“หม่ำ จ๊กมก” รับเสี่ยงมะเร็งตับ หวั่นตายก่อนเมีย ปลงตลกเสียชีวิตหลายคนแล้ว เมื่อไหร่จะเป็นเรา

“หม่ำ จ๊กมก” เผยเชื้อไวรัสตับอักเสบบีที่มีอยู่ในร่างกายเป็นจากพันธุกรรม บอกคนในครอบครัวพี่น้องมีเชื้อนี้มาตั้งแต่เกิด ไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด เพียงแต่ต้องควบคุมการใช้ชีวิตเพื่อไม่ให้เชื้อขยายเข้าสู่มะเร็งตับระยะแรก บอกต้องพักผ่อนให้เพียงพอไปจนถึงการลดการดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องมรดกแบ่งให้ลูกๆ แล้ว เพื่อไม่ให้ฆ่ากันในภายหลัง ปลงตลกดังเสียชีวิตหลายคนแล้ว ห่วงเมียหากตนตายก่อน เผยอยากมีชีวิตอยู่ให้ถึงวันแต่งของหลานๆ อยากจูงมือไปให้เจ้าบ่าวด้วยตัวเอง

สร้างความเป็นห่วงให้กับแฟนๆ ไม่น้อย เมื่อตลกชื่อดัง “หม่ำ จ๊กมก” เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ออกมาเปิดใจถึงปัญหาสุขภาพผ่านสื่อว่า ขณะนี้ตรวจพบว่ามีไวรัสตับอักเสบบีเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการพัฒนาไปเป็นโรคมะเร็งตับในอนาคต

ล่าสุด หม่ำ จ๊กมก ก็ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมถึงเรื่องสุขภาพ หลังมาร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ โรแมนติก “นากรักมาก ม๊ากมาก” ณ Hollywood Hall ชั้น 1 เมเจอร์ รัชโยธิน ว่า ไวรัสตับอักเสบบีเป็นพันธุกรรมตั้งแต่เกิด บอกต้องพักผ่อนและลดดื่มแอลกอฮอล์ ห่วงภรรยาหากตนจากไปก่อน

“มันเป็นพันธุกรรมอยู่แล้วบ้านเราเป็นทุกคน คือพร้อมที่จะเป็นมะเร็งนั่นแหละ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนกินเหล้ากินเบียร์เป็นมะเร็งตับไม่ใช่นะ คนพักผ่อนน้อยก็เป็นมะเร็งตับได้นะ พักผ่อนน้อยจะมาอันดับหนึ่งกว่า แต่ถ้ากินแอลกอฮอล์ด้วยพักผ่อนน้อยด้วยไปกันใหญ่เลย

ถามว่าตรวจพบเจอเมื่อไหร่ เราเป็นพันธุกรรมอยู่แล้ว มันเป็นอยู่แล้วมันมีไวรัสบีอยู่แล้ว ทุกคนในครอบครัวก็เป็นหมดเพราะมันเป็นพันธุกรรมทั้งหมดทุกคนไวรัสบี อาการตอนนี้มันยังไม่มีอะไรมันก็แค่ไวรัสบี ไวรัสบีก็คือว่ารอจะเป็นมะเร็งระยะแรก ก็พักผ่อนให้เยอะงดแอลกอฮอล์ พักผ่อน 8-9 ชั่วโมงขึ้นไป”

พักผ่อนให้เพียงพอ-ลดดื่มแอลกอฮอล์
“มันก็ต้องเข้าใจมันด้วยแหละ ด้วย ณ วันนี้พวกอาหารการกินมันเป็นไปด้วย พอเรากินอะไรที่มันแสลงเข้าไปมันก็อาจเป็นไปได้ทั้งนั้นเพราะเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรบ้าง วิธีการกินมันก็เปลี่ยน เรื่องนอนกับแอลกอฮอล์ มะเร็งตับเรื่องนอนสำคัญมาก ทำไมคนเฒ่าคนแก่กับศิลปินนักร้องถึงเป็นมะเร็งตับ ศิลปินนักร้องบางทีก็ไม่ได้กินเหล้ากินเบียร์เลย เพราะเขาห่วงเสียงเขาเพียงแค่เขาพักผ่อนน้อย

แสดงว่าพักผ่อนน้อยมาตั้งแต่เด็กเลย มาถึง 20 ปีหลัง ได้นอนเต็มตื่นนอนไม่เกิน 20.00 น แล้วก็ตื่น 04.00 น. ตื่น 04.00 น มารอบนึง แล้วก็นอนต่อมาหลับอีกทีตอน 05.00 น กว่าๆ เกือบ 6 โมงเช้า พอถึง 09.00 น ก็ไปทำงาน ร่างกายไม่ต้องปรับมันอัตโนมัติด้วยวัยของมันด้วย เอาเต็มที่ไม่เกิน 21.00 น หลับแล้ว ตื่นมา 04.00 น ก็มานั่งดูข่าวเช้าทุกๆ ช่องก็รู้ว่ามันมีใครบ้างจำได้หมดเลย

แอลกอฮอล์ก็ไม่ได้หยุดแต่ก็งดลง แต่ถ้ามีงานเหมือนวันนี้ก็จะไม่ดื่ม ถ่ายหนัง 5 วันก็จะไม่ดื่ม ก็ลดดื่มมาเกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ทำหนังเลยเพราะวิธีการมันเปลี่ยนแล้ว เพราะมันไม่มีคาเฟ่เมื่อก่อนมันมีคาเฟ่เลิกตี 4 ตี 5 แล้วนอน 05.00 น กว่าๆ เกือบ 6 โมงเช้า แล้วตื่น 15.00 น ชีวิตมันตีกลับมาด้วยวัยของเราด้วย

ถามว่าหักดิบเลยไหม ค่อยๆ เลิก จาก 10 แก้วก็เหลือ 9 และเหลือ 8 ซึ่งตอนนี้เหลือประมาณสัก 3-4 แก้ว เราเป็นคนไม่ชอบดื่มไวน์ไม่ชอบดื่มเหล้ากินไม่เป็น แต่เป็นคนสะสมไวน์สะสมเหล้าเต็มเป็นโกดังเลย ไม่กินเหล้าไม่กินไวน์แต่คิดถึงพ่อ สะสมเหล้าขวดแพงๆ ทั้งนั้นเลย แล้วก็สะสมไวน์มีแต่ไวน์ดีๆ กินไม่เป็น สะสมไว้ฝากพรรคพวกฝากผู้หลักผู้ใหญ่ หมอบอกว่าการพักผ่อนน้อยเป็นตัวกระตุ้นชั้นดี ใครคิดว่าเป็นมะเร็งตับถ้าใครนอนวันละ 5 ชั่วโมงนั่นแหละไม่เกิน 5-6 ปีหรือ 10 ปีเต็มที่เลย ระยะที่ 1 มาแน่”

หมั่นตรวจเช็กสุขภาพปีละ 1-2 ครั้ง
“ปีหนึ่งครั้งนึงหรือสองปีครั้งหนึ่ง ก็ไวรัสบีอยู่เหมือนเดิมพันธุกรรมทุกคนเลยเมียก็ติดไปด้วย ก็เป็นตั้งแต่เด็กก็พันธุกรรมไง ลูก 7 คนก็เป็นทั้งหมด เพราะเมื่อก่อนมันไม่มีวัคซีนฉีด ก็ไม่ได้เครียด ไม่มีโอกาสรักษาหายมีแต่จะเริ่ม พักผ่อนไม่เพียงพอ กินแอลกอฮอล์เยอะๆ มันจะเพิ่ม โอกาสมีน้อยแต่ถ้าเราพักผ่อนเพียงพอลดแอลกอฮอล์ลงนะ ก็มียากินที่หมอให้มา อีกอันนึงก็เป็นแผนโบราณ

พี่มด (ภรรยา) เขาก็เป็นไวรัสบีเหมือนกัน เราก็เป็นห่วงเขา เขานอนตื่นช่วงเช้าเราก็เอามือไปจับที่จมูกว่าเมียยังหายใจอยู่หรือเปล่า บางทีนิ่งๆ 8 โมงไม่กระดุกกระดิกเราก็เอามือไปวางตรงจมูกทุกเช้าเลย แต่ถ้าเขากระดุกกระดิกแสดงว่าเขาโอเค (มีเตือนพี่มดไหมว่าเบาๆ เลิกแอลกอฮอล์?) เตือนเขาไม่ได้หรอกเดี๋ยวเขาด่าเอา ซึ่งเขาก็เตือนเรา แต่เขาไม่ได้แรงเหมือนเรา”

อยากให้อายุยืนถึงหลานแต่งงาน
“บางทีคิดว่าเราจะอยู่ถึง 20 ปี เราจะเห็นงานแต่งหลานเราเปล่า บางทีคิดว่าเราต้องอยู่ให้ได้ ถ้า 20 ปี แล้วหลานคนโตอายุ 28 ไม่แต่งงานเราก็คงต้องตายก่อนแล้วแหละ (แสดงว่าอยากเห็นหลานแต่งงาน?) อยากเห็นหลานแต่งงาน อยากจูงหลานหาเจ้าบ่าว ก็คุยกับหลานทุกวัน สองวันที่แล้วเจอกันเขาเอาการ์ดอวยพรล่วงหน้าวันเกิดมาให้เพราะเราไม่อยู่ เขาก็เขียนอวยพรภาษาอังกฤษทั้งสองคนเลย บางทีก็น้ำตาจะไหลเขาพูดภาษาอังกฤษเป๊ะทั้งพี่ทั้งน้อง ฟังไม่รู้เรื่องจะไปซึ้งอะไร แต่ว่าเอ็ม (ลูกสาว) แปลให้ฟังว่ารักคุณตาขอให้คุณตาแข็งแรงรวยๆ แล้วก็เอาเงินมาให้หนูนะ

ถามว่าไม่ห่วงหลานเหรอถึงอยากให้แต่งงาน มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ อย่าไปแยกอย่างนั้นเลยถึงวัยมันก็ต้องมีครอบครัว เขาก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่หรอก ก็เหมือนเอ็มมีครอบครัวก็แยกบ้าน”

รับเรื่องมรดกมีการแบ่งให้ลูกๆ แล้ว เพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลัง
“เริ่มทำแล้ว ก็เริ่มแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนไม่อยากเห็นลูกตีกันฆ่ากัน ง่ายๆ ชัดเจนเลยแบบมี 10 บาท ลูกก็เอาไปคนละ 4 บาท 2 คนเป็น 8 บาทเหลือ 2 บาท ก็เก็บเอาไว้ให้เมีย แต่ถ้าเมียตายก่อนก็เป็นของเรา 2 บาท จบก็แค่นี้ ลงตัวแล้วเท่ากันคนละ 4 บาท แต่ถ้าเราหรือเมียตายก็ที่เหลือแบ่งกันคนละบาท”

ไม่กลัวตายแต่ห่วงภรรยาหากตนจากไปก่อน
“เราไม่กลัว บางทีไปงานพรรคพวกเพื่อนฝูงตลกตายก็นั่งนึกอยู่เหมือนกัน ล่าสุดไปงาน อาฉี เสียงหล่อ ก่อนหน้านั้นก็คือ ยายชา ก็นั่งปลงเหมือนกัน นั่งขับรถมาคิดว่าเมื่อไหร่เป็นคิวของเรา ก็นั่งคิดก็คือตาย คนตายก็คือคนนอนหลับไป มันไม่แน่มันหนีไม่พ้นบางทีคุณอาจจะไปก่อนเราก็ได้

ตอนนี้ห่วงแต่เมีย ถ้าเราตายจะห่วงเมียว่าเมียจะอยู่ยังไง เมียจะเหงาไหม แต่รู้สึกได้เลยว่าเมียจะต้องผอมแน่ น่าจะไม่กินข้าวกินปลาก็คิดถึงผัว เชื่อเถอะถ้าเขาตายก่อนเรา เราก็คงเป็นแบบนั้นแหละ คนมันเคยนอนกอดกันทุกคืนพอตื่นมาแล้วไม่มีเมียอยู่ไม่มีผัวอยู่ คนใกล้ชิดกันเคยนั่งหยอกกันนั่งแหย่กัน พอวันนึงแล้วเขาไม่อยู่ก็ต้องทำใจกันให้ได้”

เผยทำหูหนวกตาบอดเวลาเมียขุดเรื่องเก่าๆ มาพูด
“เข้าบ้านไปก็ไม่ได้พูดหรอก ทำหูหนวกตาบอดไปเดี๋ยวทะเลาะกันเปล่าๆ เขาก็พูดของเขาไปเรื่อยเปื่อยเรื่องเก่าๆ ก็พูดซ้ำๆ ซากๆ บางทีเราก็รำคาญเข้าบ้านก็หูหนวกตาบอดไปจบๆ ก็เรื่องเชียงรายพูดไม่จบ ยิ่งถ้าเป็นละครมีเมียน้อยเมียหลวงนั่นแหละโลกบรรลัยเลยในบ้านหลังนั้น ถ้าเขาดูละครเกี่ยวกับพวกนี้เกี่ยวกับพวกเมียน้อยเมียหลวงที่ผัวมีเมียหลายคน สักพักนึงเรานั่งอยู่โต๊ะในครัวเขายังหันมาเบะหน้าใส่เรา อิน

ข่าวเรื่องโลก 2 ใบอยู่ยากไหม เมื่อ 30 ปีที่แล้วมันก็อยู่ยาก ถ้าพูดถึง 30 ปีนะ เป็นวัยที่กำลังคะนอง ก็เราไม่ได้คิดอะไรสนุกไปเรื่อยเลยลืมลูกลืมเมียไป แต่พอมาคิดได้อีกทีมันก็วัยนึงเดี๋ยวมันก็รู้ของมันเอง บางทีเส้นผมมันอาจจะไม่ได้บังภูเขาหรอก แต่ตัวเราเองบังภูเขา”