เคยคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตมาอย่างดี แข็งแรงมาก เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ออกกำลังกายด้วยการวิ่งวันละ 10-20 กิโลทุกวัน แต่สุดท้ายผู้กำกับและนักแสดงชื่อดัง “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” ก็ต้องมาพบกับวิกฤตเส้นเลือดในสมองตีบ หรือ สโตรก ซึ่งเป็นภาวะที่คนไทยเจอมากที่สุด
ล่าสุดในรายการแฉ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ได้มาแชร์ประสบการณ์ ภาวะสโตรกที่เคยเจอมากับตัว และยังเล่าถึงพฤติกรรม การใช้ชีวิตที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว
“จริงๆ แล้วเราไม่ได้แข็งแรงอย่างที่คิด ร่างกายเราแข็งแรงก็จริง แต่ปัจจัยที่ทำให้เส้นเลือดสมองอุดตัน คือ นอนน้อย เครียดสะสม การทานอาหาร ผมออกกำลังกายก็จริง แต่ผมชอบทานขาหมู ปาท่องโก๋ ผมเป็นความดันสูง 180 กว่าเลยนะ แต่ไม่ยอมทานยา หมอให้ยามาทานได้ 2 วันก็ทิ้ง เราคิดว่านี่คือธรรมชาติของเราเป็นแบบนี้ ไม่เกี่ยวกับความดันสูง จนสุดท้ายร่วง
ความเครียดสะสมบางทีเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราเป็น อยู่ในกองเราเล่น เราหัวเราะกับทุกคนแต่ความจริงเราสะสมความเครียดจากงานเราเอาไว้โดยที่เราไม่รู้ตัว การนอนน้อยก็เหมือนกัน แต่ก่อนผมตื่น 6 โมงเช้า ไปกอง ถ้าเป็นนักแสดงก็เล่นด้วย วันไหนกำกับก็กำกับถึง 4 ทุ่ม เสร็จแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า 5 ทุ่มไปเล่นคอนเสิร์ต ถึงตี 1 ก็สั่งแม่ครัวทำผัดกระเพราเนื้อไข่ดาว 2 ไปนั่งทานตอนตี 2 อาบน้ำอาบท่าได้นอนตอนตี 3 ตื่น 6 โมงเช้า ชีวิตวนลูปอยู่แบบนี้ อีกอย่างนะ ผมทานน้ำน้อยด้วย ทานกาแฟวันละ 3 เหยือก เป็นกาแฟดำไม่ใส่นม คิดว่าทานน้ำแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่น้ำ”
ความจริงแล้วก่อนมีอาการฮีทสโตก ร่างกายส่งสัญญาณมานานแล้ว
“อาการเตือนล่วงหน้าจริงๆ มันเตือนมาตั้งนานแล้ว คือตื่นมาแล้วเวียนหัว แต่ตอนนั้นเราสะบัด 2-3 ทีมันก็หาย บางทีนั่งๆ อยู่เหมือนบ้านหมุน นั่งสักพักก็หาย แล้วก็มีอาการปวดบ่า ปวดไหล่ ก็ให้ลูกสาวนวดบ้างไรบ้างก็หาย ก็คิดว่าไม่เป็นอะไร จนสุดท้ายมันมาทีเดียวเลย
ผมกำกับอยู่แล้วรู้สึกทำไมเวียนหัว ก็ทำเหมือนเดิมสะบัด 2-3 ทีแล้วก็หาย แล้วก็เดินมาที่หน้ามอนิเตอร์ บ่นกับคนในกองเป็นอะไรก็ไม่รู้ เวียนหัว น้องมันก็บอกว่าพี่ขาดโปรแทสเซียม เขาก็เอากล้วยหอมมาให้ เขาส่งใส่มือผมแล้วมันกลับหล่นลงไป มือไม่มีแรงแล้ว เราก็รู้ตัวแล้ว หันไปบอกลูกสาว พ่อไปแล้ว แล้วก็ไปเลย โชคดีที่ล้มในกอง ล้มแล้วมีคนเห็น โชคดีที่มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆ กองถ่าย ก็ลากขึ้นรถส่งโรงพยาบาลทันที”
ใช้เวลารักษา 1 ปี ทำทุกวิถีทาง ใส่สมองหมู ฝังเข็ม มูเตลู
“ใช้เวลารักษาอยู่ปีนึง ตอนแรกที่ลืมตาขึ้นมาได้ สิ่งแรกคือเห็นหน้าภรรยาก่อนเลย สิ่งแรกที่ทำคือขอโทษเขา เรารู้ตัวว่าเราทำตัวเอง ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ครอบครัวเดือดร้อนแน่นอน ก็ขอเวลาพักผ่อน 1 ปีแล้วจะทำงาน ก็รักษาตัวทุกอย่าง ใส่สมองหมูแทน ใส่ๆๆ จนจะร้องอู๊ดๆ อยู่แล้ว ฝังเข็ม รดน้ำมนต์ เอาหมดทุกทางจนกลับมาได้
แต่ในเรื่องของจิตใจผมหายตั้งแต่ 2-3 วันแรกแล้ว ผมไม่ทุกข์เลย ก็หันมาพิจารณาตัวเอง กับถามว่ายังเที่ยวได้หรือเปล่าเพราะชอบเที่ยว ลูกชายบอกเข็นไปได้ ก็จบ ไม่ทุกข์แล้ว เรายังอยากเที่ยวไง ลูกบอกต่อให้ป่วยยังไงก็พาเราเที่ยวได้ ก็สบายใจแล้ว ครั้งแรกไปญี่ปุ่น ต่อมาไปยุโรป (กลับมาทำงานปกติ?) หลังจากหายป่วยก็กำกับมาแล้ว 6 เรื่อง”
