แม้จะได้รับเสียงวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ซีรีส์ “Squid Game 3” ก็ยังคงเขย่าวงการบันเทิงโลก หลังเปิดตัวได้เพียง 1 วัน ก็กวาดอันดับ 1 บน Netflix ใน 93 ประเทศ เมื่อคืนวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา กลายเป็นสถิติใหม่ของซีรีส์เกาหลีที่ยึดครองชาร์ตได้รวดเร็วและกว้างขวางที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ตัวเลขนี้ถือว่าทำลายสถิติเดิมของซีรีส์ในแฟรนไชส์เดียวกัน โดย “Squid Game 2” เคยขึ้นอันดับ 1 ใน 80 ประเทศ ภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนซีซันแรกต้องใช้เวลาราว 1 สัปดาห์กว่าจะขึ้นอันดับ 1 แต่ก็รักษาความนิยมไว้ยาวนานกว่าหนึ่งเดือน
ความสำเร็จระดับถล่มทลายนี้ทำให้ Netflix ตัดสินใจแตกไลน์สร้างเวอร์ชันอเมริกันของจักรวาล “Squid Game” ตามมาอีกด้วย
แม้ตัวเลขผู้ชมจะสูงลิ่ว แต่ “Squid Game 3” ก็ได้รับกระแสวิจารณ์ที่แตกเป็นสองฝั่ง บน IMDb ซีรีส์ยังคงได้คะแนนสูงถึง 8.0/10 ซึ่งนับว่าโดดเด่นสำหรับซีรีส์ภาคสาม ด้าน Rotten Tomatoes นักวิจารณ์ให้คะแนนสด 89% ส่วน MyDramaList ก็ยังร้อนแรง ติดเทรนด์ทั่วเอเชีย
บนโซเชียลมีเดีย แฮชแท็กอย่าง #SquidGame3, “อีจองแจ” และ “Front Man” พุ่งติดเทรนด์โลกทั้งใน X (Twitter), TikTok และ Google Trends พร้อมด้วยมีม รีวิว และการถกเถียงจากแฟนๆ ที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังออกฉาย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ปลื้มกับทิศทางใหม่ บางส่วนมองว่าคาแรกเตอร์ “ซองกีฮุน” (อีจองแจ) ในซีซันนี้หม่นหมองเกินไปและไม่หลากหลายเหมือนก่อน ขณะที่โครงเรื่องใหม่เกี่ยวกับองค์กรลับก็ถูกวิจารณ์ว่าขาดความลุ่มลึกและความสมเหตุสมผลที่เคยมี
โดยเฉพาะฉากไคลแม็กซ์ท้ายเรื่อง ที่บางคนยกย่องว่าโศกเศร้าสวยงาม ในขณะที่บางคนกลับมองว่าโหดร้ายและไม่น่าพอใจ แต่การถกเถียงเหล่านี้ก็ยิ่งตอกย้ำพลังอิทธิพลทางวัฒนธรรมของ Squid Game ที่ยังคงเขย่าโลกได้เสมอ
