Gotham, Themyscira และ Atlantis เป็นศูนย์กลาง Chapter One ของจักรวาลใหม่ใช้ชื่อว่า Gods and Monsters ครอบคลุมทั้งหนังและซีรีส์ชุดแรก เช่น Superman, The Authority, Supergirl, Swamp Thing, Lanterns, Paradise Lost และ Booster Gold
แนวทางใหม่ของ Gunn คือการให้แต่ละเรื่องมีลายเซ็นของตัวเอง ไม่เร่งวันฉาย ไม่ยัดโปรเจ็คเข้าเพื่อให้ครบปีละกี่เรื่อง แต่เน้นให้บทสมบูรณ์ก่อนลุยสร้างจริง โดยวางเป้าหมายปีละ 2–3 หนัง และ 4 ซีรีส์ ทั้งในรูปแบบแอนิเมชันและคนแสดง
นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้บางโปรเจ็คอยู่นอกจักรวาลหลักภายใต้ชื่อ “DC Elseworlds” พร้อมยืนยันว่าหากตัวละครไหนตาย จะไม่ฟื้นขึ้นมาง่าย ๆ ยกเว้นว่าจะทำให้เนื้อเรื่องทรงพลังขึ้นจริง ๆ และแม้จะมีการพูดคุยเรื่อง cross-over ระหว่าง DCU กับ MCU แต่ Gunn ย้ำว่าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ “คุณภาพ” ถึง ไม่ใช่แค่เพื่อขายตั๋วเท่านั้น
ส่องโปรเจ็คหนังที่อยู่ในไลน์อัปของ DCU
Supergirl (2026)
หนังไซไฟอีพิกที่เจมส์ กันน์อธิบายว่า “งดงามข้ามดวงดาว” ดัดแปลงจากคอมิก Supergirl: Woman of Tomorrow เล่าเรื่องของคาร่า ซอร์-เอล ที่เติบโตบนซากดาวคริปตัน ไม่ได้ถูกเลี้ยงด้วยความรักแบบซูเปอร์แมน Ana Nogueira เขียนบท, Milly Alcock รับบทนำ, Craig Gillespie กำกับ ถ่ายทำช่วงต้นปี 2025 ที่อังกฤษและสก็อตแลนด์ กำหนดฉาย 26 มิถุนายน 2026 โดยมี Jason Momoa ร่วมแสดงเป็น Lobo
Clayface (2026)
หนังสยองขวัญแนว body horror ว่าด้วยนักแสดงหนัง B ผู้เสพสารเพื่อรักษาความดัง แต่กลายร่างเป็นมนุษย์ดินเหนียว Mike Flanagan เขียนบท, James Watkins กำกับ Tom Rhys Harries รับบทนำ กำหนดถ่ายทำ ตุลาคม 2025 และเข้าฉาย 11 กันยายน 2026 โทนหนังได้รับแรงบันดาลใจจาก The Fly (1986)
The Authority
กลุ่มซูเปอร์ฮีโร่สุดขบถที่เชื่อว่าโลกพังเกินเยียวยา จำเป็นต้องใช้วิธีรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลง Gunn ลงมือวางโครงเรื่องด้วยตัวเอง หนังจะเชื่อมโยงกับ Superman แต่บทภาพยนตร์ยังค้างอยู่ในปี 2025
The Brave and the Bold
การเปิดตัวแบทแมนเวอร์ชัน DCU พร้อมลูกชาย Damian Wayne ในบท Robin Gunn บอกว่าเป็น “เรื่องพ่อ-ลูก คู่แปลกประหลาด” Andy Muschietti (จาก The Flash) จะกำกับ ขณะนี้อยู่ในช่วงร่างบท ยังไม่มีนักแสดงที่ประกาศแน่ชัด
นอกจากนั้น DCU ยังเตรียมเปิดตัวโปรเจ็กต์ใหม่ที่น่าจับตา ไม่ว่าจะเป็น Swamp Thing หนังสยองขวัญโกธิกโดย "James Mangold" ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของ Alan Moore และเชื่อมโยงกับจักรวาล DC อย่างแน่นอน, Sgt. Rock ที่เล่าเรื่องการตามหา Spear of Destiny โดยนักสู้ต้านนาซี นำโดย "Luca Guadagnino" หลัง "Daniel Craig" ถอนตัวและมีข่าวว่า "Colin Farrell" อาจมารับบทแทน แม้จะหยุดถ่ายทำชั่วคราวในเมษายน 2025 แต่ "James Gunn" ยืนยันว่าโปรเจ็กต์ยังเดินหน้าต่อ และยังมี Wonder Woman ภาคใหม่ที่แยกจากซีรีส์ Paradise Lost อย่างชัดเจน กำลังอยู่ระหว่างการเขียนบท ถือเป็นการเริ่มต้นทศวรรษใหม่ที่ DCU มุ่งเน้นทั้งคุณภาพและความลึกของเรื่องราวอย่างแท้จริง
