หนังหรือซีรีส์สายโหดสายดุผสมกับความดาร์ก ไว้ใจเกาหลีใต้ได้ไม่ผิดหวัง และเรื่องล่าสุดที่เพิ่งสตรีมมิ่งบนเน็ตฟลิกซ์ไปสด ๆ ร้อน ๆ อย่าง Mercy for None หรือ “ดับแค้นไร้ปราณี” ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานการันตีความถนัดแบบ “เอาอยู่หมัด” ของเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ก็คือ หลังจากที่ดูไปจนจบแล้วมาค้นข้อมูลเพิ่มเติม พบว่า นี่คือผลงานกำกับซีรีส์เป็นเรื่องแรกของผู้กำกับหญิง “ชเวซองอึน” (Choi Sung-Eun) ซึ่งจะว่าไปก็นับเป็นเรื่องที่น่าทึ่งพอสมควร เพราะจากเรื่องราวและองค์ประกอบทั้งหมด ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของผู้กำกับหญิง
นั่นก็เพราะว่า Mercy for None สามารถพูดได้ว่าเป็น “ซีรีส์แมน ๆ” แบบสุดขั้วเลยก็ว่าได้ ตัวละครทั้งหมดเป็นชาย (ไม่มีหญิงเป็นตัวหลักตัวรองเลย) แถมสิ่งที่เล่าก็เกี่ยวกับความรุนแรงที่ต้องฟัดกันด้วยพละกำลังและทักษะการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่าน ซึ่งก็ต้องชื่นชมว่า ผู้กำกับหญิงคนนี้สามารถสื่อสารถ่ายทอดเนื้อหาแบบนี้ออกมาได้อย่างมันส์ระทึกใจ
เหนืออื่นใด คือเรื่องของประเด็นที่นำมาเล่า ก็ตีแผ่ด้านมืดและความซับซ้อนยอกย้อนของจิตใจมนุษย์ได้สุดดาร์ก ตามสไตล์หนังนีโอนัวร์ (Neo Noir) แม้ว่าตามจริง เราอาจจะเคยเห็นเรื่องทำนองนี้มาแล้ว แต่เธอก็ยังสามารถหยิบมาเล่าได้อย่างทรงพลังอีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องบอกว่า เป็นเพราะมวลสารตั้งต้นนั้นดีอยู่แล้วด้วย จึงหนุนส่งให้งานออกมาดี เพราะซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก Webtoon ที่ได้รับความนิยมมากอีกเรื่องหนึ่ง
บนเส้นทางการต่อสู้ที่เดือดระอุตลอดทั้งเรื่อง Mercy for None พาเราก้าวไปข้างหน้าด้วยเรื่องราวของ “นัมกีจุน” อดีตกรรมการของแก๊งจูอุนที่ใช้ชีวิตสงบ ๆ เป็นเวลากว่า 11 ปี หลังออกจากวงการ แต่เมื่อน้องชายของเขาที่รับช่วงต่อจากเขาอย่าง “นัมกีซอก” เสียชีวิตอย่างมีปริศนาเงื่อนงำ ทำให้เขาต้องออกมาจากมุมสงบเพื่อทวงถามความจริงและสะสางล้างแค้นให้น้องชาย
แต่ใครล่ะคือผู้บงการตัวจริง หรืออยู่เบื้องหลังการตายของนัมกีซอก .. ต้องบอกว่า เส้นเรื่องของซีรีส์เกาะเกี่ยวอยู่กับหัวข้อคำถามนี้อย่างมั่นคงและชงตัวเลือกให้คนดูคาดเดาไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปพบกับบทสรุปที่สะท้อนความมืดหม่นและเปราะบางในจิตใจของมนุษย์ที่เป็นตัวจุดชนวนให้ก่อเหตุอุกอาจอย่างไม่น่าจะเป็น
Mercy for None มาพร้อมกับบทแบบ “ล้างบางคนชั่ว” โดยชูตัวละครผู้รับทำหน้าที่นี้อย่าง “นัมกีจุน” ซึ่งมีพื้นหลังความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาชนิดที่ว่า เวลาได้ยินชื่อ คนที่เคยรู้จักกิตติศัพท์ของเขามาก่อน เป็นต้องรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ไปตามกัน เพราะวีรกรรมแต่หนหลังของเขายังฝังใจ คาแร็คเตอร์แบบ “นัมกีจุน” เหมือนตัวละครที่เราพบเห็นในหนัง “ฮีโร่ลุยเดี่ยว” มาแล้วไม่น้อยเรื่อง
ขณะที่ “โซจีบซบ” อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์เกาหลีใต้ ก็รับบทนัมกีจุนได้อย่างเท่ขาดบาดใจ โดยเฉพาะตัวตนที่พร้อมปะทะแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้จะถูกตัดเอ็นร้อยหวายที่ข้อเท้าไปข้างหนึ่งจนทำให้เดินขากะเผลก แต่สกิลการต่อสู้กลับเป็นเลิศอย่างหาตัวจับได้ยาก เรียกว่าขนาดของหัวใจใหญ่เกินกว่ามนุษย์มนาทั่วไป เพราะดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งหรือสร้างความลังเลให้เขาได้เลยแม้แต่น้อย แถมมาพร้อมกับบทพูดเท่ ๆ แบบ “แมน ๆ คุยกัน” อย่าง “ถ้าใครไม่อยากจะสู้ ก็ถอยออกไปได้” ทำเอาพวกนักเลงชั้นต่ำหัวเราะขบขันก่อนจะพบความจริงว่าตัวเองไม่น่าเอาชีวิตมาทิ้งเลย
จะว่าไป บทนัมกีจุนของโซจีซบในเรื่องนี้ ก็ดูมีความคล้ายกับบทจอห์น วิก ของคีอานู รีฟส์ ในหนังแอ็กชั่นแฟรนไชส์ยอดฮิตอย่าง John Wick อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เช่น ในขณะที่หมาน้อยแสนรักของจอห์น วิก ถูกฆ่า ซึ่งเป็นสาเหตุกระตุ้นโทสะของจอห์น วิก จนต้องออกมาเข่นฆ่าพวกวายร้าย การตายของน้องชาย ก็เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้นัมกีจุนที่วางมือไปแล้ว ต้อง “คัมแบ็ก” สู่วงการนักเลงอีกครั้ง นั่นยังไม่นับรวมความเก่งกาจระดับมือพระกาฬแถมเดินหน้าสู้แบบไม่มีถอยเพื่อค้นหาความจริงก็เป็นเอกลักษณ์เด่นของทั้งสองคน ตลอดจนการตามล่าตามล้างพวกเหล่าร้าย ก็สามารถทำให้พูดได้กลาย ๆ ว่า นัมกีจุน ก็ไม่ต่างอะไรกับ จอห์น วิก เวอร์ชั่นเกาหลีดี ๆ นี่เอง
สุดท้ายแล้ว อรรถรสที่ได้รับจาก Mercy for None ก็ถือว่าตอบโจทย์ตามแนวทางของตัวมันเอง คือแอ็กชั่นมันส์ ๆ พ่วงด้วยความรู้สึกสะใจกับการได้เห็นจุดจบอันน่าสมเพชของพวกต่ำช้าเลวทราม นับเป็นการตอบสนองต่อความรู้สึกของผู้คนในโลกความจริงได้อย่างตรงจุด เพราะในโลกความจริง ส่วนใหญ่พวกชั่วช้าสามานย์ลอยนวลสบายตัวกันทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง?
