xs
xsm
sm
md
lg

“ก้อย - ตูน” สอนลูกพื้นที่สาธารณะห้ามเสียงดัง ลั่นอยากให้ลูกเป็นแบบไหนต้องสอน - ทำให้ดู! ปิดอู่แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ก้อย-ตูน” เป็นพ่อแม่ที่เรียนรู้ไปพร้อมลูก สอนลูกอยู่ในพื้นที่สาธารณะห้ามเสียงดัง ลั่นอยากให้ลูกเป็นยังไงต้องทำให้ลูกดูก่อน บอกทำหูทวนลม ทะเลเรียกตัวเอง “พี่สาม” ลูกสองกำลังดี ปิดอู่แล้ว ตูนปลื้มใจเพลงที่แต่งเยียวยาตัวเอง 23 ปี กลายเป็นเพลงส่งต่อกำลังใจให้ผู้คน

เป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น สำหรับ “ตูน บอดี้สแลม” อาทิวราห์ คงมาลัย กับ “ก้อย รัชวิน คงมาลัย” ล่าสุดพา “น้องทะเล” และ “น้องเวลา” มาร่วมงาน เปิดแคมเปญใหม่ “Baby Shark Deep Sea Carnival” ณ ซีไลฟ์ แบงคอก ชั้น B1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ทั้งคู่ก็เผยถึงความเป็นธรรมชาติของลูก

ตูน : “โชคดีเราอยู่ที่ภูเก็ต มันเลยไปไหนมาไหนง่าย ที่ภูเก็ตก็มีทั้งทะเลและป่า ภูเขา ให้เขาได้ไปเรียนรู้ และมันก็ไปไม่ยาก จริงๆ ความตั้งใจแรกที่ย้ายไปอยู่ภูเก็ตตอนนั้นคือเราชอบ เรายังไม่มีลูก เราไปเล่นกีฬานานๆ แต่พอมีลูกมีครอบครัว ลูกก็ชอบด้วย มีความสุขด้วย เราเห็นเขามีความสุข เราก็มีความสุข ถามว่าทำให้เขามีมุมอ่อนโยนไหม เขาพังเก้าอี้เมื่อกี้ อ่อนโยนไหม (หัวเราะ) อ่อนโยนๆ

ภาพคนเห็นทะเลในโซเชียลคือร็อกเกอร์มาก มีวันนึงไปนิทรรศการพี่โน้ส ที่เขาจัด มีรูปปั้นงูกินคนอะไรสักอย่าง ทะเลถามว่านั่นคืออะไร พ่อก็บอกว่าคล้ายๆ งูงับคนเข้าไป จังหวะนั้นน้องเวลาเดินเข้ามาพอดี ทะเลก็บอกว่าเวลาอย่าเข้าไป เดี๋ยวงูกิน แม่อย่าเข้าไปเดี๋ยวงูกิน”

ก้อย : “เขาจะอ่อนโยนกับแม่กับน้องกับพ่อด้วย มีความเป็นพี่ชายค่อนข้างสูง”

ตูน : “หวังว่าตอนโตจะช่วยดูแลน้อง”

ก้อย : ช่วยนะ ก้อยชอบสังเกต บางทีเราไม่เข้าไป เพราะเราอยากเห็นเวลาเด็กเล่นกันเป็นยังไง เราก็จะเห็นว่าเขาแบ่งของเล่นให้น้อง กินอะไรอยู่ น้องขอกินด้วย ก็แบ่งให้น้อง แต่ก็มีแกล้งกันตามประสาเด็กเป็นเรื่องปกติ แต่เราพยายามให้เขารู้ว่าเขาพี่น้องกันนะ รักกันนะ มีอะไรก็แชร์กันนะ เด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงความต่างกันจะเยอะ อย่างทะเลเป็นคนที่ค่อนข้างแอ็กทีฟ ไฮเปอร์ แต่น้องเวลาเขาจะเรียบร้อยกว่า ด้วยความเขาเป็นเด็กผู้หญิง ทีนี้พอเด็กผู้หญิงอยู่กับเด็กผู้ชาย เขาจะตามพี่หมดเลย พี่พูดอะไรก็จะพูดตาม”

ตูน : “อย่างตะโกนโหวกเหวกโวยวายที่บ้าน”

ก้อย : “เมื่อก่อนไม่ตะโกน พอทะเลตะโกนปุ๊บ เวลาเอาด้วย ก็ค่อยๆ สอนเขาไป”

พ่อแม่เรียนรู้ไปพร้อมลูก
ตูน : “เราเองในฐานะพ่อแม่ก็เรียนรู้ด้วยที่จะสังเกตเขา ต้องทำยังไงถึงจะดีที่สุด บางวันก็ดีบ้างไม่ดีบ้างในความรู้สึกเรา แต่เราก็เรียนรู้ไปพร้อมลูก”

ก้อย : “เด็กเขาก็คือผ้าขาวแหละ เราแต้มสีอะไรลงไป เขาก็เป็นสีนั้น แต่สำหรับเด็กบางคนเขาก็มีสีของเขาติดมาอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องไปพุซเขา เรียนรู้ไปกับเขา”

ตูน : “เราก็สอนเวลาเห็นเขาเล่นกับน้องแรงๆ เบาๆ หน่อยสิลูก น้องเป็นผู้หญิง”

ธรรมชาติเด็กเสียงดังเป็นปกติ แต่ยิ่งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ยิ่งต้องสอน อันไหนควรไม่ควร
ก้อย : ธรรมชาติกับเด็กเรื่องเสียงดังเป็นเรื่องปกติ เราเข้าใจได้ แต่เราก็ต้องบอกเขาว่าที่ไหนทำได้ที่ไหนทำไม่ได้ อันไหนควรไม่ควร แต่บางทีน้องเห็นคุณพ่อเยอะ เวลาไปดูคอนเสิร์ต เขาก็จะรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่เวลาทำแล้วเป็นการเอ็นเตอร์เทนคนดู ทำให้คนดูสนุก เพราะเราเล่าให้เขาฟังว่าเวลาคุณพ่อร้องเพลง คุณพ่อบิวต์คนดูคือเสียงดัง”

ตูน : “เขายังแยกไม่ออก”

ก้อย : “แต่พอเราออกมาอยู่ข้างนอก เราก็บอกว่าอันนี้ไม่ได้นะ อันนี้ไม่ใช่เวทีคอนเสิร์ต เราไม่ได้ไปคอนเสิร์ต เราจะเสียงดังไม่ได้ เราอยู่ในที่สาธารณะ เราต้องบอกเขาว่าเบาๆ นะลูก เราต้องสอน”

ตูน : Wผมว่าความยากคือบอกให้เขาเข้าใจว่างานของเราคืออะไร ที่เราขึ้นไปบนเวที เราเสียงดัง ตะโกน เกรี้ยวกราด นั่นคือการแสดงออกทางด้านอารมณ์ เป็นดนตรีนะ เป็นการแสดงให้คนมีความสุข แต่พอเขาไปดู เขาคิดว่ามันคือปกติ เขามาใช้ชีวิตประจำวันในเสียงแบบนั้น ความรู้สึกแบบนั้น เราก็ต้องค่อยๆ สอนเขา เราไม่รู้หรอกว่าวันไหนเขาจะเริ่มรับรู้ได้เองว่าอ๋อ ข้างบนกับข้างล่างมันคนละที่กัน”

ก้อย : “แต่ก็บอกลูกนะว่าคุณพ่ออยู่ข้างบน คุณพ่อเป็นแบบนั้น แต่พอคุณพ่อลงมาข้างล่าง เห็นไหมคุณพ่อพูดเบา ปกติเลย ก็เลยโอเคถ้าเราอยากเห็นลูกเป็นยังไง เราทำให้ลูกดูก่อน วันนี้เขาอาจยังไม่รู้ อาจอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ เด็กเพิ่ง 2-3 ขวบ ค่อยๆ สอนเขาไป แล้วเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขา ให้เขาเห็นให้เขาซึมซับ”

ตูน : “เขาขอเสียงตลอดเวลา คอเป็นเอ็นเลย”

ก้อย : “เราก็จะบอกว่าถ้าอยู่กันเองในบ้าน ทำได้ แต่ถ้าไปข้างนอกก็อาจต้องเบานิดนึงนะลูก”

ตูน : “ก็ตลกดี สนุกดี เลี้ยงทะเลกับเวลา มันเป็นกิจวัตรผมด้วยที่เวลาออกจากบ้านก็จะบอกว่าวันนี้พ่อไปร้องเพลงนะ พ่อไม่อยู่ 1 คืนนะ นอนกับแม่ดีๆ เป็นเด็กดี คำถามของเขาคือ วันนี้พ่อร้องกี่เพลง พ่อร้องเพลงอะไรบ้าง ลุงคนนั้นคนนี้มาไหม ที่เขาเคยมาฟีเจอร์ริ่ง ทำไมไม่มา ต้องอธิบาย กว่าจะออกจากบ้านก็ต้องตอบคำถามเยอะนิดนึง (หัวเราะ)”

ก้อย : “เขาพูดบ่อยมากว่าวันนี้หนูจะไปร้องที่วันแบงคอก หนูจะไปเป็นเกสต์ให้คุณพ่อ ทะเลจะไปเล่นคอนเสิร์ตกับพ่อ เขาพร้อมแล้วที่จะขึ้นเวที (หัวเราะ) เราก็บอกว่าก่อนขึ้นเวทีเราต้องซ้อมก่อนนะ ทะเลอยากตีกลองก็ต้องหัดตีกลอง ต้องซ้อม เขาร้องเพลงพี่ตูนได้หลายเพลง”

ตูน : “เป็นความแปลกของทะเลอย่างนึง เขาชอบฟังเพลงแบบบีไซต์ เพลงลึกมาก ขึ้นรถทีไรก็ให้เปิดให้ฟังตลอด ชอบเพลงอะไรครับ”

ทะเล : “ชอบเพลงหวั่นไหว”

ก้อย : “ก้อยว่าเขาชอบดนตรีมากกว่านะ ถ้า ณ ตอนนี้นะ”

ตูน : “เขาเริ่มหัดนับจังหวะ ส่งไปเรียนตีกลองครับ ตอนแรกคุณครูจะไม่รับเรียน เขายังไม่ 4 ขวบ เขาเทสก่อนว่าทะเลมีสมาธิพอที่จะฟังไหม พอเทสคุณครูก็อนุญาตให้เรียนได้”

ก้อย : “เหมือนเขาเห็นความตั้งใจ ความสนใจของน้อง เขาชอบตีกลองมากๆ คุณครูเลยลองสอนดู ตอนนี้เริ่มเรียนตีกลอง”

เผยโมเมนต์ ชวน “น้องวิว” ตีกลองบนเวที รับปลาบปลื้มใจ เพลงเยียวยาตัวเอง 23 ปี ส่งกำลังใจให้ผู้คน
ตูน : “น้องเขาเตรียมไม้กลองมาเลย เราเห็นแล้วว่าน้องมีความตั้งใจมาก รอจังหวะ คุณแม่เขาก็อยากให้น้องวิวได้ขึ้นมาแสดงความสามารถ มันเป็นเพลงแสงสุดท้าย ซึ่งคิดว่าน้องเขาน่าจะซ้อมเพลงนี้มา ผมคิดว่าคนหัดเล่นกลองน่าจะเล่นได้ ก็เป็นเพลงนี้จังหวะและโอกาสมาพอดี ก็เลยให้น้องขึ้นมา ผมเองขึ้นไปวันนั้นเห็นน้องวิวตี มันได้พลังงานดีๆ กลับมาด้วย ผมคิดว่าทุกคนในฮอลล์เอาใจช่วยน้อง พอเห็นน้องทำได้และทำได้ดี ทุกคนส่งเสียงเชียร์มากขึ้น ดังกว่าบอดี้สแลมอีก เป็นโมเมนต์ที่ดีมากครับ

เพลงส่งต่อกำลังใจให้คนอื่น มันดีใจมาก ปลาบปลื้มใจมาก ตอนแรกเพลงต่างๆ ที่เราทำ เราตั้งใจทำเพื่อบอกเล่าเรื่องตัวเองและให้กำลังใจตัวเองด้วยซ้ำ อย่างเพลงความเชื่อก็ดี เพลงแสงสุดท้าย เรือเล็กออกจากฝั่ง เราแค่อยากร้องเพลงที่เยียวยาตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง เราอยากมุ่งไปสู่อะไรสักอย่างที่เราประสบความสำเร็จ แล้วสุดท้ายพอเพลงที่เราร้องให้กำลังใจตัวเองไปกระทบทุกคนให้ได้รับพลังงานดีๆ ด้วย โอ้โห มันวิเศษมาก อย่างน้องวิวก็เป็นอีกตัวอย่างนึงทำให้เราเห็นว่าเพลงที่เราตั้งใจทำมาตลอด 23 ปี มันไปตกกระทบกับน้องเขา แล้วทำให้เขามีแพสชั่นอะไรบางอย่าง ในการลุกขึ้นมาตีกลอง เล่นดนตรี และใช้เพลงบอดี้สแลมเป็นความสุขของน้องเขา มันดีมากเลยครับ”

ทำหูทวนลม ทะเลเรียกตัวเอง “พี่สาม” ลูกสองกำลังดี ปิดอู่แล้ว
ตูน : “ไม่รู้เอามาจากไหน”

ก้อย : “งงมาก บอกว่าตัวเองชื่อพี่สาม พี่ทะเลไปอเมริกาบ้าง ไปญี่ปุ่นบ้าง ตอนนี้เขาชื่อพี่สาม พี่ทะเลไม่อยู่ เราก็ไม่รู้อะไรคือสาม เราก็บอกว่าทะเลต้องเป็นที่หนึ่งหรือเปล่า ทะเลเป็นพี่คนแรก เวลาเป็นคนที่สอง แล้วใครเป็นคนที่สาม (หัวเราะ)ทุกคนก็เลยแซวว่าหรือต้องมีคนที่สามไหม”

ตูน : “ถามว่าเราว่ายังไงดีเรื่องนี้ ไม่ไหวแล้วครับ เราคุยกันอยู่แล้ว”

ก้อย : “ถามแม่ (หัวเราะ) แม่ต้องเป็นคนพูดหรือเปล่า”

ตูน : “บทหนักน่าจะอยู่ที่เขา เขาเป็นคนท้อง ช่วงนั้นลำบากจริงๆ”

ก้อย : “มันก็โอเค เราคิดว่าเราโชคดีเรามีลูกชายและลูกผู้หญิง เขามาด้วยความธรรมชาติ เลยรู้สึกว่าสองคนกำลังดี กำลังสนุก พ่อก็เริ่มกลับมาทำงานเยอะ เริ่มกลับมาดูแลตัวเองบ้าง ก็เป็นช่วงเวลาที่ดี ถ้ามีอีกคนก็ต้องกลับไปเริ่มใหม่ ถึงยังดูเด็กกันทั้งคู่ แต่อายุเราก็เยอะแล้ว ก็คิดว่าสองคนกำลังดีค่ะ”

ตูน : “ทะเลพูดว่าพี่สาม เราก็หูทวนลมไว้ (หัวเราะ)”

ก้อย : “พักก่อนลูก”

ตูน : “ปิดอู่เลยไหมคะ (หัวเราะถามก้อย) ณ ตอนนี้นะครับ”

ก้อย : “อะไรคือ ณ ตอนนี้ ปิดแล้วแหละ (หัวเราะ)







กำลังโหลดความคิดเห็น