“โอปอล” รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติได้ทำให้เกิดโมเมนต์แห่งความสุขขึ้นกับคนไทย ลั่นมีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อความสุขแบบนี้ไม่ได้ เล่าโมเมนต์วินาทีมงฯ ลงหัวทำไมต้องหลับตา ด้าน “จูเลีย” ขอบคุณคนไทยต้อนรับอย่างอบอุ่น รู้สึกงงมากว่าคนไหนคือ Miss World ตัวจริง หลังแฟนๆ แห่ใส่มงฯ มารับกันทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเฉลยทำไมโอปอลถึงคู่ควร
คว้ามงฯ กลับมาถึงแผ่นดินแม่ไทยแลนด์ สำหรับ “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” Miss World 2025 พร้อมด้วย “จูเลีย มอร์ลีย์”เจ้าของเวที ทั้งคู่ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นครั้งนี้ว่า…
โอปอล : “ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่คอยติดตามเชียร์โอปอลตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่วงการนางงามจนถึงการประกวดมิสเวิลด์ ตั้งแต่วันแรก โอปอลเชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่หลายๆ คนอยากให้โอปอลไปเริ่มต้น และมันก็เป็นอะไรที่แฮปปี้เอนดิ้งมากๆ สำหรับโอปอล มันทำให้โอปอลได้รู้จักคุณค่าหลายๆ อย่างทั้งกับตัวโอปอลเองและผู้อื่นรอบข้าง ขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่น”
จูเลีย : “รู้สึกดีใจมากที่ได้มาประเทศไทย ฉันรักเมืองไทยมากๆ เพราะคนไทยไปสุดในด้านของนางงาม เป็นประเทศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก รอยยิ้ม ฉันดีใจที่ได้มาเมืองไทย สิ่งที่ฉันยึดมั่นที่สุดคือ Beauty with a Purpose ที่โอปอลจะได้มาเป็นสะพานเชื่อม นำโครงการ Beauty with a Purpose มาสู่ประเทศไทย มันเป็นการที่โอปอล และคนไทยจะเป็นพลังส่งต่อโครงการนี้ไปถึงผู้คนได้”
คว้ามงฟ้ามาได้เพราะเป็นตัวของตัวเอง ผ่อนคลาย มีเป้าหมายที่ชัดเจน
โอปอล : “ด้วยเราได้ทำความรู้จักและใช้เวลากับมิสเวิลด์มาพอสมควร เราจึงรู้ว่าเขาชอบอะไรที่เป็นตัวของตัวเอง คุณจูเลียจะบอกเสมอให้เราเป็นตัวของตัวเอง”
จูเลีย : “ฉันต้องการมิสเวิลด์ที่เป็นตัวของตัวเอง ผ่อนคลาย มีเป้าหมายที่ชัดเจน อยากให้เด็กสาวและผู้หญิงทุกคนได้รับแรงซัปพอร์ตจากฐานของฉัน และมาทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่โอปอลได้เรียนรู้จากการเดินบนเส้นทางนี้กับทุกคน สุดท้ายไม่ใช่โอปอลคนเดียวที่ชนะ แต่มันคือประเทศไทย ทั้งฉันและคนทั้งโลกมองเห็นสิ่งนั้น”
ภารกิจ 1 ปี ไม่ใช่แค่สร้างคุณค่าให้คนอื่น แต่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตตัวเองด้วย
โอปอล : “คุยบ้างแต่ยังไม่ได้ลงลึกชัดเจน หลักๆ ที่คุยคือเราต้องการที่จะโฟกัสปัญหาต่างๆ ของมะเร็งเต้านมที่โอปอลทำโครงการอยู่ ในเรื่องของการเดินทางไปช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กๆ ทั่วโลก เราจะพยายามเดินทางกันไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ การที่เราได้เดินทางไปช่วยเหลือผู้คนทั่วโลก บางทีแค่เราไปถึงแล้วเขามองเห็น มันก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการแล้ว เขาต้องการความหวัง เขาต้องการเห็นแสงสว่าง สิ่งหนึ่งที่โอปอลเห็นตรงกับคุณจูเลีย การที่เราไป เราไม่ได้แค่สร้างคุณค่าให้กับชีวิตคนที่กำลังลำบาก กำลังต่อสู้กับปัญหา แต่มันคือการเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตเราเองด้วย
ตัวโอปอลตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้เดินทางรอบโลก ไปช่วยเหลือผู้คนตามที่ฝัน ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของการเป็นนางงามของโอปอลเลย โอปอลอยากจะใช้แสงตรงนี้เดินทางไปหาคนที่เขาต้องการที่จะมองเห็นแสงสว่างในชีวิต หลังจากจบภารกิจ 1 ปี มันไม่ได้หมายความว่าเราจะเก่งขึ้นเพราะเราได้ไปฝึกไปเทรน แต่มันหมายความว่าเราได้ไปเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองมากขึ้นตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เราไปช่วยคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ”
ดีใจและเป็นเกียรติได้ทำให้เกิดโมเมนต์แห่งความสุขขึ้นมา ลั่นสุขแบบนี้มีเงินก็ซื้อไม่ได้
โอปอล : “ดีใจ เป็นโอกาสที่หายากมากๆในชีวิต โอปอลไม่รู้ว่าจะต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงจะซื้อความสุขให้คนทั้งประเทศได้ แต่อันนี้โอปอลได้รับโอกาสที่จะสามารถทำให้คนทั้งประเทศมีความสุข มันไม่ใช่สิ่งที่จะมีตลอดชีวิต และมันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้ รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ กับโอกาสนี้ ดีใจที่ได้ทำให้ทุกคนมีความสุข มีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อความสุขแบบนี้ไม่ได้”
จูเลีย : “โอปอลยังใหม่กับหน้าที่นี้ และโอปอลเข้ามาด้วยแพสชั่น ฉันอยากจะได้ยินว่าโอปอลสนใจเรื่องอะไร อยากจะแก้ปัญหาอะไร ต้องการอะไร ฉันพร้อมที่จะรับฟังตรงนั้น ฉันพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อให้โอปอลสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ฉันขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น รู้สึกว่า Miss World ทุกคนที่มาที่นี่สวยมาก ฉันรู้สึกงงมากว่าคนไหนคือ Miss World ตัวจริง”
เล่าโมเมนต์วินาทีมงฯ ลงหัวทำไมต้องหลับตา
โอปอล : “เราเองก็ใฝ่ฝันที่จะมีโมเมนต์แบบนี้ ทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่ามงกุฎ Miss World มันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เราหวังกันจนไม่รู้จะหวังยังไงแล้ว รอมานานมาก ตอนนั้นเราทำเต็มที่ในทุกๆ อย่าง ก็ค่อนข้างที่จะตึงเครียด แต่เราก็พยายามไม่คิดเยอะ ปล่อยใจจอยๆ เพราะเราอยากจะดูมีความสุขที่สุดตอนที่อยู่บนเวที ตอนประกาศก็ลุ้นให้เป็นประเทศไทย พอประกาศชื่อประเทศไทยก็รู้สึกช็อกมาก ช็อกจริงๆ คืองง โอปอลใช้เวลาหลายวันในการประมวลว่ามันเกิดขึ้นจริง คิดว่าหลายๆ คนคงจะเหมือนกัน ที่เห็นโอปอลใส่มงกุฎแล้วคิดว่ามันคือเรื่องจริงหรือเปล่า
ตอนที่มงกุฎลงหัวมันเป็นโมเมนต์ทึ่เรารู้สึกอยากจำไปตลอดชีวิต มีทีมงานมาพูดกับโอปอลเหมือนกันว่ายูหลับตาตอนโดนใส่มงกุฎ น่ารักมาก โอปอลก็บอกว่าการที่เราหลับตามันทำให้ประสาทสัมผัสอื่นๆ ของเราทำงานได้ดีขึ้น มันเป็นสิ่งที่โอปอลอยากทำตอนที่ได้รับมงฯ เพราะมันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตแห่งความภาคภูมิใจ ที่ไม่ใช่แค่ของโอปอล ของครอบครัว แต่คือมงกุฎของคนไทยทั้งประเทศด้วย เราจึงอยากจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้จริงๆ
ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ โอปอลเชื่อว่าเส้นทางการเป็นนางงามสามารถที่จะมอบความสุขให้หลายๆ คนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่โอปอลเป็นเกียรติ รู้สึกทรงคุณค่ามากๆขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันจนถึงนาทีนี้ มันเป็นนาทีที่เราฉลองความสำเร็จนี้ด้วยกันแบบเต็มที่จริงๆ ขอบคุณมากค่ะ”
