xs
xsm
sm
md
lg

“เจนี่” ก้าวยิ่งใหญ่สู่ทางธรรม อดีตที่ถูกตัดสิน และเสียงทดสอบแห่งความศรัทธา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในวันที่ชื่อเสียง ความสำเร็จ และบทบาทความเป็นแม่ล้วนพร้อมสรรพ หลายคนอาจเลือกใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในโลกของวัตถุ แต่สำหรับ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” นางเอกชื่อดังของเมืองไทยกลับเลือกเดินอีกเส้นทางหนึ่ง เส้นทางที่เงียบกว่า เรียบง่ายกว่า แต่เปี่ยมไปด้วยความหมาย เธอเลือกเส้นทางธรรม ไม่ใช่เพื่อหนีจากบางสิ่งแต่เพื่อพบกับความจริงบางอย่างที่เป็นแก่นแท้ของชีวิต ความจริงจากภายใน

เจนี่เปิดเผยเหตุผลของการบวชในครั้งนี้ว่าเพราะมีทุกอย่างในชีวิตแล้ว วันนี้คือความสุขที่สมบูรณ์จริงๆ คำพูดสั้น ๆ แต่เปี่ยมด้วยพลังนี้สะท้อนความตั้งใจจริงที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบแต่เป็นความปรารถนาในระดับลึกของจิตใจที่ต้องการ “คืนตัวตน” ให้แก่ธรรมะและศาสนา ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสงบและสมดุลในชีวิตของเธอมาโดยตลอด

ไม่ใช่เพียงเพื่อบุญส่วนตัว แต่เจนี่ยังตั้งใจเผยแพร่พระพุทธศาสนา และยืนยันว่าผู้หญิงเองก็สามารถปฏิบัติธรรมและมีส่วนร่วมในศาสนาได้อย่างสมศักดิ์ศรี

“เป็นไปได้ เจนี่อยากโกนหัวบวช”
ชีวิตที่ผ่านอะไรมาเยอะ แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาได้ ก็จะมีเรื่องราวมหัศจรรย์เกิดขึ้น เจนี่ซึ่งเติบโตมาจากเมืองนอก จึงยากมาก หากจะรู้สึกถึงเรื่องเร้นลับบางอย่าง อย่ามาเชย อย่ามาเฉิ่ม จนกระทั่งวันหนึ่ง มีบางอย่างตะโกนใส่เจนี่บอกให้เชื่อ จนเจ้าตัวต้องยอมเปิดใจยอมรับ เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ก็มีเส้นบางๆ ที่คนอาจคิดว่างมงาย เจนี่ไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาให้เทวดา จนวันหนึ่งรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรเพื่อโลก

เจนี่เปิดยูทิวบ์ตามหาคำตอบของคำถาม จนได้เจอ “อ.โอเล่ ญาณสัมผัส” เห็นครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตา อ.โอเล่ ยอมรับว่า เจนี่มีภูมิธรรมระดับหนึ่งแล้ว ศีลมี สติรู้ ถึงขั้นนั่งสมาธิแล้วรู้ทุกอย่าง เพียงชั่วครู่ดิ่งและสงบ จนไม่อยากถอนสมาธิออกมา รวมทั้งมีความเข้าใจเรื่องภพภูมิ เกิดมาหลายภพหลายชาติ กระทั่งเจนี่เผยว่าถ้าเป็นไปได้ เจนี่อยากโกนหัวบวช

เจนี่เดินทางไปประเทศศรีลังกาเพื่อเข้าร่วมพิธีขลิบผมแบบโบราณต่อหน้าสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งนับเป็นพิธีที่มีความศักดิ์สิทธิ์และหาโอกาสเข้าร่วมได้ยากในปัจจุบัน ถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ทำพิธีปวรณาขอบวชเป็นสามเณรีที่สถูปของพระนางอนุรามหาเถรี (ภิกษุณีองค์แรกของศรีลังกา) รวมถึงอนุสาวรีย์ของพระนาง บริเวณดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศรีลังกา ที่มีอายุถึง 2,000 กว่าปี มีการทำพิธีปลงผมสถานที่เดียวกับที่พระนางอนุรา มีพระสามเณรีจากประเทศไทยและศรีลังกาเป็นสักขีพยานในพิธี

แต่กว่าจะได้บวชเป็นสามเณรีไม่ใช่เรื่องง่าย เจนี่จะต้องเข้าอบรม เข้ารายงานต่อ ปวติณี ผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติสตรีก่อนบวชเป็นภิกษุณี ก่อนจะได้รับเกียรติบัตรรับรองการบวชอย่างเป็นทางการ ถึงจะได้เข้าพิธีบวชเป็นสามเณรีเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้า

“ใจเจนี่เองมีความตั้งใจว่าอยากจะทำแบบนี้ ทำประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ ณ ขณะนี้เจนรู้สึกมีความสุขที่เจนจะได้ทำประโยชน์ให้กับใครอีกหลายคน ช่วยให้อะไรที่มันหนักเบาลง นอกจากความสุขที่เจนมีอยู่ตอนนี้ 100%”

ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 04.30 น. พิธีอุปสมบทแบบสามเณรีได้จัดขึ้น ณ วัดศรีวรญาลัย จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นวัดที่ส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในทางธรรมอย่างจริงจัง พิธีเริ่มต้นด้วยการปลงผมตามฤกษ์ มีกิจกรรมเดินเวียนรอบอุโบสถ และการห่มจีวรสีเหลืองตามแบบพระภิกษุณี โดยเป็นการปฏิบัติตามแบบแผนในพุทธศาสนาเถรวาทสายศรีลังกา

“ธัมมกัลยาณี” สตรีผู้มีความงามทางธรรม
ความงามที่หมายถึงรูปร่างหน้าตาเป็นความงามที่ตัดสินได้ง่ายที่สุดเพียงใช้ตาในการเพ่งมองและพิจารณาจากรูปกายซึ่งหน้า ตางาม จมูกงาม ปากงาม ฟันงาม ผิวงาม และผมงาม แต่ความงามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้กลับเป็นความงามที่แสนจะฉาบฉวย ไม่จีรัง ไม่ยั่งยืน ความงามในความหมายของศาสนาจึงไม่อาจหมายถึงความงามภายนอกแต่หมายถึงความงามภายในจิตใจ ความงามที่ทำให้พ้นจากทุกข์และกิเลสทั้งปวง

หลังเข้าพิธีบวชอย่างสมบูรณ์ เจนี่ได้รับฉายาทางธรรมว่า “ธัมมกัลยาณี” ซึ่งมีความหมายว่า “สตรีผู้มีความงามทางธรรม” ชื่งฉายานี้ไม่ได้สื่อถึงเพียงความงามทางกายภาพอันเป็นที่รู้จักของเจนี่ในฐานะนักแสดง แต่ยังสื่อถึงความงดงามที่เกิดจากการฝึกตน การขัดเกลาจิตใจ และความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้เดินตามหลักธรรมด้วยศรัทธาอย่างแท้จริง

แม่ผู้ให้ชีวิตและลูกผู้เป็นจิตวิญญาณ
หนึ่งในช่วงเวลาที่กินใจที่สุดของพิธี คือน้อง “โนล่า” ลูกสาววัยน่ารักของเจนี่ ก้มกราบแม่ด้วยมาลัยดอกไม้ ก่อนจะโผเข้ากอดอย่างแนบแน่น ทำให้เจนี่เองถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ภาพของเจนี่ในบทบาทแม่ผู้ให้กำเนิดโอบกอดหนึ่งชีวิตที่เป็นทั้งความรักและจิตวิญญาณที่เธอพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตน้อยๆ นี้ได้เติบโตอย่างมีความสุข แต่บัดนี้ชีวิตน้อยๆ ได้มอบโอกาส ความเข้าใจและความศรัทธาเพื่อให้ “เจนี่” ได้เดินเข้าไปลึกถึงจิตใจที่แท้จริงของตัวเองในเส้นทางธรรม

นอกจากนี้ เจนี่ยังได้ก้มกราบคุณแม่ของเธอด้วยความเคารพ เป็นอีกหนึ่งภาพแห่งความกตัญญูที่แสดงให้เห็นว่าการบวชของเธอไม่ใช่เพียงการเข้าสู่ศาสนา หากแต่เป็นการสำนึกในพระคุณของผู้ให้ชีวิตด้วย

เสียงทดสอบความศรัทธา
แม้จะได้รับคำอนุโมทนาและน้ำตาแห่งความปีติจากแฟนคลับ แต่โลกโซเชียลก็ยังมีเสียงวิจารณ์อยู่ไม่น้อยถึงจุดประสงค์ในการบวชของเธอ บางส่วนมองว่าการบวชของเธอเป็นการบวชเพื่อให้ชื่ออยู่ในกระแส เพื่อให้ถูกพูดถึงในวงการบันเทิงได้อีกยาวๆ บางคนใช้ภาพในอดีตของเธอมาตัดสิน บางคนมีทัศนคติที่กดทับบทบาทของผู้หญิงและไม่ได้รู้สึกเห็นด้วยกับการบวชของเธอ

เสียงเหล่านี้ สะท้อนถึงความไม่เชื่อใจและข้อสงสัยในเชิงเจตนา แม้จะเป็นเสียงจำนวนน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะสร้างความสั่นสะเทือนต่อภาพลักษณ์และความศรัทธาของเธอ

เส้นทางที่งดงามและการพิสูจน์ผ่านเสียงวิจารณ์
ตลอดเส้นทางในวงการบันเทิงของ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” เธอไม่ได้มีแค่ชื่อเสียงและแสงแฟลชจากกล้องเท่านั้น หากแต่ยังต้องเผชิญกับกระแสวิจารณ์และดรามาจากสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องส่วนตัว ความรัก หรือบทบาทในสื่อบันเทิง จนบางช่วงเวลาถูกผลักให้กลายเป็น “ตัวร้าย” บนโลกโซเชียลโดยไม่รู้ตัว

แต่การบวชในครั้งนี้ ได้กลายเป็นอีกหนึ่ง “ข้อพิสูจน์” ที่ไม่ต้องออกมาพูดแก้ตัว ไม่ต้องเรียกร้องความเห็นใจ หากแต่เป็นการแสดงออกถึงจิตใจที่ตั้งมั่น สำนึกในการใช้ชีวิต และการยกระดับตนเองให้เหนือกว่าคำพูดทั้งปวง

ในโลกที่ใครก็สามารถตัดสินกันได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว การที่เจนี่เลือกจะนิ่ง เดินเข้าวัด และฝากตัวในผ้าเหลือง กลับเป็นคำตอบที่เปี่ยมด้วยพลัง และเหนือกว่าการโต้กลับใดๆ เธอพิสูจน์แล้วว่า “ศรัทธาไม่ต้องอธิบาย” และการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงนั้นเริ่มต้นจาก “ภายใน”

การบวชของ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ทางศาสนา แต่คือภาพสะท้อนของการ “หันกลับมาสู่ตนเอง” และการปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการของชื่อเสียง บทบาท หรือภาระชีวิตประจำวัน เพื่อค้นหาความสงบอย่างแท้จริง























กำลังโหลดความคิดเห็น