“เดวิด โคเรนสเว็ต นักแสดงยิวผู้ทำลายกรอบเดิมของซูเปอร์ฮีโร่คนเหล็ก สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทั้งในฮอลลีวูดและวัฒนธรรมป๊อป”
การที่ เดวิด โคเรนสเว็ต กลายเป็นนักแสดงชาวยิวคนแรกที่รับบท ซูเปอร์แมน ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของทั้งวงการฮอลลีวูดและสังคมอเมริกัน ด้วยต้นกำเนิดของตัวละครซูเปอร์แมนเองที่ถูกสร้างสรรค์โดยนักเขียนการ์ตูนชาวยิวสองคนคือ เจอร์รี ซีเกล และ โจ ชูสเตอร์ ในยุคทศวรรษ 1930 เพื่อตอบสนองจินตนาการของผู้อพยพยิวที่แสวงหา “ผู้กอบกู้” มาปกป้องโลกจากความอยุติธรรม แต่ตลอดกว่า 85 ปีที่ผ่านมา กลับไม่เคยมีนักแสดงเชื้อสายยิวคนใดได้รับบทฮีโร่ที่ตัวเองเป็นผู้ให้กำเนิดนี้บนจอใหญ่เลย
นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการคัดตัวนักแสดง แต่ยังสะท้อนถึงการยอมรับอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์และศาสนาที่ฮอลลีวูดมักเลี่ยงพูดถึงในอดีต การได้เห็นนักแสดงชาวยิวสวมบทสัญลักษณ์แห่งความหวังอย่างซูเปอร์แมน ไม่เพียงฟื้นคืนรากเหง้าทางวัฒนธรรมของฮีโร่ที่ถือกำเนิดจากชุมชนยิวผู้อพยพเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงพัฒนาการด้านการยอมรับความหลากหลาย ที่วันนี้ก้าวข้ามเส้นแบ่งเดิมๆ ในวงการภาพยนตร์กระแสหลัก
เดวิด โคเรนสเว็ต วัย 32 ปี กลายเป็นนักแสดงชาวยิวคนแรกที่ได้รับบทเป็น “ซูเปอร์แมน” ซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจคนทั้งโลกในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ DC Studios ที่กำกับโดย เจมส์ กันน์ ซึ่งเข้าฉายทั่วโลกเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทุบสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศด้วยรายได้เปิดตัวกว่า 185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โคเรนสเว็ต เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1993 ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เติบโตในครอบครัวนักกฎหมาย แต่มีสายเลือดศิลปะจากบิดา จอห์น โคเรนสเว็ต ที่เคยเป็นนักแสดงละครเวทีก่อนหันมาเป็นทนาย และมารดา แคโรไลน์ แพ็คการ์ด เป็นทนายเช่นกัน ขณะที่ เอมี่ พี่สาวคนโต เดินตามรอยพ่อแม่เป็นนักกฎหมาย ส่วนเดวิดเลือกเส้นทางศิลปะเต็มตัว
เส้นทางสู่นักแสดง
โคเรนสเว็ตเริ่มแสดงละครเวทีตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ จากแรงบันดาลใจเมื่อได้ชมพี่สาวเล่นละครเพลง Fiddler on the Roof ก่อนจะก้าวขึ้นเวทีครั้งแรกในบทจาก All My Sons ของอาร์เธอร์ มิลเลอร์ ผลงานที่เขาย้อนความจำว่า “เป็นการเริ่มต้นอาชีพการแสดงแบบเต็มๆ ทั้งที่ยังต้องกลับไปทำการบ้านแล้วตื่นเช้าไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น”
เขาเรียนจบมัธยมที่โรงเรียน Shipley School ในย่าน Bryn Mawr และเข้าเรียนด้านจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย 1 ปี ก่อนย้ายไปเรียนการแสดงที่ The Juilliard School ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถาบันที่สร้างนักแสดงแถวหน้าอย่าง โรบิน วิลเลียมส์ และ เจสสิกา แชสเทน
จาก Netflix สู่จุดสูงสุดในชุดคลุมสีแดง
เดวิดเป็นที่รู้จักในวงกว้างครั้งแรกจากซีรีส์ Netflix เรื่อง The Politician ของ ไรอัน เมอร์ฟี ในบทหนุ่มหล่อไฮสคูล จากนั้นได้ร่วมงานกับเมอร์ฟีอีกในมินิซีรีส์ Hollywood (2020) จนถูกยกย่องว่าเป็น “ยูนิคอร์น” ที่หายากในฮอลลีวูด เพราะมีทั้งรูปลักษณ์คลาสสิก เสน่ห์ และฝีมือ
ต่อมาเขามีบทเด่นในภาพยนตร์สยองขวัญย้อนยุค Pearl (2022) และภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Twisters (2024) จนในที่สุดฝันของเขาก็เป็นจริง เมื่อเจมส์ กันน์ โทรศัพท์มาบอกข่าวดีด้วยตัวเองว่า เขาได้บทซูเปอร์แมน “ผมถึงกับถามไปว่า ‘ช่วยยืนยันหน่อยได้ไหม?’ เพราะไม่มั่นใจว่ากำลังโดนหลอกหรือเปล่า” เดวิดเล่าย้อนในบทสัมภาษณ์
“ซูเปอร์แมน” คนใหม่ผู้ถ่อมตน
ใน Superman (2025) เดวิดรับบทเป็น คลาร์ก เคนท์ / ซูเปอร์แมน ประกบคู่กับ เรเชล บรอสนาฮาน ในบท โลอิส เลน และ นิโคลัส โฮลต์ ในบท เล็กซ์ ลูเธอร์ โดยผู้กำกับกันน์บอกว่า “เดวิดคือซูเปอร์แมนแม้กระทั่งในความเนิร์ดของเขา เขาฟังเพลงแจ๊สเก่าๆ ตอนอยู่กองถ่าย ไม่มีการอวดตัวใดๆ”
แม้จะรับบทฮีโร่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ แต่เขายืนยันว่าไม่อยากเป็นคนดังเกินจำเป็น “ผมระมัดระวังเรื่องส่วนตัวมาก ถึงขั้นไม่มีความสนใจจะเป็นคนดังเลย แต่ถ้าจะได้ทำงานระดับที่ฝันไว้ มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้”
ชีวิตส่วนตัว
โคเรนสเว็ตแต่งงานกับนักแสดง จูเลีย เบสต์ วอร์เนอร์ ในเดือนมีนาคม 2023 ทั้งคู่เริ่มต้นจากความสัมพันธ์ “ค่อยเป็นค่อยไป” ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ปัจจุบันมีลูกสาววัย 1 ขวบ และใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในชานเมืองฟิลาเดลเฟีย “เธอบอกผมว่าเธอตั้งท้องแค่สองวันหลังผมรู้ว่าจะได้ไปทดสอบหน้ากล้องบทซูเปอร์แมน เราเลยต้องเก็บสองความลับใหญ่นี้ไว้ระหว่างกัน มันเข้มข้นมาก” เขากล่าวในนิตยสาร People
ทรัพย์สินและผลงานใหม่
ปัจจุบัน เดวิด โคเรนสเว็ต มีมูลค่าทรัพย์สินราว 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูล Celebrity Net Worth ล่าสุด หลังจาก “ซูเปอร์แมน” เขาจะรับบทเป็น จอห์น ทักเกิล อดีตนักอเมริกันฟุตบอล ในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง Mr. Irrelevant ที่อยู่ระหว่างถ่ายทำ
เดวิด โคเรนสเว็ต จึงถือเป็นนักแสดงหนุ่มชาวยิวคนแรกที่ได้สวมชุดคลุมแดงและโล่ตัว S ในฐานะซูเปอร์แมนบนจอภาพยนตร์ใหญ่ ซึ่งอาจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตและประวัติศาสตร์ของทั้งตัวเขาเองและแฟรนไชส์นี้ไปอีกนานหลายทศวรรษ
