ทนายย้ำ! “ดีเจแมน-ฟิล์ม” ตกลงร่วมกันไกล่เกลี่ย วางข้อเท็จจริง-ใครผิดใครถูก เป็นพี่น้องคุยกันได้

“ทนายอมร” เป็นตัวแทน “ดีเจแมน พัฒนพล” เข้าร่วมนัดไต่สวนมูลฟ้อง ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ลั่นทนายหารือร่วมกัน วันนี้ขอให้ทั้งสองฝ่ายวางข้อเท็จจริงลงและไกล่เกลี่ยกันก่อนในฐานะพี่น้องวงการเดียวกัน คุยกันได้ แต่ถ้าไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ตนก็พร้อมเดินหน้านำหลักฐานสู่กระบวนการยุติธรรม

วันนี้ (16 มิ.ย.2568) “ทนายอมร กุศล” เป็นตัวแทน “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน” เข้าร่วมนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เป็นโจทก์ฟ้องหมิ่นประมาทดีเจแมนเป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ในกรณีกล่าวหาว่าฟิล์มเรียกเงิน 14 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือคดี Forex – 3D ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง และมีผลกระทบกับงาน

หลังจากเจรจาจบ ทนายอมร ได้ลงมาเปิดใจกับสื่อมวลชน เผยว่า ตนและทนายของฟิล์มได้หารือร่วมกันว่าอยากให้ทั้ง ฟิล์ม และ ดีเจแมน ได้เคลียร์กันตัวต่อตัวก่อน ในฐานะเพื่อนร่วมวงการเดียวกัน ลั่นวันนี้ขอให้ทั้งคู่วางข้อเท็จจริงลงก่อน แล้วเปิดอกคุยกันแบบลูกผู้ชาย

“ผมได้หารือกับทั้งสองฝ่ายแล้ว ก็ได้หารือว่าเราไม่คุยกันก่อนเหรอ เพราะต่างคนต่างมีข้อเท็จจริงกัน ฝั่งเราก็ลูกผู้ชายพอ มาคุยกันก่อนไหม ถ้าไม่มีข้อยุติหรืออย่างไรก็ค่อยมาว่ากัน ผมอยากให้ไกล่เกลี่ยกัน การเป็นความกันสุดยอดที่สุดแล้วคือการไกล่เกลี่ยไม่จำเป็นต้องแพ้ ชนะ ทนายเราเห็นว่าคุยกันก่อนดีไหม คุยกันไม่ได้ยังไงก็เอามีดแล้วแทงกันไปตายทั้งคู่ เดินกันต่อไปอย่างลูกผู้ชายดีกว่า

ผมไม่ได้แนะนำให้ไกล่เกลี่ยนะครับ เป็นการตกลงร่วมกัน ย้ำนะครับ ใครจะให้ข้อเท็จจริงอะไรก็แล้วแต่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าฝั่งผมหรือฝั่งฟิล์ม ผมจะไม่แตะในเรื่องของข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด ผมจะเอาในด้านทนายความมาคุยกันว่าเราหาทางยุติปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร หรือไม่ เท่านั้นเอง (ไม่ได้เกี่ยวในเรื่องของเราไม่มั่นใจพยานหลักฐานของแมน?) ผมเรียนทุกครั้ง ตราบใดที่ผมไม่พร้อม ผมไม่มา ผมยืนยันทุกครั้งตั้งแต่คดีของแมนแล้ว ผมพร้อมเมื่อไหร่ผมเดินทันที พยานหลักฐาน พยานบุคคลผมพร้อม แต่ผมไม่อยากจะก้าวล่วงในประเด็นตรงนั้น เราเป็นกลุ่มดาราด้วยกัน อะไรที่มันพอจะคุยกันได้ ทำไมเราไม่มาจบปัญหาของเรากันด้วยตัวเอง”

เผย “ดีเจแมน” เห็นด้วยกับการไกล่เกลี่ย วอนขอให้วางความจริง และเห็นแก่ความเป็นพี่น้องร่วมวงการไกล่เกลี่ยกัน แต่ถ้าไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ตนก็พร้อมเดินหน้านำหลักฐานสู่กระบวนการยุติธรรม
“แมนก็เห็นด้วยว่ามาคุยกัน ปัญหาจะได้จบ ไม่ได้มองว่าใครผิดใครถูกนะครับ ทางฟิล์มเขาก็มีข้อเท็จจริงของเขา ทางผมก็มีข้อเท็จจริงของผม เราวางข้อเท็จจริงลงดีไหม แล้วมาคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เป็นพี่น้องกันคุยกันได้ แมนบอกก็ดีเป็นอีกทางหนึ่ง ที่จะได้คุยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา ก็นัดไกล่เกลี่ยที่นี่ แล้วก็มีตอนเดือนสิงหาคมที่มีนัดอยู่แล้ว

(ฟิล์มบอกเปิดโอกาสให้ไกล่เกลี่ย?) อย่าใช้คำว่าเปิดโอกาส มันต้องใช้คำว่าร่วมกันไหมครับ อย่าใช้ถ้อยคำชิงความได้เปรียบ ผมไม่ชอบเลยครับ ในเมื่อเรามีความสมัครใจไกล่เกลี่ย ดีที่สุดครับ คุยกัน คุยกันไม่ได้ยังไง ข้อเท็จจริงมันมีอยู่แล้วทั้งสองฝั่ง ก็มาฟังกันว่าข้อเท็จจริงคนไหนที่จริงหรือไม่จริง สังคมจะตัดสินยังไงก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้กระบวนการคุยกันก่อน การทะเลาะเบาะแว้งมันไม่ดี เราหาเรื่องให้มันจบกันได้ มันคือสุดยอดของคดี สุดยอดของทนายความก็คือการไกล่เกลี่ย ไม่อยากให้เดินไปถึงหนทางการดำเนินคดี แต่ในเมื่ออีกทางเขาเลือกเราก็ยินดีที่จะต่อสู้ไปตามกฎหมาย

ไม่ใช่ว่าเราไม่มีข้อเท็จจริง เรามี และเราก็มีหลักฐานด้วย ผมเลยยังไม่แตะของข้อเท็จจริง เรามาคุยเรามาปลดพันธนาการทุกๆ อย่างที่มันเป็นข้อขัดแย้ง เรามาคุยกันแบบพี่กับน้องคุยกันดีกว่า มาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ตอนแรกในเรื่องของคดี ใครจะผิดถูกยังไงคุยกันก่อน ลงไม่ได้ยังไงก็มาว่ากัน หนทางมันมีอยู่แล้ว ทุกคนมีข้อเท็จจริง ผมก็มีข้อเท็จจริง ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆ ก็มาว่ากันในกระบวนการยุติธรรม”