xs
xsm
sm
md
lg

“บอย-ภัทร์” เปิดใจทั้งน้ำตา สิ่งที่แม่สร้างไว้ให้พวกเราจริงๆ คือพี่น้อง ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่ (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บอย-ภัทร์” เปิดใจทั้งน้ำตาดีใจและภูมิใจคนรัก “คุณแม่งามทิพย์” มากมายขนาดนี้ รับรู้หลายคนร้องไห้และเสียใจเหมือนเป็นญาติ เป็นแม่ของตัวเอง เล่าคุณแม่จากไปด้วยโรคมะเร็งที่ไต หลังรักษามาเป็นเวลา 6 ปี “ภัทร์” เผย มากกว่าธุรกิจที่แม่สร้างไว้ให้ลูกๆ ทั้ง 3 คนคือการได้มีพี่น้อง ส่วน “บอย ปกรณ์” ในฐานะพี่ชายคนโต ขอให้แม่ไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลน้องๆ ทุกคนแม้ในวันที่แต่ละคนต่างไปมีครอบครัวแล้วก็ตาม

พร้อมเปิดใจเล่าถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว “ฉัตรบริรักษ์” แล้ว วันนี้ (13 มิ.ย.68) “บอย ปกรณ์” และน้องชาย “ภัทร์” ได้เปิดใจทั้งน้ำตาถึงการจากไปของ “คุณแม่งามทิพย์” จากไปด้วยโรคมะเร็งที่ไต รักษามานานกว่า 6 ปี

บอย : “ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมส่งคุณแม่ ผมเดินไปบอกกับแม่ทุกวันว่าแม่มีคนมางานแม่เยอะมากเลยนะ ดีใจแทนแม่มากๆ ขอบคุณมากจริงๆ ไม่คิดว่าจะมาส่งคุณแม่กันเยอะขนาดนี้”

ภัทร์ : “ขอบคุณไปถึงหลายๆ คนที่ไม่ได้มาร่วมงานอย่างชาวโซเชียลทุกคนที่เขาไม่ได้มา แต่เขาอ่านข่าว เราได้เห็นหลายๆ คนเป็นกำลังใจให้ครอบครัวเรา ก็ดีใจ และขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กับครอบครัวเรา”

บอย : “เราพอจะได้อ่านคอมเมนต์บ้างแต่ไม่ทั้งหมด แต่ก็เยอะมากๆ เราได้เห็นถึงความรักที่ทุกคนมีให้กับแม่แล้วก็วันใหม่ เป็นห่วงวันใหม่กันค่อนข้างเยอะ เรารู้สึกขอบคุณจากใจจริง”

“แม่งามทิพย์” ป่วยเป็นมะเร็งที่ไต รักษามา 6 ปี
บอย : “แม่ไม่สบายมา 6 ปีแล้ว ด้วยโรคมะเร็งที่ไต ช่วงวาระสุดท้ายของแม่ท่านก็มีบุญ คุณแม่จากไปอย่างสงบ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทรมาน ลอยอังคารเราจะพาคุณแม่ไปลอยกันในวันอาทิตย์ ที่พัทยา ที่เดียวกับพ่อ ให้ท่านได้อยู่ด้วยกัน”

“แม่งามทิพย์” สู้มาตลอด แต่ก็ทำใจและปล่อยวางได้ในช่วงท้าย
ภัทร์ : “มันก็แอบปุบปับเหมือนกัน ไม่ได้มีการคุยกันเป็นกิจจะเท่าไหร่ ช่วงท้ายก็ได้มีการคุยกันเยอะหน่อยว่าเขาอยากจะฝากอะไร แต่เป็นการคุยกันผ่านๆ ไม่ได้เรียกกันมานั่งคุยจริงจัง จะได้คุยกันคนละที ไม่มีการมานั่งคุยกันพร้อมหน้า”

บอย : “ช่วงท้ายของคุณแม่แกอยู่โรงพยาบาล 3 เดือน ก่อนหน้านั้นมันก็มีสัญญาณทั้งจากคุณหมอ หรือตัวอาการของแม่ที่มันค่อนข้างจะบ่งชี้ว่าคุณแม่จะมีเวลาเหลือเท่าไหร่ ด้วยความที่เราก็ไม่อยากจะมานั่งคุยมาสั่งลากัน มันเหมือนใจนึงเราก็รู้ แต่อีกใจนึงเราก็อยากจะให้เขาอยู่ไปนานที่สุด ส่วนตัวผมเองได้มีโอกาสนั่งคุยกับแม่ แต่ก็ไม่ได้เป็นกิจจะลักษณะ ก่อนที่แม่จะเข้าโรงพยาบาลช่วง 3 เดือนสุดท้ายก็มีนั่งคุยกับแม่ ผมนั่งคุยกับแม่ที่โต๊ะกินข้าว ตัวแม่แกสู้นะ แต่แกก็ทำใจและปล่อยวางได้แล้ว ณ เวลานั้น

แกพูดว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนแม่คงมีห่วงมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาเห็นแล้วว่าเรา 3 คนดูแลตัวเองได้ ดูแลวันใหม่ได้ เขาก็หมดห่วง แต่เขายังรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพวกเราให้ได้มากกว่านี้ เราไม่อยากให้มันเป็นความรู้สึกของการบอกลา ไม่อยากให้เขาเสียกำลังใจด้วย เพราะเราเองก็ให้กำลังใจเขาตลอด แม่สู้นะ ถ้าแม่สู้พวกบอยก็สู้ ไม่ว่าจะค่ารักษา ค่าอะไรยังไง ถ้าแม่สู้พวกบอยสู้”

บอกกับ “วันใหม่” ถึงสถานการณ์คุณแม่ตลอด แต่พอถึงเวลาจริงความรู้สึกมันมากกว่าที่ประเมินไว้ เพราะไม่เคยเสียใจแบบนี้มาก่อน
ภัทร์ : “วันใหม่พอจะรับรู้ถึงสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราไม่อยากให้น้องตกใจหากมีอะไรปุบปับ เราพยายามบอกให้น้องเพื่อไม่ให้เขาตกใจ หากวันนั้นมาถึง”

บอย : “แต่เราไม่ได้บอกเขาตรงๆ พยายามบอกอ้อมๆ ในแบบให้เขาเข้าใจได้มากที่สุด”

ภัทร์ : “ด้วยความที่เขาเป็นเด็ก เขาฟังเขาก็เข้าใจ แต่สำหรับเด็ก ภาพเรากับภาพเขามันไม่เหมือนกัน น้อยเราน้อยเขาไม่เหมือนกัน”

บอย : “วันใหม่เขาโตไว แต่จริงๆ แล้วเขายังเป็นเด็กอยู่เลย ข้างในเขายังเป็นเด็ก วันใหม่เขาเห็นอยู่แล้วว่าแม่ไม่สบาย ไปกลับโรงพยาบาลอยู่เรื่อยๆ เขานอนกับแม่ทุกวัน แต่เขาจะรู้แค่ว่าแม่ไม่สบาย แต่มากน้อยแค่ไหนเขาไม่ทราบเพราะเราไม่เคยบอกเขา แต่เราก็กลัวถ้ามันถึงเวลาแล้วเขาจะรับไม่ไหว เราเลยทำการค่อยๆ บอก ตอนช่วง 3 เดือนที่แม่อยู่โรงพยาบาล เราก็บอกเขาว่าวันใหม่ตอนนี้คุณแม่ไม่ค่อยสบายเยอะนะ ตอนนี้วันใหม่อย่าดื้อคุณแม่นะ พวกเฮียไม่อยากมาบอกแบบนี้หรอก แต่ถ้าวันใหม่มีอะไรอยากบอกกับแม่ก็บอกเลย เหมือนเวลาคุณแม่ไม่ได้เหลือเยอะแล้ว

ช่วงที่ผ่านมามันก็มีช่วงที่เรา 3 คน บอย หน่อง ภัทร์ เรียกว่าเป็นช่วงวิกฤต หลายๆ ครั้งที่เราต้องมานั่งตัดสินใจกันว่าเราจะช่วยแม่ไปทางไหนกันต่อ เราก็หาทางที่ดีที่สุดให้กับแม่ ช่วงท้ายจะมีสัญญาณมากๆ แล้วว่าแม่จะมีเวลาอีกไม่นาน เราก็ไปคุยกับวันใหม่อีกครั้งว่าที่พวกเฮียบอกกับวันใหม่มันเหลือน้อยจริงๆ แล้วนะ เขาเสียใจ เขาร้องไห้ แต่พอวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี คำว่าอีกไม่นานที่เราบอกเขา เขาคิดว่ามันยังอีกหลายเดือน วันแรกเลยเห็นวันใหม่ร้องไห้เยอะ”

ภัทร์ : “เขาตกใจ มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยเจอ แม้ว่าเขาอาจจะพอรู้อยู่แล้ว แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์จริง ความรู้สึกมันมากกว่านั้น เขาเลยควบคุมมันไม่ได้ ยิ่งมีคนมาโอ๋ด้วยความเป็นห่วง มันเลยเหมือนไปเรียกความรู้สึกเดิมกลับมา”

บอย : “หลังจากผ่านไปหลายวัน ผมถามเขาทำไมร้องไห้เยอะขนาดนั้น เขาบอกไม่เคยเจอความเสียใจแบบนี้ ซึ่งมันก็อิมแพ็กกับตัวผมเหมือนกัน เออ… ทำไมมันถึงเสียใจได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขาเข้มแข็งขึ้นแล้ว”

ภัทร์ : “เมื่อเช้าวันใหม่ยังพูดเล่นกันอยู่เลยว่าวันแรกตั้งตัวไม่ทัน กลายเป็นร้องไห้โฮ”

บอย : “เขามาบอกพลาดแล้ว พลาดแล้ว พลาดที่มีภาพออกมา”

รับรู้หลายคนร้องไห้และเสียใจเหมือนเป็นญาติ เป็นแม่ของตัวเอง ดีใจและภูมิใจที่มีคนรัก “แม่งามทิพย์” เยอะมากๆ แม่จะต้องดีใจมากๆ
ภัทร์ : “เป็นเรื่องที่เราไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนี้ เราเห็นหลายๆ คนหรือในคอมเมนต์ก็ตามว่าใจหาย ทุกวันนี้เดินไปข้างนอกเจอใคร หลายคนเดินเข้ามาแสดงความเสียใจกับเรา เขาบอกเราว่าเขาตกใจมาก เขาร้องไห้เลย เราก็เลยได้รู้ว่าแม่เรามีผลต่อคนจำนวนมาก เราก็ดีใจและภูมิใจที่แม่มีความรักเยอะ”

บอย : “แม่มีคนรักเยอะมากจริงๆ อาจจะเป็นเพราะแม่เลี้ยงวันใหม่ผ่านออนไลน์ด้วยมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนเลยมีความรู้สึกผูกพันเหมือนแม่ของตัวเอง เราก็พูดกันเองว่าดีใจมากๆ ที่เห็นคนรักแม่เยอะ ผมขอใช้คำว่าแทบทุกคนที่ผมรู้จัก พอรู้ข่าว โทร.มาร้องไห้มากๆ เลย จนเรารู้สึกได้ว่าเขาเสียใจกับการจากไปของแม่มากๆ ทุกคนรักแม่มากๆ ไม่ใช่แค่คนที่มางานแต่รวมไปถึงในโลกโซเชียลด้วย พวกผมขอบคุณแม่ ผมเชื่อว่าแม่จะต้องดีใจมากๆ ผมพูดกับแม่ทุกวัน ผมดีใจแทนแม่มากๆ คนมางานแม่เยอะมากๆ เลย”

มากกว่าธุรกิจที่แม่สร้างไว้ให้ลูกๆ ทั้ง 3 คือความเป็นพี่น้อง “บอย ปกรณ์” ในฐานะพี่ชายคนโต ขอให้แม่ไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลน้องๆ ทุกคนแม้ในวันที่แต่ละคนต่างไปมีครอบครัวแล้วก็ตาม
ภัทร์ : “ก็อยากจะบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วง ทุกๆ อย่างแม่ได้ทำไว้ให้พวกผม เพราะเขากลัวว่าถ้าพรุ่งนี้เขาไม่อยู่ พวกผมจะลำบาก เขาเลยพยายามทำทุกอย่าง ทำสตูดิโอเพื่อทิ้งไว้ให้พวกเรา พวกผมขอบคุณในสิ่งที่แม่ทำให้มากๆ ช่วงหลังๆ ที่แม่ป่วย ผมว่าสิ่งที่แม่สร้างไว้ให้พวกผมจริงๆ คือพี่น้อง ก็คือพวกเรา ด้วยความเป็นผู้ชาย เราจะไม่ได้คุยกันเยอะในเรื่องส่วนตัว พอเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่พวกเราต้องมารวมตัวกันเพื่อตัดสินใจ เราก็เลยได้คุยกันเยอะขึ้น บางอย่างก่อนหน้านี้เราไม่กล้าพูด เราก็กล้าพูดมากขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้รู้ว่าในวันที่แม่ไม่อยู่ เรายังมีพี่น้องที่ยังจะอยู่กับเรา อันนี้คือสิ่งที่ผมรู้สึกว่าดีที่สุดเลยที่แม่ทิ้งไว้ให้”

บอย : “ด้วยความเป็นพี่น้องผู้ชาย เราสนิทกันแต่เราจะไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวกัน บางอย่างของผมคนที่บ้านก็รู้จากข่าว แม้เราจะอยู่บ้านกินข้าวโต๊ะเดียวกัน คุยเล่นกันทุกวันเรื่องบ้าๆ บอๆ ความรักในครอบครัวผมมั่นใจว่าบ้านเราก็ไม่แพ้บ้านใคร ซึ่งผมกล้าพูดเลยว่าเป็นความภูมิใจของแม่ แม่ไม่เคยพูดกับพวกผมหรอก แต่แม่จะพูดกับญาติๆ เพื่อนๆ ว่าภูมิใจมาก ที่ลูกๆ สามัคคีและรักกัน แม่เขารู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา แม่คือทุกอย่างของผม ถึงเขาจะบอกว่าเขาไม่ห่วงแล้ว สุดท้ายด้วยความเป็นเขา เขาก็ยังห่วง ผมดีใจที่ผมได้เคยบอกเขาไปแล้วว่าไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ผมจะดูแลน้องๆ เอง ไม่ว่าวันนึงต่างคนจะต่างไปมีครอบครัว ผมก็จะดูแล ไม่ทิ้งกันแน่นอน ทั้ง หน่อง ภัทร์ วันใหม่ แม่สบายใจเรื่องนี้ได้”

จากนี้จะยังสานต่อโปรเจกต์ของ “แม่งามทิพย์” ที่ยังค้างอยู่ และเรื่องบ้านที่แม่ยังเป็นกังวล
บอย : “อีกเรื่องที่แม่จะเป็นห่วงคือผมยังไม่สร้างบ้านเสียที ด้วยความที่แม่จัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ที่เขาเร่งสร้างสตูดิโอ ผมอยากจะอวดนะว่าที่เห็นสตูดิโอคุณแม่ขึ้นมา 3 หลัง แม่สร้างตอนที่แม่ไม่สบายทั้งหมด คือต่อให้เขาไม่สบาย เขาก็ปีนเก้าอี้ไปยืนฉาบปูน จนเราต้องไปบอกแม่ลงมา ไม่สบายอยู่ เขาก็จะหงุดหงิดใส่แล้วบอกว่าไหวโว้ย”

ภัทร์ : “จริงๆ แม่ยังมีอีกโปรเจกต์ค้างอยู่ เขายังบอกกับผมอยู่เลยว่า เสียดาย ทำไม่เสร็จ”

บอย : “เดี๋ยวผมก็จะมาสานต่อ ผม หน่อง ภัทร์ วันใหม่ ภูมิใจในตัวแม่มากๆ พวกเราภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกแม่มากๆ”





























กำลังโหลดความคิดเห็น