“จื่อจงรุ่ย” อดีตนักแสดงดังที่นักแสดงที่โด่งดังจากบทบาท “พระถังซัมจั๋ง” ในซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง “Journey to the West” เมื่อปี 1986 เป็นที่สนอกสนใจอีกครั้งจากการออกอีเวนต์เพื่อโปรโมทโครงการอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าเขาจะแต่งงานกับเศรษฐินีอย่าง “เฉินลี่หัว” ก็ตาม
ตามรายงานจาก Sinchew ระบุว่า เมื่อช่วงกลางเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา มีคนเห็น จื่อจงรุ่ย กำลังถ่ายโฆษณาโครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ของภรรยาบนถนนที่พลุกพล่านแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง โครงการนี้ทำการตลาดโดยเป็นโครงการที่อยู่อาศัยสุดหรูที่หายากใกล้กับพระราชวังต้องห้าม เน้นการออกแบบภายในระดับพรีเมียม สุนทรียศาสตร์อันประณีต และสิ่งอำนวยความสะดวกของคลับส่วนตัว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 9.8 ล้านหยวน ( 44.5 ล้านบาท )
งานนี้วลี “พระถังซัมจั๋งขายบ้าน” กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมสูงสุด 10 อันดับแรกบน Weibo อย่างรวดเร็ว โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นหลายแสนคน ชาวเน็ตหลายคนล้อเลียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของ จื่อจงรุ่ย ต่อสาธารณชน จาก “ผู้เคร่งศาสนาพุทธ” เป็น “นายหน้าอสังหาริมทรัพย์”
จื่อจงรุ่ย เริ่มงานไลฟ์สตรีมมาตั้งแต่ปี 2022 ขายสินค้าตั้งแต่งานฝีมือไม้จันทน์แดงไปจนถึงของใช้ในครัวเรือน การที่เขาเข้าร่วมการขายแบบไลฟ์สตรีมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภรรยาของเขาจะมีฐานะร่ำรวย ทำให้เกิดการถกเถียงกันทางออนไลน์ บางคนคาดเดาว่าบาบาทของเขาในครอบครัว ไม่ต่างจาก “คนกลัวเมีย” โดยอ้างว่า “เขาต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในบ้านอย่างเข้มงวด” เช่น เรียกภรรยาว่า “ท่านประธาน” คอยจัดสำรับอาหาร และต้องไม่ขัดจังหวะภรรยาเมื่อเธอกำลังพูด ทำให้เขายังต้องทำงานหาเงินเพื่อใช้จ่ายส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ เฉินลี่หัว เคยตกเป็นข่าวพาดหัวข่าวเกี่ยวกับรายงานที่ว่าเธอได้ร่างพินัยกรรมจัดสรรเงิน 1 หมื่นล้านหยวน ให้ลูกแต่ละคน หรือประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเธอมีลูกติดทั้งหมด 3 คน โดยเธอมีทรัพย์สินประมาณ 5 หมื่นล้านหยวน ( 2.3 แสนล้านบาท ) โดยทรัพย์สินที่เหลือตกเป็นของ จื่อจงรุ่ย เหตุการณ์นี้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงในที่สาธารณะเกี่ยวกับฐานะส่วนตัวของ จื่อจงรุ่ย ขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าเขารวยขนาดนั้นจริง ทำไมเขายังมาไลฟ์ขายของตอนอายุปูนนี้อยู่อีก” ชาวเน็ตจีนถามใน Weibo
บันทึกจากฐานข้อมูลออนไลน์ Tianyancha เผยว่า จื่อจงรุ่ย มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของบริษัท Ju Gu Tang Trading และประธานของ Beijing Red Sandalwood Cultural Foundation ในขณะเดียวกัน ภรรยาของเขาเป็นประธานของบริษัท Ju Gu Tang และเป็นเจ้าของธุรกิจ 6 อย่าง ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์, งานศิลปะ, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องสำอาง รวมถึง ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม
จื่อจงรุ่ย วัย 73 ปี มาจากครอบครัวที่เป็นนักแสดงงิ้วปักกิ่งถึง 5 รุ่น เขาฝึกฝนที่สถาบันการละครเซี่ยงไฮ้และเริ่มอาชีพนักแสดงในปี 1981 หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้เป็นนักแสดงที่ศูนย์การผลิตโทรทัศน์แห่งประเทศจีน
เฉินลี่หัว วัย 84 ปี เป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Fuwah International Group ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชั้นนำแห่งหนึ่งของปักกิ่ง นิตยสาร Forbes ยกย่องให้เธอเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในจีนในปี 2014 ก่อนที่เจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่าง โจวคุนเฟย จะแซงหน้าเธอไป ในปี 2025 นิตยสาร Forbes ประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเธอไว้ที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1990 ท่ามกลางเสียงครหาว่า จื่อจงรุ่ย ที่อายุอ่อนกว่าภรรยาถึง 11 ปี เกาะภรรยากิน และยอมเป็นเบี้ยล่างอยู่ในโอวาทของภรรยาที่มีลูกติดและผ่านการหย่าร้างมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยระบุว่าการที่รักครั้งนี้ยืนยาวเป็นเพราะ จื่อจงรุ่ย ยอมที่จะอดทนและไม่มีปากมีเสียงกับภรรยา
อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจำนวนมากออกมาปกป้อง จื่อจงรุ่ย โดยมองว่าการแต่งงาน 35 ปีของทั้งคู่เป็นเครื่องพิสูจน์ความรักที่ยืนยาวและความเคารพซึ่งกันและกัน
