xs
xsm
sm
md
lg

เกมสุดท้ายจบลงแล้ว: "ฮวังดงฮยอก" อำลา ‘Squid Game’ พร้อมเผยสูญเสียฟัน 8 ซี่ น้ำหนักลด หลังทุ่ม 6 ปีเต็ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากเดินทางมากว่า 6 ปีเต็มกับซีรีส์ปรากฏการณ์โลก Squid Game ในที่สุดผู้กำกับ “ฮวังดงฮยอก” ก็กล่าวอำลาผลงานชิ้นโบแดงของเขาอย่างเป็นทางการ พร้อมสารภาพถึงสภาพร่างกายที่ย่ำแย่จนสูญเสียฟันไปถึง 8 ซี่ และน้ำหนักลดฮวบเหลือเพียง 59 กิโลกรัม ตอกย้ำความหนักหน่วงของโปรเจกต์ที่กลายเป็นทั้งแรงบันดาลใจและบาดแผลในชีวิตเขาไปพร้อมกัน

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านจงโน กรุงโซล ฮวังดงฮยอกให้สัมภาษณ์กับสื่อเนื่องในโอกาสปิดฉาก Squid Game 3 อย่างเป็นทางการ ผู้กำกับวัย 52 ปีเผยความรู้สึกว่า “ตอนนี้ผมรู้สึกโล่งใจมาก เหมือนได้วางภาระอันหนักอึ้งลงเสียที” หลังทุ่มเทเขียนบท ถ่ายทำ และโปรโมตติดต่อกันโดยแทบไม่ได้หยุดพัก โดยยอมรับว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา สุขภาพเขาถูกพรากไปอย่างมาก “ตอนซีซั่น 1 ฟันผมหลุดไป 6 ซี่ พอทำซีซั่น 2 และ 3 ก็หลุดอีก 2 ซี่ ตอนนี้ยังไม่ได้ฝังรากเทียมเลย เวลาเหนื่อยมาก ๆ เหงือกก็จะบวม” เขากล่าวอย่างขำขื่น

นอกจากเรื่องฟันแล้ว น้ำหนักของฮวังก็ลดลงจากปกติ 62 กิโลกรัม เหลือเพียง 59 กิโลกรัมเพราะการตรากตรำทำงานแบบไร้เวลาพัก “ร่างกายผมบอกเลยว่าเหนื่อยมาก ผมไม่อยากคิดถึงอนาคตตอนนี้ แค่อยากพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตปกติ พอได้พักแล้วค่อยว่ากันว่าผมอยากสร้างอะไรต่อไป”


แม้จะบ่นว่าเหนื่อย แต่ความสำเร็จของ Squid Game ก็ยิ่งใหญ่จนยากจะปฏิเสธ ตั้งแต่ซีซั่นแรกในปี 2021 ที่ทำลายสถิติผู้ชม Netflix ทั่วโลก ขึ้นอันดับ 1 ถึง 93 ประเทศ และกวาดรางวัลระดับ Emmy จนทำให้ชื่อฮวังดงฮยอกถูกจารึกว่าเป็นผู้กำกับเกาหลีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง เขาเล่าว่า “ตอนเปิดตัวในเกาหลี กระแสกลับแย่กว่าที่คิด ผมนั่งคิดว่า โอ้โห มันแย่ขนาดนี้เลยเหรอ? แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นกระแสต่างประเทศกลับมาแรงมาก จนวันหนึ่ง Netflix โทรมาบอกว่าเราขึ้นอันดับ 1 โลกแล้ว ช่วงนั้นเหมือนนั่งรถไฟเหาะ ผมยังเคยบีบแก้มตัวเองเพื่อดูว่านี่มันเรื่องจริงหรือฝันไป”

สำหรับแฟน ๆ ที่ยังติดใจกับชะตากรรมของ “กีฮุน” (อีจองแจ) ฮวังย้ำชัดว่าการเสียสละของกีฮุนในตอนจบคือบทสรุปที่เขาอยากส่งสารออกไป “แรก ๆ ผมก็คิดนะว่าจะให้เขาจบแบบแฮปปี้ ไปอเมริกาอยู่กับลูกสาว แต่พอเขียนจริง ๆ ผมกลับถามตัวเองว่าเราอยากเล่าอะไร ในโลกที่เต็มไปด้วยวิกฤติ เศรษฐกิจถดถอย ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น การแบ่งแยกชาติพันธุ์รุนแรงขึ้น ผมอยากถามว่าเราจะส่งมอบโลกแบบไหนให้เด็กรุ่นต่อไป เลยเขียนให้กีฮุนยอมตายเพื่อปกป้องเด็ก — เพื่อสื่อถึงความหวังและอนาคต”


เมื่อถามถึงคำวิจารณ์ว่ากีฮุนเป็นตัวละครที่ดู “น่าหงุดหงิด” ไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด ฮวังอธิบายว่า “Squid Game ไม่เคยตั้งใจจะให้กีฮุนเป็นฮีโร่ เขาเป็นคนธรรมดามาก ๆ ไม่มีพลังพิเศษ สิ่งที่เขาทำดีที่สุดก็คือการเลือกในตอนท้าย ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เกิดจากคนธรรมดาหลายล้านคน ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ไม่กี่คน”

ถึงแม้จะมีแฟน ๆ ตั้งทฤษฎีว่าจะมีภาคแยกของ Front Man หรือเด็ก ๆ ที่โตขึ้นแล้วกลับมาเล่นเกมอีก แต่ฮวังปิดประตูชัด “ผมเล่าทุกอย่างที่อยากเล่าผ่าน Squid Game แล้ว การปรากฏตัวของ Cate Blanchett ไม่ได้หมายความว่าจะมีต่อ ส่วนข่าวลือว่าผมจะไปถ่าย Squid Game Hollywood กับเธอในเดือนธันวาคม — ไม่มีมูลเลย”


อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับมากฝีมือก็แย้มว่าอาจมีไอเดียอื่นที่ไม่ใช่เพื่อตอกย้ำประเด็นสังคม แต่เพื่อความสนุก เช่น ช่วงเวลาระหว่างรูปถ่ายของ Ddakji Man (กงยู) กับ Front Man (อีบยองฮอน) ที่เขาสงสัยว่า “ช่วงเวลาสามปีนั้นพวกเขาไปทำอะไรกันบ้าง” แต่ยังไม่ได้วางแผนใด ๆ อย่างเป็นรูปธรรม

ท้ายที่สุด เมื่อถูกถามถึงประโยคสุดท้ายของกีฮุนที่ว่า “มนุษย์น่ะ…” ฮวังเว้นคำตอบแล้วทิ้งให้คนดูกลับไปคิดเอง “มนุษย์เห็นแก่ตัว ทำลายล้าง โหดร้าย และโลภ แต่บางครั้งก็มีความเมตตายิ่งใหญ่เกินคาดเดา ผมอยากให้มันคงเป็นคำถามในหัวผู้ชมมากกว่า”

หลังปิดฉากมหากาพย์ Squid Game ที่ทั้งดึงให้ชื่อเขาดังไกลระดับโลกและพรากสุขภาพไปพร้อมกัน ฮวังดงฮยอกกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ผมยังไม่รู้เลยว่างานต่อไปจะเป็นอะไร ผมอยากพักจริง ๆ... แล้วค่อยหาคำตอบว่าผมอยากสร้างอะไรอีก”



กำลังโหลดความคิดเห็น