“ขนม ศศิกานต์” เรียกร้อง 4 ข้อ ขอให้ “ครูเต้ย” ทำเพื่อลูก ต้องโทรหาลูกทุกวัน ไม่ขาด ค่าใช้จ่ายหารคนละครึ่ง ทรัพย์สินที่สร้างระหว่างอยู่ร่วมกันขอให้ยกให้ลูก ไม่แตะทรัพย์สินใหม่ สองฝ่ายหยุดต่อล้อต่อเถียงกัน ครูเต้ยลั่นให้ได้หมดทุกอย่าง แต่อยากให้จ่ายจริงตามบิล อยากมีปฏิสัมพันธ์กับลูก ขอแค่ให้มีโอกาสได้อุ้มลูกคนเล็กบ้าง น้ำตาแตกไหว้ขอโทษลูก หากวันหนึ่งโตแล้วมาเห็นข่าวนี้
หลังจากเผชิญหน้าและเคลียร์กันสารพัดดรามาที่เกิดขึ้น และหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อลูก ในรายการโหนกระแสที่มี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ดำเนินรายการ ซึ่ง “ขนม ศศิกานต์” อดีตภรรยา “ครูเต้ย อภิวัฒน์” ได้เผยถึงข้อเรียกร้องที่ขอให้อดีตสามีทำเพื่อลูก แล้วหลังจากนี้ต่างฝ่ายต่างจบ ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก
ยิ่งพูดยิ่งไม่เป็นผลดีกับอีกคนที่ไม่อยู่ตรงนี้ เอาธงเลยดีกว่า จบเลย ธงคืออะไร?
ขนม : อยากให้ใส่ใจลูกมากกว่านี้ค่ะ ไม่ใช่ 7 วัน ลูกไม่สบายแล้วไม่ทักมาหา อยากให้โทรหาตั้งใจทุกวัน เหมือนที่เคยเป็น ใส่ใจลูกบ้าง แล้วตกลงด้วยว่าเรื่องลูกสรุปจะเอายังไง แล้วก็สำนึกในสิ่งที่ทำจริงๆ
คุณอยากให้ลูกเป็นไง?
ขนม : อยากให้ลูกไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างไป ตั้งแต่เลิกกัน พี่เต้ยแทบไม่ได้สนใจลูกเลย นี่คือสิ่งที่หนูโมโห หนูเข้าใจว่าทำงาน แต่การยกหูโทรศัพท์หาลูกทุกวัน วันละ 10 นาทีมันไม่ได้นานเกินไปหรอกค่ะ แต่เขาทำไม่ได้
ข้อสองมีมั้ย?
ขนม : ถ้ารู้สึกผิด ก็ขอให้รู้สึกผิดจริงๆ หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก
ไม่มีการพูดถึงกัน?
ขนม : ไม่ หนูก็จะไม่พูดถึงเขา แต่เขาต้องรู้สึกผิดจริงๆ
เรื่องค่าเลี้ยงดูเรียกร้องยังไง?
ขนม : หนูว่าสองฝ่ายต้องเห็นด้วยกัน ว่าเขายังสะดวกเป็นบิลเบิกตามเดิมมั้ย แต่ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เขาสะดวกที่จะหารสอง หนูก็สะดวกที่จะหารสอง ลูกหนูเหมือนกัน หนูไม่เอาเปรียบเขาอยู่แล้ว
จะเอาเป็นก้อนหรือยังไง?
ขนม : เป็นก้อนเขาน่าจะไม่สะดวก ไม่รู้ตอนนี้สะดวกหรือยัง
มีอะไรอีกมั้ย?
ขนม : ไม่มีค่ะ หลักๆ อยากให้เขาใส่ใจลูกมากเท่าเดิม อีกเรื่อง ตอนนี้น้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว รอบล่าสุดน้องเขากับญาติเขาทักมาหาเรื่องน้องผู้หญิงกับแฟน ทางนี้เขามาฟ้องพี่เต้ย สิ่งที่พี่เต้ยตอบกลับมาคือไปเคลียร์กันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับเขา เชื่อพี่เล่นกับน้องเขาไม่คุ้ม
คนรอบข้างเต้ยและขนมเอง ไปมีเรื่องกันด้วย เต้ยกับขนมก็ออกมาปกป้องฝั่งตัวเอง ก็เลยเป็นประเด็น?
ขนม : สิ่งที่หนูไม่โอเคกับพี่เต้ยคือแทนที่จะไปตักเตือนกัน แต่กลับพูดกับน้องสาวหนูว่า เชื่อพี่เถอะ เล่นกับน้องเขา ไม่คุ้ม
หยุดพิมพ์แซะได้มั้ย?
ขนม : ได้ค่ะ จะบอกคนของหนูทุกคน
ฝั่งโน้นก็รับปากนะ ไม่ไปเกี่ยวแล้วนะ ข้อแรกอยากให้เต้ยมีเวลามากกว่านี้ อยากให้โทรทุกวัน ให้ลูกได้คุยกับพ่อตลอด สองค่าใช้จ่ายที่จะดูแลร่วมกัน จะเอาเป็นก้อนหรือตามจริง สามคนรอบข้าง ต่างคนต่างต้องหยุด จะไม่มีการโพสต์แซะโพสต์ว่ากันอีก?
ขนม : ที่เขาสัญญาว่าจะให้ลูก ขอให้ยืนยันคำเดิม กลัวเอาไปให้ผู้หญิงคนอื่น เพราะเด็กสองคนนี้ไม่ได้อะไร แม้แต่ความอบอุ่นจากเขาเหมือนเดิมก็ไม่ได้ เหตุผลที่หนูออกมาซื้อบ้านเอง เพราะเขาตกลงกับหนูว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่หามาได้ ณ ตอนนี้ ถ้าเรามีครอบครัวใหม่ เราจะไม่พาแฟนใหม่เข้าไป หนูเลยซื้อบ้านใหม่เอง ก็ขอให้เขายืนยันคำเดิมกับหนูเหมือนกัน (เสียงเครือ) เขายืนยันว่าทุกสิ่งของเขา ณ ตอนนี้ที่ไม่ได้หาได้หลังจากนี้ เป็นของลูกทั้งหมด หนูสัญญาว่าจะไม่ยุ่ง ไม่แตะ แต่ขอให้เก็บทั้งหมดให้ลูก
สัญญา 4 ข้อ อยากให้เต้ยโทรคุยกับลูกทุกวัน ค่าเลี้ยงดูหารคนละครึ่ง ค่าใช้จ่ายตามจริง ส่วนสเปเชียลอะไรให้ลูกก็แล้วแต่เขาเลย สามคนรอบข้างทั้งสองฝั่ง ต้องยุติในการต่อล้อต่อเถียงกัน ไม่เอาอีกแล้ว ไม่งั้นสังคมด่าเลยนะ ผมให้สังคมเป็นพยานนะ ข้อ 4 สิ่งไหนเคยพูดเอาไว้ว่าจะให้ลูกก็ขอให้ลูก ทรัพย์สินที่หามาได้ช่วงขนมท้องก็ขอให้เป็นของลูกจริงๆ แต่หลังจากนี้เรื่องของคุณ?
ขนม : ใช่ ตอนอยู่กับหนู สร้างขึ้นมา ขอให้เป็นของเด็กสองคนนี้ ตามที่เขาเคยสัญญากับหนูไว้ (ร้องไห้)
สี่ข้อที่เขาขอ ได้มั้ย?
ครูเต้ย : ได้หมดครับ เรื่องโทรหาลูก ขอชี้แจงว่า มันมีปัญหาเรื่องเวลามาก บางวันผมทำงานตอนกลางวัน ผมโทรไปเขาก็ไม่ได้รับ ทักหาอาเบนซ์ เขาก็ไม่ว่าง ขอชัดเจนเลยว่าต่อจากนี้จะให้ผมติดต่อไปทางไหน
ขนม : ถ้าคุยกันดีแล้ว หลังจากนี้ ไม่มีอะไรติดใจกัน ถ้าอยากคุยกับลูก ให้โทรหา แม่ โทรหาเบนซ์ โทรหาพ่อ
ได้มั้ยพ่อ แล้วไม่ต้องทะเลาะกันนะ ถือว่าจบ วันนี้ผมขอ?
พ่อขนม : ผมจบแล้วครับ
ขนม : ให้พี่สะดวกใจจริงๆ ถ้าไม่สะดวกใจก็เป็นเบนซ์เหมือนเดิม
ค่าใช้จ่าย ว่ายังไง?
ครูเต้ย : ผมยังอยากทำเป็นบิลครับ ผมอยากมีปฏิสัมพันธ์กับลูกครับ
มุมนึงเขาเองพยายามอธิบายว่าคุณไม่จำเป็นต้องจ่าย 1 แสนเท่าเดิมก็ได้ เขายอมจ่ายครึ่งนึง?
ขนม : ตอนนี้จ่ายอะไรเกี่ยวกับลูกหนูสำรองไปก่อน ตอนนี้บิลล่าสุดที่เบิกแล้วจะเอามาหารกัน 5 เดือน เป็นจำนวนเงินค่อนข้างเยอะ หนูไม่ได้ติดปัญหาตรงนั้น หนูยังสามารถจ่ายได้อยู่ แต่ปัญหาคือพอเอามาปุ๊บแล้วหารสอง พี่เต้ยโอเคแบบนี้ใช่มั้ย
ครูเต้ย : โอเค ถ้าเป็นค่าใช้จ่ายตามจริง ขอพูดก่อนว่าทำไมไม่ไว้ใจเรื่องพวกนี้ เพราะก่อนหน้านี้มีการทำบิลเพิ่ม มีคนมาบอกว่าพ่อทำบิลเพิ่ม ซึ่งมันก็เลยทำให้ผมไม่มั่นใจว่าถ้าผมให้เงินเป็นก้อน ลูกผมจะได้เต็มที่ขนาดไหน
สบายใจตรงไหน?
ครูเต้ย : สบายใจที่เป็นบิล บิลนั้นขอชัดเจนว่าเป็นของลูกจริงๆ
ถ้าคุณจะมีคำถาม ก็จะมีอยู่ดี ว่าบิลของจริงหรือเปล่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิดได้หมด เราคิดร้ายบิลก็ปลอม คิดดีบิลมันก็ใช่ คิดว่าทางที่ดีเต้ยตีจำนวนเงินไว้เลย อาจ 8 หมื่น 7 หมื่น ต่อเดือน เข้าใจว่าอาจกังวลใจ แต่ไม่ต้องสนใจ เราถือว่าเรามอบสิ่งนี้ให้แม่ไปดูลูกของคุณ จะเหลือนิดๆ หน่อยๆ ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่เราให้อดีตคนเคยรักไป มันจบกว่า เหมือนเราถวายพระไป พระจะไปฉันท์อะไรก็เรื่องของพระ จบตรงนี้เลยดีกว่า คุณตีเป็นกลมๆ มาแล้วคุณไปว่ากันจะเอาเท่าไหร่?
ครูเต้ย : เงินเป็นก้อนถ้าในอนาคตข้างหน้างานผมไม่ได้มีเหมือนเดิม รายได้ผมไม่เท่าเดิม บางเดือนมันไม่ได้ ผมจะมีปัญหาอีกมั้ยครับ
ขนม : วันมีงานน้อย เราพร้อมเข้าใจอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ณ วันนี้เรามองก่อนว่าคุณภาพชีวิตลูก ความสุขลูกมันต้องเท่าเดิม
ครูเต้ย : ครับ ที่ผ่านมาผมมองลูกก่อนเสมอ ผมไม่เคยรู้สึกไม่โอเคที่จะจ่ายตรงนี้ ผมโอนให้ทุกครั้งๆ
ทนายโนบิ : ขนมบอกว่าค่าใช้จ่ายกับลูกทั้งหมด จะเท่าไหร่ก็แล้วแต่หารสอง เชื่อว่าบางอันก็มีบิล ไม่มีบิลบ้างแหละ รายการที่เกี่ยวกับลูกก็แจ้งมา คุณพ่อครึ่งนึง คุณแม่ครึ่งนึง ก็เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ถ้าช่วงนี้ดีก็เลี้ยงดี ช่วงไหนอัตคัด ก็เลี้ยงตามฐานะ
ขนม : หนูสำรองจ่ายมา 5 เดือนแล้ว แต่พี่ไม่ถามสักคำ ค่ารพ.กี่บาท ค่าโน่นค่านี่กี่บาท
ครูเต้ย : เราคุยกันตลอดว่าบิลเมื่อไหร่จะเบิก
ขนม : ห๊ะ คุยกับใคร
ครูเต้ย : หนูบอกว่ายังไม่ทำ ตอนเข้าบ้านก็ถาม ว่าทำไมบิลถึงไม่เบิก
ขนม : เรื่องออกก่อน ณ ตอนนี้ไม่ได้มีปัญหา เพราะนี่ก็ทำงาน มีซัปพอร์ตลูกเหมือนกัน แค่อยากได้ความรู้สึกว่าเงินเดือนนี้พอมั้ย นึกออกมั้ย แค่นั้นเอง
ครูเต้ย : เราทะเลาะกัน จะให้ถามหนูทุกครั้งที่ทักไป
ขนม : วันนั้นมารพ. ไม่ถามสักคำว่าอาการลูกเป็นยังไง จนลูกเข้ารพ.ใหม่อีกรอบ พี่ถึงถามรพ.
ครูเต้ย : ผมโทรถามรพ. ไม่ถามพวกคุณ เพราะเราทะเลาะกัน
ขนม : แต่มันก็ถามได้ในเรื่องลูก นี่ยังคุยกับพี่ได้ปกติในเรื่องลูก
ค่าใช้จ่ายลูกเอายังไง?
ครูเต้ย : เดี๋ยวไปตกลงกันครับ
ขนม : ตกลงเลย
ทนายโนบิ : เต้ยอาจจะเมาหมัดอยู่ตอนนี้ เดี๋ยวขนมเขาจะสรุปมา อันไหนสงสัยก็แค่ถาม ไม่มีปัญหามองว่ามันแฟร์ ยอดเล็กไม่มีปัญหาหรอก แต่จะมีปัญหากับยอดใหญ่ๆ แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหานะ
ตกลงกันคนละครึ่ง จ่ายตามบิล?
ทนายโนบิ : ที่สำคัญผมห่วงเรื่องเอฟซีแต่ละฝ่ายมากกว่า
เอฟซีวิจารณ์ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่คนใกล้ตัว คนรอบข้างจะไม่ยุ่งกันอีก ถ้าเอฟซีถล่มกัน ต้องปรามเอฟซีด้วยเหมือนกันว่าอย่าไปว่าเขา เรื่องมันจบแล้ว?
ทนายโนบิ : น้องขนม ยังชมครูเต้ยด้วยซ้ำว่าดูแลครอบครัวดีในตอนแรก พอเกิดปัญหามันเลยเป็นแบบนี้ ถ้าไม่อยากให้เกิดผลกระทบกับเด็ก เราอย่าไปเสี้ยมให้เขาทะเลาะกันนะครับ เข้าใจว่าเป็นการปกป้อง คุณรักครูเต้ย รักขนม แต่ก็ต้องรักน้องด้วย ที่ทุกคนมานั่งตรงนี้เพื่อหาทางออกร่วมกัน ขอเอฟซีนะ
อะไรก็ตามแต่ ที่อยู่ในช่วงเวลาลูกคุณกับภรรยา เขาขอให้เป็นของลูก คุณตามนั้นมั้ย?
ครูเต้ย : ตามนั้นครับ แต่ส่วนให้ลูก ผมให้แค่ลูกผมนะครับ คนรอบข้างไม่ยุ่งนะครับ
ขนม : หนูบอกแล้วว่าไม่ยุ่งแน่นอน เติมเต็ม ตั้งใจเท่านั้น
จะขออะไรเขา?
ครูเต้ย : เรื่องบุหรี่ พอต เรื่องกัญชา ที่ดูดในบ้าน ผมขอได้มั้ยครับ
พ่อขนม : ผมดูดในบ้านตอนไหน ผมสายเขียว อยู่นอกบ้านเลยครับ
ครูเต้ย : ลูกผมอ้วกเพราะกลิ่นกัญชา
พ่อขนม : ไม่ใช่ครับ ถามหมอได้ คุณไม่จบ
ครูเต้ย : นี่คือสิ่งที่ผมขอครับ
ขนม : เอาเป็นว่าตอนนี้บอกพ่อแล้ว พ่อรับทราบ พ่อเข้าใจ กัญชาพ่อไม่ได้ยุ่ง แต่บุหรี่พ่อยังดูดอยู่ จะพยายามบอกพ่อ คนเคยดูดมาตลอดก็ต้องใช้เวลา ก็เข้าใจ แต่ก็จะทำให้
ทนายโนบิ : ถ้าหยุดไม่ได้ก็หาสถานที่ดีกว่า ไม่ต้องให้พ่อหยุดหรอก ให้พ่อยังสามารถใช้สิทธิ์ของพ่อได้ จะดูดก็ให้อยู่ในพื้นที่ของแก
ครูเต้ย : ตัวเล็กเข้ารพ.บ่อยมาก มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ
พ่อขนม : เข้ารพ.บ่อยเพราะภาวะครรภ์ครับ เติมเต็มคลอดก่อนกำหนดครับ คุณได้ถามหมอหรือยังครับ
อันนี้เป็นเรื่องที่เขาขอ?
พ่อขนม : ผมทำตามเลย สัญญา ผมเลิกเลยครับ สบายใจได้เลยครับ
ครูเต้ย : เวลาผมไปหาลูก ไม่ต้องคุยกับผมก็ได้ แต่ไม่ต้องแสดงกิริยารังเกียจ หรือไม่พอใจผม เวลาผมไปหาลูก ล่าสุดเติมเต็มผมแทบไม่ได้อุ้มเขาเลย เวลาผมไปบ้าน ก็บอกว่าเติมเต็มนอนแล้ว
พ่อขนม : คุณทำขนาดนี้ แม่ยายจะให้อุ้มเหรอครับ
ตอนนี้ให้เขาอุ้มลูกเขาได้มั้ย?
พ่อขนม : ไม่ครับ เขาไม่สำนึกผิดครับ ตั้งใจผมไม่สน ผมไม่ยุ่ง ไปรับตั้งใจผมไม่เคยว่าเลยครับ แม้แต่เอาลูกไป แพมเพิสผมก็เตรียมไปให้ครับ
ก็เป็นลูกเขาเหมือนกัน เขามีสิทธิ์?
ขนม : หนูตรงกลาง หนูเข้าใจทั้งเขาและพ่อ เข้าใจความเจ็บปวดที่ทั้งสองคนเจอ แต่เอาเป็นว่าหนูจะพยายามพูดให้เขาเข้าใจ ส่วนเรื่องลูกไม่เคยบอกว่าไม่ให้ยุ่ง ไม่ให้แตะ ไม่ให้ต้อง หนูไม่เคย หนูจะไปบอกคนรอบตัวให้ มันคือสิ่งที่ลูกต้องได้รับ หนูเห็นแก่ลูกอยู่แล้ว
ผมมองว่าเรื่องนี้อย่าไปสร้างอะไรให้มีรอยด่างเยอะ เขาในฐานะพ่อ ทางนี้อยากให้คุยกับลูกสองคนมากกว่านี้ แต่พอจะอุ้ม โดนห้ามไม่ให้อุ้ม ตรงนี้ไม่ถูกต้อง เพราะมันย้อนแย้งกันแล้ว?
ขนม : หนูขอคนโตค่ะ คนเล็กหนูเข้าใจว่าเขาไปบางทีเขาได้อุ้มแต่บางทีไม่ได้อุ้ม แต่หนูสัญญาว่าหลังจากนี้ไป หนูจะไปบอกทางนั้น หนูเข้าใจว่าลูกต้องได้รับตรงนี้
พ่อเซ็ตซีโร่ซะ เริ่มต้นใหม่ ไม่ได้เริ่มในฐานะครอบครัวเดียวกัน เริ่มในฐานะเขาเป็นพ่อของหลานเรา เราเป็นตาของหลาน เด็กจะโตมีคุณภาพได้ ถึงแม้แยกย้ายกัน ผมเข้าใจพ่อมองว่าที่ผ่านมาทำแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรจะมาอุ้ม แต่วันนี้ ลองดูใหม่ ไม่ผิดถ้าจะลองมันอาจจะดีก็ได้?
พ่อขนม : ครับ วันนี้ปัญหาทุกอย่างผมยกออกจากอกแล้วครับ
รับปากกับผมนะ เข้าไปก็ให้โอกาสเขาหน่อย?
พ่อขนม : ผมไม่ได้ห้ามครับ เป็นแม่ยายครับที่ไม่เปิดใจ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเมียครับ
โอเคมั้ย?
ครูเต้ย : โอเคครับ ถ้าไม่กีดกันเรื่องลูกผมโอเค (ร้องไห้
ขนม : ถ้าขอโทษตั้งแต่แรกก็จบแล้ว วันนี้หนูก็ขอโทษเหมือนกัน ขอโทษพี่ ขอโทษทางบ้านพี่ ขอโทษทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกที่หนูก้าวเข้าไปในชีวิตพี่ ถ้าหนูทำอะไรผิดพลาด จนถึงวันนี้ ขนมขอโทษทุกอย่าง ให้เราจบ ให้เราหยุดกันที่ตรงนี้ (ร้องไห้) ขนมบอกตลอด ขนมต้องการแค่ไปใช้ชีวิต ให้พี่ไปมีความสุขของพี่ได้เลย อย่ามายุ่งกันอีก นี่คือสิ่งที่ขอตลอด ให้เราคงเหลือความสัมพันธ์สุดท้ายไว้ได้เพื่อรักษาหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ หนูพูดกับพี่ตลอด หนูขอแค่นั้น ระหว่างเราไม่มีอะไรแล้ว เหลือแค่หน้าที่อย่างที่บอก
เต้ยอยากบอกอะไรพ่อ?
ครูเต้ย : (ยกมือไหว้) ผมขอโทษอากง ขอโทษแม่ยาย ถ้าที่ผ่านมาผมทำอะไรให้ไม่สบายใจ หรือทำอะไรผิดไป ขอโทษขนมถ้าที่ผ่านมาทำให้ไม่สบายใจ แต่ขอเรื่องเดียวคือเรื่องลูก (ร้องไห้)
พ่อขนม : พ่อรักหนูนะ ใช่มั้ย พ่อทำให้หนูทุกอย่างใช่มั้ย
ครูเต้ย : ใช่ครับ ผมก็รักพ่อครับ
พ่อขนม : พ่อโกรธหนูเรื่องอะไรรู้ใช่มั้ย มันไม่ใช่สิ่งที่ลูกพ่อจะทำอย่างนี้ เขาคือลูกชายผมนะ ผมบอกเลย
ภูผาก็มีประเด็น อยากบอกอะไรเขา?
ครูเต้ย : ให้เขาเลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมครับ ที่ผ่านมาเขาเป็นตัวจุดประเด็นตลอด
ภูผา : คนที่โพสต์ด่าเพื่อนหนู คือเอฟซีคนสนิทที่พี่รู้จัก สนิทมาก
ครูเต้ย : ทำไมเขาถึงโพสต์ เพราะเราไปโพสต์ยังไงใส่เขา เราสองคนทะเลาะกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับขนมเลย สุดท้ายขนมออกมาปกป้องเรา
ขนม : ขอให้ทำความเข้าใจว่าทำไมปกป้องเขา เพราะวันที่ไม่มีใคร ก็มีเขานั่นแหละ (ร้องไห้)
อยากได้อะไรอีกมั้ย?
ครูเต้ย : ไม่มีครับ ที่ผ่านมาฝั่งผมไม่เคยเริ่มอะไรก่อนเลย มีแต่ฝั่งเขาที่เริ่มแซะเริ่มทุกอย่าง ฝั่งนี้ถึงได้ขึ้น
เวลาพูดอะไร มันเป็นสิ่งที่จะถูกเก็บไว้เป็นข้อมูล มันลบไม่ได้ มีอะไรอีกมั้ย?
ครูเต้ย : วันนึงถ้าลูกโต แล้วมาเห็นข่าว ลูกอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่หลายสื่อ สื่ออกไปว่าผมไม่รักลูก หรือบังคับให้แม่เขาทำอะไร ณ เวลานั้น ผมผิดที่ผมคิดแบบนั้น ในช่วงเวลานั้น (ร้องไห้) แต่มันมีเหตุผลหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยคิดในเรื่องนี้กับลูกอีกเลย ผมก็รักเขาเท่ากัน ผมพาเขาไปรพ.ที่คิดว่าดีที่สุด ทำทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุด เพราะผมรักลูก อยากให้ลูกเข้าใจตรงนี้ ถ้าลูกเห็นสื่อเข้าใจในมุมที่สื่อออกไปว่าเป็นแบบนั้น อยากให้เข้าใจว่า (ร้องไห้) พ่อรักเติมเต็มไม่น้อยไปกว่าใจ๋ (ร้องไห้) ทุกอย่างที่พ่อทำพลาดไปตอนนั้น พ่อขอโทษ (ร้องไห้) หลังจากนั้นพ่อไม่เคยคิดแบบนั้นอีกเลย พ่อเต็มที่กับลูก อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีเท่ากัน ขอแค่นี้ ถ้าวันนึงลูกจะมาเห็นข่าวนี้ ขอแค่นี้ (ร้องไห้)
ทนายโนบิ : เรื่องนี้เป็นเรื่องครอบครัว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ว่าคุณจะรักขนม หรือครูเต้ย ให้มีสติมากๆ เพราะสิ่งที่พูดกันคือเรื่องในครอบครัว ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำร้ายน้องๆ ฝากพี่ๆ ทุกคนทั้งเอฟซีทั้งสองฝ่าย ให้หยุดอยู่แค่นี้ ให้คนในครอบครัวเขาได้ปรับความเข้าใจกัน กลับไปมีความรักที่ดีที่มีต่อกัน เชื่อว่าที่ผ่านมา คุณพ่อก็รัก ครูเต้ยก็รัก แต่ปัญหาคือไม่เข้าใจกัน ถ้าปรับความเข้าใจกัน ทุกอย่างก็จะจบด้วยดี ผมเห็นปัญหาในครอบครัวเยอะ จะเดือดตอนทะเลาะกันนี่แหละ แต่พอปรับความเข้าใจกันได้ ทุกอย่างก็หาทางออกได้ดี ฝากให้คิดถึงลูกให้มากๆ
สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งที่คุยกันบนโต๊ะขอให้เป็นไปตามนั้น เพราะไม่งั้นสุดท้ายคุณต้องได้ขึ้นสู่กระบวนการตามชั้นศาลแน่นอน ดูทรงแล้ว ศาลท่านก็คดีเยอะแล้ว อีกอย่างเป็นเรื่องที่คุยกันได้ จบได้ก็จบกันไป ฝากเอฟซีสองฝั่ง อย่าไปด่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ให้กำลังใจกัน อยากให้ใช้คำว่า ยังไงก็ให้นึกถึงลูก เป็นคำเตือนเขา ?
ทนายโนบิ : ฟ้องไปสุดท้ายก็ต้องไกล่เกลี่ยอยู่ดี
