กรณี “ครูเต้ย อภิวัฒน์” เลิกรา “ขนม ศศิกานต์” อดีตภรรยา ซึ่งที่ผ่านมา สองฝ่ายมีการพาดพิงกันไปมาอยู่ตลอด ล่าสุดครูเต้ยรับไม่ได้ ที่ฝ่ายขนมไลฟ์สดพาดพิงเรื่องในอดีต เป็นเรื่องที่ครูเต้ยไม่อยากมีลูกคนที่สองด้วยเหตุผลบางอย่าง ถึงขั้นอยากให้ยุติการตั้งครรภ์ จนทำให้เป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์
รายการ โหนกระแส วันที่ 6 มิ.ย. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ ขนม อดีตภรรยา , ภูผา เพื่อนสนิทและผู้จัดการ เผชิญหน้า ครูเต้ย มาพร้อม ทนายโนบิ กฤษฎา โลหิตดี
ครูเต้ยไม่มองหน้า?
ครูเต้ย : ไม่ครับ มองได้
แต่ขนมเหลือบมองตลอด มองตรงๆ ไม่ได้เหรอ?
ขนม : มองตรงๆ ได้ค่ะ
ไม่ได้เจอนานแค่ไหน?
ขนม : จริงๆ เพิ่งเจอล่าสุดตอนเขามารับตั้งใจไปค่ะ ไม่นาน
อดีตครูเต้ยเป็นครูสอนหนังสือ?
ครูเต้ย : ใช่ครับ เป็นวิชาดนตรี ตอนหลังร้องเพลงพอได้ ก็ทำเพลงลงโซเชียลเรื่อยๆ จนได้เป็นนักร้อง
คุณดังมากเลยนะ?
ครูเต้ย : ช่วงนึงครับ ช่วงนี้ไม่ดังเท่าช่วงนั้นครับ
คนสนับสนุนเยอะ เลยออกจากการเป็นครูมาเป็นนักร้องอาชีพ?
ครูเต้ย : ใช่ครับ ตัดสินใจลาออกจากการเป็นครู
ครูเต้ยในอดีตมีแฟนแล้วเลิกรากันไป และมาได้คนนี้?
ครูเต้ย : ใช่ครับ ตอนนั้นผมไปจีบเขาครับ ก็คุยกันมาเรื่อยๆ และคบหากัน ได้แต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน 2 คน
มีประเด็นเกิดขึ้นก่อน เป็นนักร้องแฟนคลับเยอะ แฟนคลับรู้ว่าคุณคบขนม แต่ไม่เคยรู้ว่ามีลูก อยู่ดีๆ คุณเปิดตัวอุ้มลูกมาเลย แฟนคลับงง?
ครูเต้ย : มีบางกลุ่มที่รู้ว่ามีลูกครับ เขาก็พร้อมซัปพอร์ตในเรื่องที่เรามีครอบครัว แต่ที่เลือกไม่เอาลูกออกมาช่วงท้องหรือตั้งครรภ์ในตอนแรก เพราะต้องการปกป้องลูก ตอนนั้นกระแสไม่ดี เป็นกระแสทั้งฝั่งแฟนเก่าและขนม เป็นกระแสว่าผมคบซ้อน
แล้วซ้อนมั้ย?
ครูเต้ย : ไม่ครับ ผมเลิกแล้วถึงมาคบกับขนม เป็นกระแสไม่ดีมาก ทุกสำนักข่าวก็ด่า ถ้าผมเอาลูกออกมา ณ เวลานั้น ผมคิดว่าทัวร์ก็น่าจะลงลูกผมด้วย ก็เลยปรึกษาเขาว่าเราน่าจะเก็บเรื่องลูกไว้สักปีนึงได้มั้ย ถ้าวันเกิดเขา เราจะเอาเขาออกมาให้พี่ๆ เอฟซีได้รู้ เราก็อยู่กันแบบลับๆ โดยมีลูกในเวลา 1 ปี
ตอนนั้นตั้งใจมีลูกเลยใช่มั้ย?
ขนม : ค่ะ เป็นลูกคนแรก
ไม่กล้าเอาลูกออกมา ไม่ได้กลัวจะเสื่อมความนิยม แต่กลัวคนมาด่าลูก?
ครูเต้ย : ใช่ครับ เพราะจากที่เห็นมาศิลปินหลายคนที่มีปัญหาเรื่องนี้ เอาลูกออกมา ส่วนใหญ่คนโจมตีลูกด้วย ก็มองว่าเก็บเรื่องนี้ไว้ดีกว่า อยากเอาลูกออกมาโดยเขาไม่โดนกระแสพวกนี้ ก็ปล่อยให้ซาไป 1 ปีครับ
แต่งงตรงที่ คุณอุ้มลูกคนที่สองออกมาโชว์ เดือนเดียวเท่านั้นเอง แล้วคุณประกาศเลิกกันเลย?
ครูเต้ย : จริงๆ ก่อนหน้านั้นมีปัญหากันมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ถึงวันนั้นเราตัดสินใจว่าไม่น่าได้ไปต่อกัน
เป็นอย่างนั้นมั้ย?
ขนม : จริงค่ะ แต่ถ้าจริงๆ เรื่องน้องตั้งใจ ใช่อยู่ค่ะเรากลัวกระทบถึงลูก แต่อีกมุมก็กลัวมันจะลบ ถ้าพูดออกไปว่ามีลูก ก็มีการคุยกันว่า ถ้าหนึ่งปีแล้วไม่เปิดเรื่องลูก ก็จะไม่อยู่ หนูจะไม่อยู่ เพราะตอนนั้นไม่ได้มีแค่ว่าเราจะเปิด มีบางคนที่ไม่โอเคถ้าจะเปิด เหมือนกลัวว่ากระแสจะลบ เหมือนกลัวว่างานจะหาย
บางคนคือเขาหรือเปล่า ทำไมไม่เอ่ยกันตรงๆ?
ขนม : (หัวเราะ) เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมีคำพูดแบบนี้ออกมา ตอนนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่เก็บ
เป็นเขาเหรอ?
ขนม : ไม่ใช่เขาค่ะ เป็นที่บ้านเขาค่ะ พูดว่าบางคนเก็บลูกได้เป็น 20 ปีเลยก็มี
คุณก็ต้องยอม?
ขนม : ไม่ยอมค่ะ จนบอกพี่เต้ยว่าถ้าลูก 1 ขวบแล้วยังไม่เปิด หนูจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตของหนู นั่งร้องไห้เลยตอนพูดกัน ถ้าเขาจำได้
ครูเต้ย : ไม่ครับ อันนี้ไม่ได้พูดเรื่องจะแยกย้ายกัน
ขนม : พูดค่ะ ถ้าปีนึงยังไม่เปิดลูกก็จะไม่เอาแล้ว จำได้ แม่ก็อยู่ หนูก็เล่าให้เขาฟัง เขาก็ตอบกลับมาว่า ทำไมไปใส่ใจอะไรแบบนั้น ทำไมมีชุดความคิดแบบนี้ หนูแค่อยากให้เขาบอกกับที่บ้านเขาบ้าง
ครูเต้ย : ทำไมไม่โฟกัสแค่เรา ผมก็บอกกับที่บ้าน มีแค่ความคิดช่วงแรกแค่นั้น สุดท้ายก็ไม่มีอะไร สุดท้ายก็เป็นความคิดร่วมกันของเราที่จะปิดไว้ 1 ปี
คุณติดใจตั้งแต่คนแรก?
ขนม : ติดค่ะ หนูนั่งร้องไห้เลย แต่เขาไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยถาม (เสียงสั่นเครือ)
ขนมเข้าใจครูเต้ย แต่ไม่เข้าใจบ้านคุณ ที่บอกว่าไม่ต้องออกมาหรอก เดี๋ยวเสียคะแนนนิยม บางคนเก็บไว้ 20 ปี คุณค้างใจบ้านเขา ไม่ได้ค้างใจตัวเขา?
ขนม : ใช่ค่ะ หนูก็เข้าใจบ้านเขาด้วย แต่ที่พูดคือตัวพี่เต้ยไม่ได้ซัปพอร์ตความรู้สึกหนูเรื่องนี้ พอหนูมาร้องไห้เล่าให้เขาฟัง เขาก็จะพูดว่าทำไมถึงมีชุดความคิดแบบนี้ ทำไมถึงไปคิดว่าคนโน้นเขาจะมีความคิดแบบนี้กับเรา เขาอาจไม่ได้มีความคิดแบบนั้นก็ได้ แต่หนูกับเขาก็รับรู้เรื่องนี้ มันเหมือนเป็นความรู้สึกอย่างนึงที่เกิดขึ้นตอนนั้น
ครูเต้ย : เราก็คุยกันในเรื่องตรงนี้ ผมก็อธิบายแบบนั้น ผมก็ไปพูดฝั่งนั้นให้เข้าใจ และเราก็ตกลงร่วมกันว่าจะปิด
ขนม : เพราะเราทำอะไรไม่ได้แล้ว จะพูดก็ไม่ได้ เรารอวันมีตติ้ง เราจะรอให้ลูกครบ 1 ขวบก่อน
อยู่ดีๆ เกิดอะไรขึ้น คุณแยกย้ายกันไป คุณไม่ได้จดทะเบียนแต่เลิกกันไป เลิกเมื่อไหร่?
ขนม : เลิกตั้งแต่เขาไปทัวร์ต่างประเทศ หลังจากนั้นไม่ได้คุยกันอีกเลย เราทะเลาะกันมาเรื่อยๆ ก่อนไปต่างประเทศ จนเขากลับมาก็เก็บของ เก็บเสื้อผ้า แล้วออกไปเลย
ครูเต้ย : ก่อนหน้านี้ทะเลาะกันบ่อยมาก และเลิกกันบ่อยมาก ก่อนผมไปต่างประเทศมันสุดจริงๆ เรื่องที่ทะเลาะกัน ผมก็เลยเรียกแม่เขามาคุยวันนั้น คุยกัน 3 คนทำไมเราไปต่อกันไม่ได้แล้ว เขาเป็นแบบนี้นะ แม่เขาเข้าใจ สิ่งที่บอกเขา เขาไม่เคยปรับเลยเพื่อให้เป็นครอบครัว งั้นก็อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
แต่ตอนนั้นมีลูกคนที่ 2 นะ?
ครูเต้ย : สิ่งที่ขอเขา เขาปรับไม่ได้ ก็เลยไปต่อกันไม่ได้
ขนม : หนูก็มีสิ่งที่ขอเขา และเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
มีคนบอกว่าวันนี้ขอบายนะ ไม่ดู เรื่องนี้ให้อะไรกับสังคม แต่รู้มั้ย แค่เฟซบุ๊กในโหนกระแส คนดู 1.3 แสน ยูทูป 1 แสน แค่เบรกแรกเองนะ ยังไม่ได้เข้าเรื่องเข้าราว แสดงว่ามีคนตามสาระเรื่องคุณเยอะเหมือนกัน ปัจจุบันต่างคนต่างมีแฟนใหม่แล้ว ทำไมเจอกันเร้วเร็ว?
ขนม : หนูมูฟออนไวค่ะ ไม่ได้คบซ้อนค่ะ
ครูเต้ย : ผมเพิ่งคบกันครับ
เลิกกันไม่ได้มีมือที่สาม?
ขนม : ไม่มีมือที่สาม แต่มีหลายเรื่องต่อๆ กันมาเรื่อยๆ และแรงขึ้นๆ
ทะเลาะกันเรื่องอะไร?
ขนม : ตั้งแต่วันมีตติ้งจะไปส่งนมลูก หนูรู้อยู่แล้วว่าไปส่งเช้า 8-9 โมงเขาไปไม่ไหว ก็บอกว่างั้นไปตอนเที่ยง วันนั้นทางบ้านเขามา เขาอยากพาบ้านเขาไปกินข้าวตอนบ่ายก่อนไปมีตติ้ง แต่เปิดดูแมฟชม.กว่า น่าจะกลับมาไม่ทัน เขาเลยหงุดหงิด โมโห และหันมาว่าหนูว่า โง่ ไม่มีสมอง ทำไมไม่รู้จักวางแผนอะไรเลย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา พี่เต้ยน่าจะเป็นซึมเศร้า เรื่องอารมณ์เขาจะมีตลอด เราก็เข้าใจแต่ก็อึดอัดค่ะ เวลาเขาเป็นแบบนี้ ลูกก็รับรู้ ลูกเดินมาถามว่าป่ะป๊าเป็นอะไร หนูอยากให้เขาไปหาหมอจะได้อยู่ด้วยกันได้ ถ้ากินยาอาจจะดีขึ้น แล้วก็มีเหตุการณ์มาเรื่อยๆ ยังเป็นคำว่าเดิม โง่ ไม่มีสมองเหมือนเดิม จนสุดท้ายเขาพูดมาอย่างนึงต่อหน้าแม่หนู ถึงแฟนเก่าเขา ว่าถ้าไม่ติดเรื่องไปดื่มมาแล้วกลับมาทะเลาะกัน นอกนั้นดีหมดเลย
ครูเต้ย : เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องพูดกับแม่เขาเลย ตอนนั้นกินข้าวกัน เขาประชดผมว่าทำไมยังรู้สึกแบบนั้นกับเรื่องเก่าๆ ผมก็เลยอธิบายให้เขาฟัง ไม่ได้มีเจตนาข่มเขากับคนเก่า ผมแค่เล่าเพราะเขาถามผมแค่นั้น แต่ที่จริงเรื่องทั้งหมดเป็นมาตั้งแต่ลูกคนแรกแล้วครับ ผมต้องขอโทษขนม ขอโทษอากงและแม่ยาย ถ้าที่ผ่านมาทำให้ไม่สบายใจ หรือทำอะไรผิดไป แต่สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่คิดจะเอามาพูดในโซเชียลเลย ช่วงทะเลาะกันผมไม่เคยคิดแก้ตัวหรือใส่ร้ายอะไรเขาเลย มีแต่ฝั่งเขาโจมตีผมเรื่องนั้น แซะผมเรื่องนี้ ผมรอแก้อย่างเดียว
คุณโจมตีอะไรเขา?
ขนม : วันที่เกิดเรื่องครั้งแรก พี่ภูโพสต์ เราก็ทะเลาะกัน
ภูผา : วันนั้นไปร้านนึงแถวรัชโยธิน หนูก็มองเพื่อน แล้วสงสารเพื่อน
สงสารอะไร?
ขนม : หนูโดนเอฟซีเขาว่าเยอะมาก และว่าแรงมาก
เพื่อนสงสารเลยพิมพ์ไปในโซเชียล?
ภูผา : ใช่ แต่ไม่ได้ด่านะครับ พิมพ์ว่าสงสารเพื่อนจังเลย โดนด่าทุกวันๆ ทั้งที่มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทางฝั่งเขามาตอบกลับ ก็กลายเป็นเรื่องตอบกันไปตอบกันมาทั้งคืนเลย
นี่คือเริ่มจุดชนวนเลย เป็นเพราะคุณเลย?
ภูผา : ใช่ครับ แต่แค่โพสต์สงสาร
ครูเต้ย : มันไม่ได้โพสต์สงสาร มันเยอะกว่านั้น ฟีลจะแฉผม พวกคุณไม่รู้ความจริงหรอก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง รอฟังได้เลย ผมอยู่ตลอดเรื่อยๆ ไม่จบสักที ทั้งที่ผมกับขนมจบกันด้วยดี
เป็นเพราะภูผา?
ครูเต้ย : เป็นเพราะคนรอบตัวครับ
พอภูผาโพสต์ คนก็เริ่มเปลี่ยนทิศมาหาครูเต้ย จากนั้นยังไงต่อ?
ขนม : พอทางนี้เริ่ม ทางนั้นตาม หนูก็เข้าใจคนรอบตัวหนูนะคะ เพราะเขาเพิ่งมารู้เรื่องตอนหลังที่เลิกกัน เขาก็มีความไม่พอใจ ว่าทำไมไม่บอกให้คนของตัวเองหยุดเสียที
ครูเต้ย : คนที่ว่าขนม ไม่ใช่เอฟซีผมโดยตรง เป็นคนทางบ้านที่เขามองว่า อ้าว เพิ่งคลอดลูก ทำไมถึงมีแฟนใหม่ไวจัง ซึ่งไม่ใช่แค่กลุ่มเอฟซี เป็นมุมมองคนทั่วไป เราดันมาโฟกัสว่าเป็นเอฟซีของพี่อย่างเดียวแล้วก็เอามาฟาด ซึ่งสิ่งที่เอามาฟาดคืออดีตของพวกเราที่เคยทำผิดพลาดมาฟาด พี่มองว่าไม่ถูกต้อง บางอย่างมันจะกระทบกับลูกในอนาคต พี่บอกหนูตลอดเลยว่าถ้าเราทะเลาะกัน มันทะเลาะกันได้เรื่องอื่น แต่ขออย่างเดียวคือเรื่องลูก พี่ขอ (ร้องไห้)
ขนม : ตอนนี้พี่อาจเจ็บปวด แต่ตอนนั้นหนูก็เจ็บปวดเหมือนกัน ไม่เคยได้รับคำขอโทษเลยนะพี่เต้ย
ครูเต้ย : หนูก็รู้ว่าพี่รักลูกมากขนาดไหน (ร้องไห้)
ขนม : ใช่ หนูรู้ แต่ทำไมไม่หยุด
ครูเต้ย : (ร้องไห้หนักมาก) พี่ยอมทุกอย่างที่ผ่านมา แต่พี่ขออย่างเดียวอย่าพูดเรื่องลูก เราเคยตกลงกันแล้ว แต่ทำไมหนูต้องเอาเรื่องนี้มาพูด
ขนม : เพราะก่อนหน้านั้นพี่ออกมาไลฟ์สดว่าพี่จะฟ้องคนรอบตัวหนูให้หมดเลย (ร้องไห้) แต่พี่ไม่นึกไง ว่าทำไมเขาถึงโกรธ
ครูเต้ย : ไม่ เขาไม่ได้โกรธพี่เรื่องนี้
ขนม : เขาโกรธเรื่องนี้กันทุกคน
ภูผา : โกรธพี่ที่พี่จะให้เอาเด็กออก
ครูเต้ย : ฟัง ไม่อยากให้พูดคำนี้ออกมาในรายการ เพราะวันนึงเด็กมาเห็น ต้องเข้าใจนะเราทะเลาะกันแค่ผู้ใหญ่ ควรเอาแค่สิ่งที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ไม่ใช่เอาเด็กมาโหนเพื่อทำร้ายกัน
ขนม : หนูไม่ได้เอาเรื่องเด็กมาโหนแต่พี่ไม่คิดเลยว่าทำไมเขาถึงโกรธ (ร้องไห้)
ครูเต้ย : ยิ่งภูผาเป็นคนนอก ยิ่งไม่ควรเข้ามายุ่งตรงนี้ แต่ทำไมภูผาออกมาอะไรแบบนี้ตลอด ทุกเวลา ภูผาแทบไม่ใช่ญาติ
ขนม : เขาไม่ใช่ญาติ แต่อยู่ข้างหนูตลอดนะคะ พี่รู้มั้ยวันที่เขาร้องไห้คนเดียว ตอนที่พี่บอกให้ทำแบบนั้น เข้าใจว่าคุยกันแล้ว แต่คืนก่อนหน้านั้นพี่ออกมาไลฟ์สดไง เขาเลยไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เข้าใจบ้างว่าทำไมคนรอบตัวถึงโกรธพี่ ทั้งพ่อทั้งแม่ทุกคน
ครูเต้ย : เรื่องของลูก เป็นเรื่องที่เราสองคนคุยกัน ไม่ใช่ว่าพี่ใช้อภิสิทธิ์ตัดสินใจ บังคับให้หนูไปทำตรงนั้น เราสองคนคุยกัน มีแชตที่จริงมันเยอะกว่านั้น ที่แคปมามันอาจเหมือนผมที่คุยอยู่ฝ่ายเดียว แต่จริงๆ เราคุยด้วยกัน เราหาวิธีร่วมกันตรงนั้น แต่ผมยอมรับผิดว่าเวลานั้น ช่วงเวลานั้น ผมมีความคิดแบบนั้น ในอดีตมีความคิดแบบนั้น ก็ขอโทษคำที่บอกว่าทำไมต้องสร้างแต่ปัญหา วันนั้นเราทะเลาะกัน
ขนม : ไม่ได้ทะเลาะ (ร้องไห้)
ภูผาโพสต์เหมือนมาแซะครูเต้ย ครูเต้ยโมโห เลยบอกจะฟ้องคนแซะเขา เพราะเขาไม่ไหวแล้ว ขนมมองว่าจะไปฟ้องคนรอบข้างได้ไง คนรอบข้างปกป้องขนมนะ มันคิดคนละอย่างเท่านั้นเอง แต่ประเด็นที่เกิด ขนมไลฟ์พูดไปเรื่อยๆ มีคำพูดคำนึงซึ่งครูเต้ยบอกว่าเขารับไม่ได้จริงๆ คำพูดคำนั้นเกี่ยวกับลูกคนที่สองของเขา คำพูดทำให้หลายคนมองว่าครูเต้ยไม่รักลูกคนนี้หรือเปล่า มันเลยเซนซิทีฟกับครูเต้ย ครูเต้ยเลยพยายามบอกขนมว่าไม่ควรเอาเรื่องนี้มาพูดแบบนี้ เพราะมีประเด็นไปถึงลูก เดี๋ยวลูกเข้าใจผิดว่าไม่รักลูกหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ครูเต้ยคิด ขนมมองยังไง เจตนาพูดแบบนั้นออกไป มองยังไง?
ขนม : จริงๆ หนูพยายามเลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องนี้หลายครั้งมาก แต่รอบล่าสุดเขาออกมาไลฟ์สด หนูแค่รู้สึกว่าทำไมเขาไม่สำนึกในสิ่งที่เขาทำบ้าง (ร้องไห้) หนูไม่เคยได้รับคำขอโทษจากเขาเลยแม้แต่คำเดียว
ครูเต้ย : พี่ขอโทษขนม ในแชตก็มี เราขอโทษกัน เราเข้าใจกันแล้วตรงนี้
ขนม : มันติดอยู่ในหัว วันที่รู้ว่ามีน้อง เดินไปบอกกลับได้คำตอบว่าสร้างแต่ปัญหา แล้วไล่ให้ไปร้องไห้ที่อื่น (ร้องไห้)
ครูเต้ย : คนละประเด็นนะครับ วันนั้นเราทะเลาะกันก่อน แล้วผมก็กลับบ้าน ตอนนั้นอารมณ์มันดาวน์ ผมยอมรับ ผมขอโทษ ที่พูดคำนี้ไปว่าทำไมสร้างแต่ปัญหา พอหลังจากตรงนั้นเราก็มาปรึกษากันว่าจะเอายังไงตรงนี้ เพราะก่อนหน้านั้นเราเคยคุยกันว่าเราจะมีลูกคนเดียว ความคิดผม ผมรักลูกคนแรกมาก คิดปรึกษากันและหาวิธี ในแชตที่ทุกคนเห็นเป็นแชตผมจริง เป็นคำพูดผมจริง แต่เป็นแชตที่เราคุยกัน พี่ไม่ได้ไปบังคับใช่มั้ย เราแค่หาวิธี
ขนม : เขาถามหนูว่าจะไปทำที่รพ.หรือจะไปทำเอง หนูบอกว่าหนูไปรพ.ไม่ได้ หนูไม่มีทางเลือกอื่นเลย หนูบอกใครก็ไม่ได้ (ร้องไห้)
พี่ว่าอันนี้มันอาจไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ในการเล่าดีเทล ความรู้สึกไม่ได้มีเราแค่สองคน มีอีกคนที่เขาโตขึ้นมาแล้วรู้เขาจะรู้สึกไม่ดี ครูเต้ยอาจไม่มีเจตนาให้เป็นแบบนั้น แต่ขนมเองก็อยู่ในภาวะที่พูดออกไป เพราะรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง แต่บางครั้ง พอพูดออกมาไม่ได้มีผลแค่ครูเต้ย มันมีผลไปถึงตัวน้องด้วย ขนมเข้าใจใช่มั้ย?
ขนม : เข้าใจค่ะพี่หนุ่ม
ครูเต้ย : ส่วนนั้นก็ขอโทษขนม ขอโทษแม่ยาย ที่ตอนนั้นมีความคิดแบบนั้น (ร้องไห้)
ขนม : (ปล่อยโฮ)
ครูเต้ย : จากนั้นเราก็ตกลงกันว่าเราจะมีเขาอย่างเต็มใจ และรักเขาไม่แพ้พี่คนโต อะไรทุกอย่างที่เราคิดว่าดี เราก็ทำให้เขาไม่แพ้พี่คนโต ในเรื่องลูกคนเล็ก ที่ผมออกมาวันนี้ ไม่ได้อยากมาแก้ตัว (ร้องไห้) แค่อยากออกมา เผื่อวันนึงลูกผมมาเห็นข่าวพวกนี้ แล้วเขาเข้าใจผิดว่าผมไม่ต้องการเขา ไม่รักเขา แต่ที่จริงๆ ตรงนั้นผมคิดที่คิดตอนนั้น ผมยอมรับผิด แต่หลังจากนั้นผมไม่มีความคิดแบบนั้นอีกเลย ผมรักเขามาก (ร้องไห้) ถ้าลูกมาดูคลิปนี้ของพ่อ พ่ออยากขอโทษลูกที่ตอนนั้นพ่อมีความคิดแบบนั้น แต่หลังจากนั้นพ่อรักหนูไม่แพ้เจ่เจ้ (ร้องไห้) แล้วพ่อก็สัญญาว่าพ่อจะดูแลลูกสองคนให้เต็มที่
สองคนนี้ไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหาเกิดจากคนรอบข้าง ครูเต้ย มีปัญหากับคนรอบข้างขนม เนื่องจากคนรอบข้างขนมเห็นใจขนมที่โดนแฟนคลับครูเต้ยต่อว่า ก็พยายามออกตัวแทน ครูเต้ยเลยประกาศจะฟ้อง เอาเรื่องคนรอบข้างขนม ขนมก็ออกมาปกป้องคนของตัวเองเหมือนกัน เป็นวิถีของเขาอยู่แล้ว แต่อาจมีคำพูดบางอย่างกระทบกระเทือนความรู้สึกส่วนลึกของครูเต้ยหรือแม้กระทั่งลูก ซึ่งเขารู้สึกว่ายอมไม่ได้ แต่มีประเด็นมากกว่านั้น เรื่องค่าใช้จ่าย มันเป็นยังไง?
ขนม : ตอนแรกเลิกกันแล้ว บอกพี่เต้ยว่าขอให้ลูกเดือนละ 5 หมื่นได้มั้ย ลูกสองคน คนละ 5 หมื่น รวมเป็น 1 แสน แต่ได้คำตอบว่าไม่ได้ มีครั้งนึงที่หนูโกรธ หนูแค่รู้สึกว่าไม่ได้เป็นจำนวนที่เยอะไปสำหรับเขา ถ้าเราอยากให้คุณภาพชีวิตลูกเราเป็นเหมือนเดิม มันก็ต้องอย่างนั้นแหละค่ะพี่หนุ่ม แต่เขาให้ไม่ได้ หนูก็เข้าใจเขาในส่วนนี้ เขาอาจกลัวคนอื่นมาได้ใช้ด้วยกับลูก หนูก็เข้าใจ แต่เป็นความรู้สึกว่าถ้าวันนี้หนูไม่มีล่ะ หนูจะเอาเงินที่ไหนสำรองจ่ายไปก่อน ที่ขอแค่อยากให้คุณภาพชีวิตของลูกเท่าเดิม ส่วนเรื่องที่เขาเคยพูดเรื่องเงิน 2 แสน ก็จริงค่ะ ที่ผ่านมาเขาซัปพอร์ตลูกมาโดยตลอด ไม่เคยอิดออดแม้แต่ครั้งเดียว แต่ไม่ใช่ว่าค่าใช้จ่ายลูกทั้งหมดจะอยู่ใน 2 แสน จะมีค่าอย่างอื่นด้วย
ครูเต้ย : เรื่องเงิน 1 แสนที่คุยกัน ผมไม่ได้ติดใจหรือมีปัญหา ระหว่างทางที่ผ่านมา เดือนละ 2-3 แสน ผมก็จ่ายได้ ผมไม่เคยติดใจ เพื่อให้ลูกมีคุณภาพที่ดี แต่ว่ามุมผม ผมอยากจ่ายเป็นบิลอยู่เพราะผมอยากรู้ว่าลูกผมได้ใช้จ่ายอะไรบ้าง ได้กินอะไรบ้าง ได้ไปที่ไหนบ้าง อีกส่วนนึงถ้าผมทิ้งเงินให้ลูกอย่างเดียว โดยผมไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกเลย ผมอยากใช้ส่วนนี้มีปฏิสัมพันธ์กับลูก ลูกอยากได้อะไร ชอบอะไร ผมยังได้ใช้ส่วนนี้มีปฏิสัมพันธ์กับลูก
ขนม : แค่โทรหาลูกทุกวัน ยังทำไม่ได้เลย เติมเต็มนอนรพ.7 วัน พี่ทักมาวันที่ 7 จริงมั้ย
ครูเต้ย : ก็ไปหานะ
ขนม : ทำไมถึงไม่โทรถาม ก่อนรอบสุดท้ายที่เข้ารพ. บอกพี่ใช่มั้ย ขออย่างเดียว ขอให้โทรหาลูกทุกวันได้มั้ย ทำเหมือนเดิมได้มั้ย ไม่งั้นจะไม่ให้เจอลูก แล้วพี่ทำมั้ย แค่วันละ 10 นาที
ครูเต้ย : ลูกไม่รับสาย
ขนม : ลูก 3 ขวบ เขาไม่ได้ถือโทรศัพท์ตลอดเวลาไง พี่ต้องทำความเข้าใจก่อนนะ
ครูเต้ย : พี่ถามลูกแล้ว เขาบอกแม่ยายเก็บไว้
ขนม : ถามเบนซ์ก็ได้ เบนซ์อยู่ใกล้บ้าน ทำไมไม่ทำทุกวัน
ครูเต้ย : เบนซ์ไม่อยู่วันที่พี่ทักไป เบนซ์อยู่นครพนม
ขนม : ทักทุกวันมั้ย
ครูเต้ย : ไม่ได้ทักทุกวัน แต่ก็โทรหาลูกในไลน์ แต่ลูกไม่ได้รับ
ขนม : นี่คือสิ่งที่โกรธ ทำไมโทรหาลูกทุกวันไม่ได้ แล้วรู้มั้ยใจ๋พูดว่ายังไง
ครูเต้ย : ใจ๋พูดว่าแม่ยายไม่ให้เล่นโทรศัพท์
ขนม : พี่เต้ยฟังก่อนนะ ลูก 3 ขวบ
ครูเต้ย : ลูก 3 ขวบพูดทุกอย่าง อากงดูดบุหรี่ ลูกอ้วก ลูกก็พูด
