ช่วงต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกโรงเตือนประชาชนให้ใช้ชีวิตประหยัด รัดเข็มขัดเพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลง แม้ที่ผ่านมาจะมีหลายคนออกมาคาดการณ์มากมายตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าถึงคราวเผาจริง หลายวงการจะคาดการณ์ถึงสถานการณ์ที่ตกต่ำที่สุดไว้ แต่ไม่มีใครคาดคาดว่ามันจะเลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างในอุตสาหกรรมบันเทิงเอง ตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เรียกว่าดาราหลายคนน้ำตาตกใน หลายคนออกมาร้องไห้ หลายคนออกมายอมรับความเป็นจริง ไม่คาดคิดว่าชีวิตการมีอาชีพเป็นดารา มีแสงไฟส่องหน้ามาตลอดหลายสิบปี จะมาถึงจุดนี้ได้ ในยุคที่ใครๆ ก็เป็นคนดังได้
“เป็กกี้ ศรีธัญญา” ชีวิตเคยมีงานทำทุกวันไม่ว่างเว้น แต่อยู่ๆ งานหายไปหนึ่งเดือนเต็มๆ
“คนไม่มีงานทำเยอะมากนะทุกวันนี้ พอมีงานเข้ามาปรบมือเลย ลูกค้าโทร.เข้ามาแทบกราบลูกค้า ยุคนี้ไม่ได้งานแน่นขนาดนั้นแล้ว ใครมีงานอยู่ก็จงภูมิใจ มิ.ย.งานหายเกลี้ยงเลย ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องจะช็อปแบรนด์เนมไม่ได้อยากซื้อของเลย มันซื้อได้ แต่เก็บเงินไว้ดีกว่า มีเงินสดปลอดภัย เก็บรักษาสิ่งที่มีมันยากกว่า”
“บอย พิษณุ” หาอาชีพเสริม หลังงานหดยาวครึ่งปี
“ปีนี้มันแย่มาก เศรษฐกิจเฮียมาก มันมีเค้าโครงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เดือนที่แล้วเหลือรายได้ 35,000 บาท ตอนไปรับเช็ควูบเลยนะ จะทำยังไงดีถ้ายังเป็นแบบนี้ ต้องขยับตัวบ้างแล้วหรือเปล่า ทำงานมา 20 ปี ไม่เคยเจอแบบนี้ หลายคนบอกผมมาตั้งแต่ต้นปี อย่ามีอาชีพเดียว ตอนนี้มันต้องหา 2-3 อาชีพ งานทุกงานลำบากกันหมด แล้วเรามีครอบครัวด้วย เป็นหัวหน้าครอบครัว เราก็ต้องดิ้น ดาราตอนนี้อยู่ไม่ได้แล้ว ลำบากกันเยอะมากเลย วงการบันเทิงมันไม่สวยหรูเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันต่างไปจากเดินเยอะ อยู่ยากขึ้นมาก”
”แจ็ค แฟนฉัน“ ดาราเดี๋ยวนี้ไม่เรื่องมากแล้ว
“จะบอกว่าดาราเดี๋ยวนี้ไม่เรื่องมาก เรื่องเยอะแล้ว ไม่เรียกค่าตัวแพง เจ้าของงานมีเท่าไหร่ก็ว่ามา ถ้าไหวเราก็ยินดีไปให้ ตอนนี้ต้องช่วยกันจริงๆ”
“นิกกี้ ณฉัตร” เป็นยูทูบเบอร์ก็ลำบาก ยอดตกจนอยากจะร้องไห้
“ดาราลำบากมากตอนนี้ ตอนนี้มีอะไรให้ทำก็ทำหมด ไม่เกี่ยง นาทีนี้ บางอย่างไม่เอาเงินก็ได้อย่างน้อยเขาจะได้ไม่เอาเราออก มันต้องปรับตัวครับยุคนี้ ตัวผมเลิกซื้อแบรนด์เนมแล้ว ยูทิวบ์ก็ยอดตกแบบใจหาย ก็เปลี่ยนรูปแบบกันไป แต่ก่อนยอดวิวหลักแสนโกรธมาก เดี๋ยวนี้หลักหมื่นยังมี ก็ต้องสู้กันทุกทางให้อยู่ได้ ตอนนี้ผมก็มาทำเสื้อขายด้วย”
ไม่ใช่จะมีแต่ดารา งานหด เงินหาย แต่ก็ยังมีดาราอีกไม่น้อยที่ปรับตัวเร็ว พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เปลี่ยนสายเป็นอินฟูลฯ แต่ถึงไปได้ดียังไงหลายคนก็เลือกที่จะปรับตัวให้รอดในวิกฤตแบบนี้เช่นกัน
“ชมพู่ อารยา” ตัวแม่ยังต้องปรับ
ถึงจะเป็นตัวมัมตัวแม่อินฟูลฯ มาหลายปี แต่แม่ชม ก็ปรับเปลี่ยนการรับงานให้เข้ากับสถานการณ์โลกเช่นกัน จากเมื่อก่อนรับแต่งานพรีเซ็นเตอร์เท่านั้น ตอนนี้ก็รับหมดในขอบเขตที่ดีลแล้วลงตัว มีคอนเทนต์ใหม่ๆ มาให้ติดตามตลอด และตอนนี้ลูกสาว “น้องเกล” ก็ขึ้นแท่นเป็นอินฟูลฯ แห่งปี จากคลิปไวรัลต่างๆ มีทั้งแฟนไทยและอินเตอร์มาหลงรัก ตามติดชีวิตเกล ทำงานรุมทั้งงานพรีเซ็นเตอร์ งานอินฟูลฯ
“เจี๊ยบ ลลนา” จากนักแสดงต้องหันมาเป็นคอนเทนครีเอเตอร์
“เป็นนักแสดงมาตลอดชีวิต ไม่เคยคิดจะเล่นโซเชียลเลย แต่ก็ต้องมาทำ ในเมื่อโลกมันเปลี่ยนเราก็ต้องปรับตัว แฟนก็มาช่วยทำให้ แฟนไปลงเรียนเลย เพราะเราจะมารอแต่ลูกค้าซื้ออย่างเดียวไม่ได้ แล้วเป็นคอนเทนครีเอเตอร์ทำงานหนักมากนะ มันไม่มีวันหยุด กฎเหล็กคือห้ามหยุด ต้องรักษาความสม่ำเสมอ ทุกวันนี้คือหลักเลยนะ ถ้าไม่มีก็ไม่มีรายได้”
“กระแต อาร์สยาม” งานโชว์หด กลายมาเป็นแม่ค้า ผู้บริหาร 1,000 ล้าน
“จากโควิดงานหดเงินหาย เรารู้สึกไม่สบายใจ เลยต้องหาอะไรทำ ก็เลยได้มาทำธุรกิจเครื่องสำอาง ทำกันเองเล็กๆ ทำเองทุกขั้นตอนแม้แต่แพ็กของส่งด้วยตัวเอง ถ่ายคลิป คิดคอนเทนต์ จนทุกวันนี้เปิดออฟฟิศ มีลูกน้องกลายเป็นงานหลัก ที่เปลี่ยนชีวิตเราไปอีกทางหนึ่ง ส่วนงานโชว์เรียกว่าเป็นงานรอง แต่ก็เป็นงานที่เราก็ขาดไม่ได้ มันคือชีวิตเรา หล่อเลี้ยงตัวตนของเรา”
“เจษ เจษฎ์พิพัฒ“ ย้ายมาเป็นดาราสายวาย ปังไปเลย
เรียกว่าตั้งแต่พระเอกหลังห้อง “เจษ เจษฎ์พิพัฒ” พลิกชีวิตมาเล่นซีรีส์วายก็ไต่ระดับความนิยม กลายเป็นพระเอกสุดฮอต งานรุมทั้งซีรีส์ อีเวนต์ พรีเซ็นเตอร์ ไม่ใช่ว่างานไม่มี แต่บางทีเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกใหม่
แทบไม่น่าเชื่อว่าอาชีพดารา ที่สมัยก่อนถือเป็นอาชีพอภิสิทธิ์ชน หลายๆ คนมีค่านิยมอยากส่งลูกหลานมาเป็นดารา มีชื่อเสียง เงินทอง ลาภยศ แบกความรับผิดชอบในหน้าที่ของการเป็นบุคคลสาธารณะ แต่วันนี้ในโลกที่ใครๆ ก็เป็นคนดังได้ ดาราก็ต้องปรับตัว ดิ้นรนทำมาหากินเพื่อให้รอดพ้นวิกฤตไม่ต่างจากคนทั่วไป และการเป็นตัวอย่างของสังคมที่แบกไว้บนบ่า เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดและคาดไม่ถึง ในวันที่ใครๆ ก็เป็นคนดังได้ “ดารา” ยังเป็นอาชีพที่น่าทำอีกต่อไปหรือไม่?
หลายคนมีคำถามเราจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร อันดับแรก ต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ต “มดดำ คชาภา” พูดไว้ว่า… “ทุกวันนี้อย่าบ่น วันจันทร์อีกแล้วต้องไปทำงาน เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ขอบคุณวันจันทร์ที่ยังได้ลุกออกไปทำงาน จะวันไหนๆ ถ้าตื่นมาแล้วยังมีงานทำ ต้องขอบคุณ”
และไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ขอทุกคนตั้งสติ คิดดี ทำดี ซื่อสัตย์สุจริต มีความเชื่อ สักวันจะต้องเป็นวันของคุณแน่นอน
