“โอปอล สุชาตา” หลั่งน้ำตา ขอบคุณคนไทยที่ทำให้รู้สึกมีค่า มงฟ้า Miss World สัญลักษณ์แห่งความสุขและภาคภูมิใจ (คลิป)

“โอปอล สุชาตา” หลั่งน้ำตาขอบคุณคนไทยที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้รู้สึกมีค่า ตนไม่สามารถมีความสุข และความสำเร็จแบบนี้ได้เลยหากไม่มีทุกคนคอยสนับสนุน มงกุฎนี้เป็นสัญลักษณ์ของดอกไม้ที่เราทุกคนช่วยกันดูแลเพื่อเก็บเกี่ยวความสุขและความภาคภูมิใจ ด้าน “ปุ้ย ปิยาภรณ์” ลั่นโอปอลคือตัวแทนคนไม่ยอมแพ้ต่อชะตาไม่ต้องหลบไปจำศีลแล้ว

เรียกว่าเป็นวาระแห่งชาติของคนไทยที่ได้เสพความรู้สึกสุขและภาคภูมิใจแห่งเกียรติยศ ในฐานะ Miss World 2025 ร่วมกับ “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” ที่ไปสร้างประวัติศาสตร์เป็นนางงามไทยคนแรกที่ไปคว้ามงฟ้าให้กับคนไทย

หลังจากที่โอปอลร่วมขบวนแห่ เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ร่วมเฉลิมฉลองมงฟ้ามงแรก และแสดงความยินดีกับมิสเวิลด์คนแรกของไทยแบบใกล้ชิดบนถนนสุขุมวิท และยังมีแฟนๆ อีกมากมายร่วมแสดงความยินดีผ่านหน้าจอ เป็นโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่ชาวไทยรอคอยมาอย่างยาวนาน

ในช่วงค่ำ 19.30 น. เป็นกิจกรรมสุด Exclusive ที่จัดขึ้น ณ UOB LIVE by The Mall Group โดย โอปอล สวมชุดวันไฟนอลที่ประกวด Miss World ที่ได้มงฯ ขึ้นพูดสปีชกับคนไทย ที่รอชื่นชมความสำเร็จของโอปอลครั้งนี้ว่า…

“จากคำตอบที่โอปอลได้ตอบไปบนเวทีไฟนอลของ Miss World การเป็น Miss World ของโอปอล เปรียบเสมือนผู้ดูแลสวน ซึ่งโอปอลไม่รู้มาก่อนเลยว่าความจริงแล้วสวนที่โอปอลดูแลอยู่ โอปอลได้หย่อนเมล็ดพันธุ์ลงไปตั้งนานมากแล้วตั้งแต่โอปอลก้าวเข้าสู่วงการนางงาม มันคือเมล็ดพันธุ์เล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความหวังที่มาจากตัวโอปอลเอง ตลอดระยะเวลาที่โอปอลดูแลสวนของตัวเองบางครั้งก็ไม่มีฝน บางครั้งดินก็แห้งเหือดไป หรือบางครั้งฝนตกหนัก ดินชุ่มเกินไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นดินแบบไหน น้ำแบบไหน ปุ๋ยแบบนั้น มันคือการที่ทุกคนมีส่วนร่วมช่วยดูแลสวนของโอปอล

จนวันนี้ผ่านมาประมาณ 3 ปี โอปอลอยากให้มงกุฎนี้เป็นสัญลักษณ์ (ร้องไห้) ของดอกไม้ที่เราทุกคนช่วยกันดูแล ช่วยกันเก็บเกี่ยว อยากให้ทุกคนได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจและความสุขนี้กับโอปอล อยากจะบอกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา มีแต่คนชอบถามโอปอลว่าความสำเร็จในชีวิตคืออะไร โอปอลไม่เคยตอบได้ทั้งที่ในชีวิตโอปอลก็รู้อยู่แล้วว่าความสำเร็จคือการมีเยอะ เหมือนตอนที่โอปอลคิดตอนเด็กๆ ความสำเร็จคือการมีชื่อเสียง ความสำเร็จคือการได้กระเป๋า รองเท้าในแบบที่เราชอบ การได้นั่งไพรเวตเจ็ต แต่โอปอลไม่เคยตอบคำตอบเหล่านั้นออกไป เพราะโอปอลรู้ว่าสำหรับโอปอลมันไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง

จนโอปอลได้ก้าวเข้าสู่วงการนางงาม โอปอลอยากเป็นผู้ชนะในครั้งแรกของการประกวด เพราะโอปอลรู้สึกว่ามันคือความสำเร็จของโอปอล มันคือชื่อเสียง เกียรติยศของโอปอล แต่ยิ่งโอปอลใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ในฐานะนางงามในหัวใจของทุกคนโอปอลรู้สึกว่านิยามของความสำเร็จของโอปอลมันต่างออกไป และทำให้เหตุผลที่โอปอลอยากชนะก็แตกต่างออกไปด้วยเช่นกัน

จนถึงวันนี้มาถึงวันสุดท้ายของการประกวดนางงามในเส้นทางนี้ของโอปอล โอปอลคิดว่าโอปอลสามารถพูดได้นะคะว่าโอปอลก้าวเข้าสู่บันได 2-3 ขั้นในความสำเร็จของชีวิต แต่ขั้นสูงสุดของโอปอล คือการมอบคุณค่าและมอบชีวิต มอบความฝันให้กับคนที่สูญเสียหรือถูกพรากไป และในความสำเร็จคือการมอบความสุขให้กับคนทั้งประเทศ อย่างที่โอปอลบอกว่าต่อให้โอปอลมีอำนาจมากแค่ไหน ต่อให้โอปอลมีเงินมากแค่ไหน โอปอลไม่สามารถจะสร้างความสุขให้คนทั้งประเทศได้ ถ้าโอปอลไม่ได้รับโอกาสนี้ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ชีวิตผู้หญิงคนนี้รู้สึกมีค่า”

ด้าน “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” เผยดีใจไม่ต้องหลบไปจำศีล ลั่นทุกอย่างเป็นไปได้ หากมีความฝัน ความหวัง และมุ่งมั่นที่จะทำมัน
“ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนนะคะ อยากจะบอกทุกคนว่าดีใจมากที่แม่ปุ้ยและโอปอลไม่ต้องไปจำศีล ณ ช่วงเวลานี้ เราจับมือกันไว้วันนั้น แม่ปุ้ยบอกว่าโอปอลเป็นไงลูก โอปอลบอกสู้ค่ะแม่ โอปอลจะทำชื่อเสียงให้ประเทศไทยให้ได้มากที่สุด แต่ถ้ามันเกิดความผิดพลาดขึ้นนะลูก เราไม่ต้องโทษใครทุกอย่างเกิดขึ้นได้ เราสองคนแค่หลบไปถือศีลสักเดือนนึงให้เรื่องมันซาแล้วเราค่อยกลับมา โอปอลบอกสู้ค่ะ

และวันนี้เราทำสำเร็จแล้วนะคะ มงฟ้ามงฯ แรกของคนไทยในรอบ 72 ปี แม่ปุ้ยขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจ ส่งความรัก ความปรารถนาดีให้ตลอดเวลา พวกเราจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยค่ะ และสิ่งสำคัญที่มันตอกย้ำ คือโอปอลบอกกับแม่ปุ้ยว่า มงกุฎที่สวมอยู่บนศีรษะของโอปอล คือเครื่องตอกย้ำถึงความวิริยะอุตสาหะ และความไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาแม่ปุ้ยอยากจะให้กำลังใจทุกคนนะคะ อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ค่ะ มันเป็นไปได้ถ้าเรามีความฝัน มีความหวัง และมุ่งมั่นที่จะทำมันค่ะ”