"เติร์ด Tilly Birds" โพสต์ขอโทษบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาล กรณีใช้คำพูดไม่เหมาะสมอ ขณะที่กำลังช่วยชีวิตแม่
หลังจากที่ “เติร์ด tilly birds” หรือ “อนุโรจน์ เกตุเลขา” ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เรื่องราวที่แม่เข้าแอดมิทด่วนเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า
”ต้องปลอบป๊า ตอนที่เห็นแม่ช็อค เข้า ICU ป๊าร้องไห้หนักมาก พูดตะโกนว่าพยาบาล น้ำหูน้ำตาไหล ทำไมทำกับเมียผมแบบนี้ ทำไมถึงทำเขาเจ็บ?!” (รพ. ดูแลแม่ไม่ค่อยดีตั้งแต่ตอนยังไม่เข้า ICU) นี่ก็จะร้อง ไม่เคยเห็นแม่ต้องเจ็บปวดขนาดนั้น แต่สัญชาติญาณบอกว่า ถ้าร้องไห้กันทั้งคู่จะไม่มีคนเบรก เลยพยายามฮึบและเบรกป๊าว่า ไม่เป็นไรนะป๊า แม่พยายามตอบสนองอยู่ ซึ่งในชีวิต ปกติจะตรงกันข้ามตลอด คือเราร้องไห้แล้วป๊าปลอบ อีกตอนคือตอนที่เจอเรื่องร้ายแรงมากที่ทำให้เสียศูนย์ไปเลย แต่ต้องไปเล่นคอนเสิร์ตต่อ ก็ต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“
งานนี้เลยเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนเจ้าตัวออกมาอธิบายเพิ่มเติมในวันที่ 5 กค. ที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมาทางรพ.ปฏิบัติต่อแม่ไม่โอเค วินิจฉัยผิดไป 7 ครั้ง เลยทำให้พาลไปต่อว่าพยายาลที่กำลังช่วยชีวิตแม่
”ขออธิบายเพิ่ม เพราะในต้นทาง อธิบายไว้ไม่ชัดเจน ที่ป๊าตะโกนว่าตอนนั้นคือ เขาไม่มีสติ เขาพาลไปแล้ว เพราะตั้งแต่ก่อนที่แม่จะ admit รพ. treat แม่เราไม่โอเค เจอมะเร็งปอดก่อนหน้าหลายเดือนแต่ปล่อยปะละเลย วินิจฉัยผิดไป 7 ครั้ง และ ถูกบอกให้ออกจาก รพ. เพราะอาการดูดีขึ้น (แต่จริง ๆ แล้ว อาการทรุดลงมาก หมอบอกว่ายังไงก็ต้องอยู่ต่อ) พอทุกอย่างมันเริ่มดิ่งลงเหว เขาเลยพาลไปว่า พยาบาล ที่กำลังสอดท่อใส่แม่ใน ICU ซึ่งที่เราเบรกป๊า ส่วนนึงก็เพราะไม่อยากให้เขาพาลไปว่าพยาบาล เลยบอกป๊าด้วยว่า เขากำลังช่วยแม่ แม่พยายามตอบสนอง เลยดูเจ็บปวด ไปรอข้างนอกดีกว่า รอแม่นิ่งก่อน ป๊าถึงค่อยๆ ประคองสติกลับมา“
แต่ถึงจะโพสต์ชี้แจงไปแล้ว แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ยังไม่หยุด ทำให้ต้องออกมาโพสต์อีกคราวนี้ขอโทษบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาล
“สวัสดีครับ ผมเติร์ด อนุโรจน์ เกตุเลขาจากกรณีที่ผมได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีเนื้อหาที่สื่อสารไม่ครบถ้วนและอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบุคลากรทางการแพทย์โดยไม่เจตนา ผมขออนุญาตเรียนชี้แจงและขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ
ในเบื้องต้น คุณแม่ของผมป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะที่ 4 และได้รับการวินิจฉัยเมื่อโรคได้ลุกลามไปมากแล้ว ทำให้ครอบครัวของผม โดยเฉพาะคุณพ่อ รู้สึกเสียใจและสะเทือนใจอย่างยิ่ง
ต่อมา คุณแม่มีอาการสำลักขณะกลืนยาและเข้าสู่ภาวะช็อค ทีมแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต แต่เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนนานเกินไป ทำให้คุณแม่ถึงแม้จะฟื้นขึ้นมา แต่ไม่มีสติ และต้องเข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิดในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) เมื่อผมเดินทางไปถึงโรงพยาบาล ขณะนั้นบุคลากรทางการแพทย์กำลังดำเนินการใส่ท่อช่วยหายใจและให้สารน้ำหลายตำแหน่งที่ร่างกายคุณแม่
ในส่วนที่ผมระบุในโพสต์ว่าเป็นพยาบาลที่ดำเนินการในขั้นตอนดังกล่าว ขอเรียนชี้แจงว่าข้อมูลในส่วนนั้นไม่ถูกต้อง ผมขออภัยในความคลาดเคลื่อนนี้ด้วยครับ
ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมและคุณพ่อตกใจและมีอารมณ์สับสนอย่างมาก คุณพ่อเผลอพูดจาไม่เหมาะสมต่อบุคลากรที่กำลังให้การช่วยเหลือคุณแม่ ซึ่งผมทราบดีว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น หลังเหตุการณ์วันนั้น ผมคิดว่าตนเองได้เรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้น แต่จากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการโพสต์ของผม ผมได้ตระหนักว่า ผมยังต้องเรียนรู้และรับผิดชอบต่อการสื่อสารของตนเองให้ดียิ่งขึ้น
ผมขอใช้โอกาสนี้ กราบขออภัยบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน รวมถึงโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง และขออภัยต่อสาธารณชนทุกท่านที่ได้รับผลกระทบจากโพสต์ของผม ผมสำนึกผิดอย่างจริงใจ และจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคตครับ
ขอบคุณครับ
อนุโรจน์ เกตุเลขา“
