xs
xsm
sm
md
lg

“รอง เค้ามูลคดี” ขออายุยืน 108 ปี! รับอยากเห็นหลานแต่งงาน งานน้อยลงแต่สบาย กินเงินเดือนศิลปินแห่งชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รอง เค้ามูลคดี” รับยังมีงานละครต่อเนื่อง แม้ละครน้อยลง ระวังตัว ไม่รับละครโลดโผน เข้าใจหัวอก “ยุ้ย ปัทมวรรณ” มีพ่อเหลืออยู่คนเดียว ถึงงานน้อยลงแต่อยู่สบาย กินเงินเดือนศิลปินแห่งชาติ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง อยากอายุยืน 108 ปี อยากเห็นหลานสาวแต่งงาน ช็อก “เอ๋ ไพโรจน์” ไปก่อน

ถึงแม้ช่วงนี้งานละครในวงการบันเทิงดูจะซบเซาลงไปบ้าง แต่นักแสดงอาวุโสระดับตำนานก็ยังคร่ำหวอดอยู่ในวงการและมีผลงานมาให้ได้ชมจนถึงทุกวันนี้ สำหรับ “รอง เค้ามูลคดี” ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาอัปเดตชีวิตว่า ตอนนี้ยังคงมีงานละครต่อเนื่อง แม้ว่าจะลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนก็ตาม

“ไม่กระทบเพราะเวลาเราไม่ได้ถ่ายละครเราก็ไปช้อปสินค้าก็ดีเพลินๆ ตอนนี้ก็มีถ่ายละคร รักสาบสูญ ของ เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) นี่แหละ ของก็จะให้มาขายละครก็จะให้ไปถ่ายยุ่งกับเราเหลือเกิน ก็มีถ่ายละครมาเรื่อยๆ เพิ่งไปถ่ายละครของคุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ช่อง One มา มันก็มีมาเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้เยอะเท่าสมัยก่อน ต้องบอกว่าบางทีบางคนเขาบ่นว่างานไม่มีต้องทำยังไง ก็บอกจะทำยังไงก็ตอนได้มาคุณมีไม่เก็บ พ่อเวลาไม่มีงานพ่อก็มีเงินเดือน เงินเดือนเราศิลปินแห่งชาติ 25,000 บาท เราอยู่ได้อย่างสบายเพราะไม่ได้ไปไหนอยู่บ้าน กินอะไรลูกก็ซื้อให้ อยู่บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ น้ำไฟเขาก็จ่าย สบายจะตาย”

เข้าใจลูกสาว “ยุ้ย ปัทมวรรณ” ไม่อยากให้รับงานละครที่โลดโผนหวั่นหกล้ม
ปกติแต่ว่าเขาก็เลือกหน่อยว่าไม่อยากให้พ่อชอบเล่นบู๊เพราะกลัวเดี๋ยวพ่อจะไปล้ม เราก็เห็นใจเขานะเพราะเขาก็เหลือพ่อคนเดียวแล้วเราก็ต้องระวังหน่อย เวลาที่เขามาติดต่อเราก็ถามเขาว่ามันมีโลดโผนหรือเปล่า ถ้ามีโลดโผนเราไม่เอา เขาก็บอกว่าปรับบท ถึงบอกปรับบทแต่พอถึงเวลาจริงก็ให้วิ่งอยู่ดี”

ใช้ชีวิตแบบพอเพียงให้เข้ากับเศรษฐกิจยุคนี้
“เราไม่เคยห่วงนะเราต้องอยู่ให้เป็น สมมติว่าเมื่อก่อนนี้เราได้เดือนละ 1,000 บาท เราก็ใช้สัก 300 เราก็เก็บไว้เจ็บป่วย แล้วเวลาอยากไปเที่ยว แล้วก็ 200 บาทเก็บเอาไว้เผื่อเวลาเราไม่มี พอมันไม่มีขึ้นมามันไม่ได้พันบาท มันเหลือ 500 บาทเหลือ 300 บาท คุณก็ต้องอยู่ให้ได้”

เผยวงการบันเทิงเงียบเหงามองเป็นเรื่องของวัฏจักร
มันเป็นวัฏจักรซึ่งเราเคยทำนายไว้ตั้งนานแล้ว บอกกับเป็ด เชิญยิ้ม คอยดูนะตลกมันก็จะหายไปๆ แล้วเราก็นึกไม่ถึงอันนี้เป็นมหัศจรรย์มากกว่าวงการละครมันจะหาย ถึงบอกว่าโทรศัพท์มือถือมันเป็นดาบสองคม ที่ละครเราเบาตอนนี้เพราะอะไร เพราะสปอนเซอร์หายาก ทุกคนมาถาโถมลงในโทรศัพท์หมด ลงในติ๊กต๊อกลงในอะไรต่ออะไร อันนี้มันก็เป็นทางใหม่เพราะต้องยอมรับว่าคนดูก็สะดวกขึ้น”

ไม่เครียดกับชีวิต ดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองด้วยการกินและออกกำลังกาย
“เป็นคนที่ลำบากหน่อยนะต้องหาหมอสองโรงพยาบาล ตอนนี้ก็รักษาที่โรงพยาบาลรามาฯ กับโรงพยาบาลภูมิพล โรคเดียวกันเลย สรุปแล้วไม่เป็นอะไรเลย หมอบอกว่าดีมาก เบาหวานก็ไม่มี ความดันก็มีนิดหน่อยสวิงขึ้นสวิงลง ตับก็ไม่มีอะไร ปอดก็ไม่มีอะไร

ถามว่าพ่อใช้ชีวิตยังไงให้สุขภาพแข็งแรง ก็อย่าไปเครียดกับมันอะไรที่เราดูแล้วว่าเครียดก็อย่าไปยุ่ง ตื่นเช้ามาเราก็ใส่บาตร แล้วก็เดินทักกับชาวบ้านที่ขายของ กลางคืนทานข้าวปลาเรียบร้อยเสร็จก็สวดมนต์นอนจบ”

บอกจะใช้ชีวิตอยู่จนกว่าเห็นหลานแต่งงาน
“ลูกสาวห่วงเรื่องการเดินเหินเพราะเราใจร้อน เรานึกว่าเรา 25 ก็ยังสบายเราก็อย่าไปเร่งกับมันเราก็ต้องรู้อายุว่าตอนหนุ่มๆ เราเดินยังไง เดี๋ยวนี้มันจะ 80 แล้ว เลข 8 ติดหลังมาแล้ว เพราะงั้นเราก็ต้องเดินให้มันช้าหน่อย เพราะเราก็ไม่ได้อยากเป็นอะไรอยากอยู่ถึงหลานสาวแต่งงาน

ถามว่าเคยบอกเขาไหม บอกว่าต้องเรียนเก่งๆ นะ ถามหลานว่าปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว เขาบอก 15 เราก็บอกว่าหลานแต่งงานเมื่อไหร่ตาก็จะอยู่ถึงหลานแต่งงาน ตอนนี้ตาอายุ 78 ตีว่าแต่งสัก 27 ไม่รู้ก็กะว่า 108 ปี ก็จะรักษาสุขภาพเพื่อหลาน ต้องอยู่ให้เป็นกินให้เป็น ออกกำลังกายบ้างนิดหน่อย อะไรที่รู้ว่ามันทำลายสุขภาพเราก็อย่าไปยุ่งกับมัน”

ช็อกรู้ข่าว “เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร” เสียชีวิต
“จริงๆ แล้วเราสนิทกับครอบครัวเอ๋ ไพโรจน์ มากนะ ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เขา พี่สาวเขาเมื่อก่อนเราก็พากย์หนังอยู่ด้วยกัน (เจอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?) ไม่เจอนานมากแล้ว ไม่ได้เจอกันเป็นปีแล้ว เพราะตอนหลังเราไม่ค่อยออกไปไหนก็เลยไม่ได้ติดต่อใครเลย

ทราบข่าวก็ช็อก ยังไม่ 6 โมงเช้ากำลังจะออกไปใส่บาตร มีโทรศัพท์เข้ามาบอกเอ๋ไปแล้ว มันไม่น่าจะเป็นเพราะเอ๋เป็นคนสนุก เจอใครก็โอเคยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ถึงบอกโรคหัวใจอันตราย นี่ขนาดจะไปงานยังไม่มีเวลาจะไปเลย ว่าจะพยายามไปวันที่ 8 มิ.ย.นี้”











กำลังโหลดความคิดเห็น