หลังจากเคยครองบัลลังก์วงการแอนิเมชันโลกอย่างยาวนาน Pixar ต้องเจอกับแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อภาพยนตร์ต้นฉบับเรื่องล่าสุด Elio เปิดตัวได้อย่างน่าผิดหวังสุดในรอบ 30 ปีของสตูดิโอ ด้วยรายได้เพียง 21 ล้านเหรียญในสหรัฐฯ และ 35 ล้านเหรียญทั่วโลก ขณะที่ทุนสร้างพุ่งถึง 150 ล้านเหรียญ ยังไม่รวมค่าการตลาดระดับโลก
Elio คือภาพยนตร์อนิเมชันจาก Pixar ที่เล่าเรื่องการเดินทางของเด็กชายผู้ถูกต่างดาวพาตัวไปยังสมาพันธ์จักรวาล โดยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตัวแทนของมนุษย์โลก หนังผสมผสานการผจญภัยระหว่างดวงดาวกับการเติบโตทางอารมณ์ในวัยเด็ก แม้จะได้รับคำชมด้านภาพและธีมอบอุ่นเกี่ยวกับความโดดเดี่ยวและการค้นหาตัวตน
แต่กระแสวิจารณ์แบ่งออกเป็นสองขั้ว บางส่วนมองว่าขาดความแปลกใหม่ และรายได้เปิดตัวต่ำกว่าที่คาด จนถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่เงียบของ Pixar ในรอบหลายปี
“ตัวเลขแบบนี้อาจถือว่าใช้ได้สำหรับหนังแอนิเมชันหน้าใหม่ทั่วไป แต่สำหรับ Pixar แล้ว มันคือความล้มเหลว” David A. Gross แห่ง Franchise Entertainment Research กล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Pixar ล้มเหลวกับผลงานใหม่ นับตั้งแต่ Coco ในปี 2017 ยังไม่มีหนังต้นฉบับเรื่องใดของค่ายที่ประสบความสำเร็จในระดับเดียวกัน แม้ผลงานหลังโควิดอย่าง Onward (2020), Lightyear (2022), Elemental (2023) จะได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลาย แต่ไม่มีเรื่องใดสร้างรายได้ถล่มทลายเท่าหนังภาคต่อ
ตรงกันข้าม ภาคต่อของ Inside Out 2 เมื่อปีที่แล้วกลับเปิดตัวแรงถึง 154 ล้านเหรียญในอเมริกา ก่อนกวาดรายได้ทั่วโลกทะลุ 1.6 พันล้านเหรียญ สะท้อนให้เห็นว่าคนดูยังภักดีกับแบรนด์เก่า แต่ไม่พร้อมจะเสี่ยงกับสิ่งใหม่
กรณีของ Elio ยังได้รับผลกระทบจากจังหวะเข้าฉายที่ผิดพลาด โดยเปิดตัวชนกับ How to Train Your Dragon ฉบับไลฟ์แอ็กชันที่ยังแรงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่สอง รวมถึง Lilo & Stitch ฉบับรีเมกของดิสนีย์ที่ยังทำเงินได้ดีเช่นกัน เมื่อผู้ชมครอบครัวมีตัวเลือกมากมาย ส่วนใหญ่จึงเลือกดูหนังที่คุ้นเคยมากกว่าของใหม่
แม้ Elio จะได้คะแนน CinemaScore ระดับ “A” และคำชมจากนักวิจารณ์ (85% บน Rotten Tomatoes) แต่การตลาดและจังหวะปล่อยยังไม่สามารถดึงผู้ชมเข้ามากพอ
อีกหนึ่งประเด็นคือพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไปหลังโควิด เมื่อหลายเรื่องของ Pixar ถูกส่งตรงลง Disney+ อย่าง Soul และ Luca ทำให้ผู้ชมชินกับการดูหนัง Pixar ฟรีที่บ้าน พอกลับมาลงโรงอีกครั้ง หนังอย่าง Lightyear และ Onward ก็เจอแรงต้านทั้งจากรีวิวและความไม่คุ้นชินของผู้ชม
แม้ทางผู้บริหารจะพยายามลดต้นทุน (Elio ใช้งบต่ำกว่า Elemental ที่แตะ 200 ล้านเหรียญ) แต่การที่ Pixar ยืนยันทำแอนิเมชันในสหรัฐฯ โดยทีมศิลปินทั้งหมดอยู่ร่วมกันในสตูดิโอเดียว ก็ยังทำให้ต้นทุนสูงกว่าค่ายคู่แข่งอย่าง DreamWorks หรือ Illumination ที่เลือกผลิตงานนอกประเทศ
“การมีทีมศิลปินภายใต้หลังคาเดียวกันทำให้เราสร้างงานที่แตกต่าง แต่ก็ต้องหาทางทำให้มันคุ้มทุนในระยะยาว” จิม มอร์ริส ประธาน Pixar เคยกล่าวไว้
หวังเดียวของ Pixar ตอนนี้อาจอยู่ที่ Toy Story 5 ที่มีกำหนดฉายกลางปีหน้า หรือ “Hoppers” ภาพยนตร์ต้นฉบับเรื่องถัดไปในปี 2026 ที่เล่าเรื่องหญิงสาวผู้ถ่ายจิตเข้าไปในบีเวอร์หุ่นยนต์เพื่อแฝงตัวช่วยป่า — เนื้อเรื่องแปลกใหม่แต่ยากขาย ซึ่งอาจกลายเป็นเดิมพันสำคัญในอนาคต
หาก Pixar ยังไม่สามารถเปลี่ยนไอเดียเจ๋งให้กลายเป็นรายได้จริงได้ ความเป็น "เจ้าพ่อแอนิเมชันต้นฉบับ" อาจกลายเป็นเพียงตำนานที่เลือนหายไปตามเวลา
