ปิดจบทุกดรามา “ประจักษ์ชัย” ร่วมเฟรม “อาม ชุติมา” ในรอบ 8 ปี หลังเคยมีปัญหากัน ด้านคนกลาง “ลำไย” ยอมรับโล่ง ชมอามเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น อยู่จุดที่สูงที่สุดของชีวิตด้วยความสง่างาม อยากมีเพลงด้วยกันสักเพลง ขำอามโทร.ขอเกิบก่อนประกวด
แฟนลูกทุ่งได้ฟิน กับการกลับมาร่วมงานกันของ “ลำไย ไหทองคำ” หรือ “สุพรรณษา เวชกามา” และ “อาม ชุติมา โสดาภักดิ์” ในงาน The Grand Fest Concert 4 ภาค ที่ทางค่าย ไหทองคำ x missgrand x หมอลำไอดอล
งานนี้ ลำไย-อาม ชุติมา ร่วมร้องเพลง ผู้สาวขาเลาะ เพลงในตำนานที่ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน บรรยากาศเก่าๆ ก็กลับมาให้เห็นอีกครั้ง 8 ปีที่ห่างหายกันไป ทั้งยังเกิดภาพประวัติศาสตร์ “ประจักษ์ชัย ไหทองคํา” ร่วมเฟรม อาม ชุติมา อีกครั้ง หลังทั้งคู่เคยมีปัญหากันเรื่องสัญญาลิขสิทธิ์เพลงจนฟ้องร้องกันอีรุงตุงนัง กลายเป็นช็อตเด็ดที่ดีต่อใจแฟนๆ ซึ่งลำไย-อาม ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชน
อาม : “ไม่ได้ร้องเพลงถ้าแบบเป็นงานคอนเสิร์ตเลยก็ประมาณ 6-7 ปีได้ค่ะ ก็เป็นความรู้สึกที่ว่าบรรยากาศเก่าๆ กลับมา เพราะปกติเราก็ร้องบนเวทีด้วยกัน เพราะช่วงนี้ก็จะไปร้องช่วยพี่ลำไยช่วงที่พี่เขาหายใจไม่ทันค่ะ (หัวเราะ)ก็ดีใจค่ะที่ได้กลับมาร้องเพลง และต้องขอบคุณทางผู้ใหญ่ด้วย ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ก็คงจะไม่มีโอกาสได้มาร้องรวมกันแบบนี้ค่ะ
ส่วนเรื่องประเด็นดรามาก็ไม่มีอะไรค่ะ อุ่นใจมากขึ้น เพราะอาจารย์ประจักษ์ชัยอยู่กับเราค่ะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นแล้วร้องกับเจ้าของเพลง และคนแต่งเพลงอยู่นี่ นายห้างอยู่นี่ เพราะฉะนั้นก็อุ่นใจสบายหายห่วงค่ะ เมื่อกี้ได้เจออาจารย์ อาจารย์ก็คุยเยอะมาก บอกว่าดูตลอด ยินดีด้วยนะ คือปกติเราเดินทางไปนั่นนี่ ชุติก็จะออกต่างจังหวัดซะส่วนมากก็จะได้เจอกัน
ถามว่าปลดล็อกไหม คือเราไม่ได้มีอะไรตรงนี้อยู่แล้ว ไม่ได้ว่าต้องมาเคลียร์ประเด็นอะไร แต่เป็นการที่ให้คนดูเข้าใจมากขึ้นว่าเราทำงานร่วมกันได้ อาจารย์ทักหนูคำแรกก็คือมิสแกรนด์หนองเลิง หนองเลิงเป็นชื่อหนองที่บ้านเกิดค่ะ อาจารย์รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนที่ไหน ก็อบอบอุ่นค่ะ เหมือนได้กลับบ้าน คือถ้าเราทำให้อาจารย์หรือผู้มีพระคุณ หรือพ่อกับแม่ ผู้ใหญ่ที่เขาเคยผลักดันเราภูมิใจนั่นก็แปลว่าเราตอบโจทย์”
ลำไย : “วันนี้ก็ดีใจที่ได้กลับมายืนข้างๆ กัน และร้องเพลงบนเวทีด้วยกันด้วยความสง่างามอีกครั้งนึง ก็นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เพราะแต่ก่อนเรากินนอนอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันแทบจะ 24 ชม. เลย ปัญหาอะไรหลายๆ อย่างก็ผ่านมาด้วยกันกอดคอกันร้องไห้ด้วยกันตอนนั้นโดนด่าเรื่องอ้วนก็มี (หัวเราะ) พอขึ้นมาจับไมค์ด้วยกัน ก็เหมือนการพูดคุยมันเป็นธรรมชาติ มันเหมือนเราพูดคุยเล่นกัน มันไม่ต้องปรุงแต่งอะไร เมื่อกี้ก็ไม่ได้ซ้อมกันมาก่อน ก็มาแจมกันสดๆ เลย เหมือนมองตาก็รู้ใจ”
อาม : “แค่เหลือกตาใส่กันก็รู้แล้ว”
ลำไย : “เหลือกตาแปลว่า (หันไปถามอาม)”
อาม : “แปลว่าส่งซิกส์ค่ะ (หัวเราะ)”
ชมอามเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น อยู่จุดที่สูงสุดของชีวิตด้วยความสง่างาม
ลำไย : "ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิม ด้วยนิสัยและการพูดคุยของเรา แต่เราเห็นพัฒนาการที่มันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แล้วน้องมาอยู่ในจุดที่มันสูงสุดของชีวิตที่ได้มายืนบนเวทีด้วยความสง่างาม และได้ทำงานกับองค์กรใหญ่ระดับประเทศวันนี้เรามายืนข้างน้อง คือทุกคนเติบโตค่ะ
สำหรับปัญหาก่อนหน้านี้ คือเราเป็นคนกลางเนอะ อย่างที่ทุกคนก็คงเข้าใจกันดีว่าคนกลางมันก็พูดยาก ทุกปัญหาเรารู้ แต่เราไม่สามารถออกมาบอกทุกคนได้ เพราะเราก็รักทั้งสองคน รักทั้งอาจารย์ รักทั้งน้อง สิ่งที่เราทำได้คือพูดเท่าที่พูดได้ แต่วันนี้ก็ปลดล็อกตัวเองด้วย แต่ก่อนก็ยังมีความเกรงใจเวลาจะเจอกัน ก็ไม่ได้โซเชียลเท่าไหร่แต่ทุกวันนี้ทำงานร่วมกันแบบชัดเจนได้มากขึ้นในหน้าที่การสื่อมากขึ้น”
อาม : “ก่อนหน้านี้มีแอบไปร้องเพลงด้วยกันค่ะ แอบเพราะไม่ได้บอกใคร (หัวเราะ) คืออามไปกินข้าว ก็สั่งนั่นนี่มากิน แล้วพี่ลำไยก็ขึ้นร้อง เราก็เอ็นจอยดื่มนั่นดื่มนี่ สนุก ก็เอาเครื่องดื่มไปให้พี่ลำไย แล้วก็อยากขึ้นไปด้วยแต่ก็ลิ้นพันนิดนึงค่ะ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องแอบแล้ว ถ้ามีโอกาส อยากไปร้องด้วยกันบนเวทีมากกว่า”
ภูมิใจมากอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก จากวันที่ไม่มีอะไรเลย
ลำไย : “ภูมิใจมากค่ะ เรียกได้ว่าเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกๆ ก้าวเข้ามาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย ก็รู้สึกว่าวันนึงที่เราเดินแยกกัน ตอนนั้นก็เหมือนอกหักเหมือนกันนะ เพราะว่าหนูจำได้ว่าตอนที่น้องโทร.มาแล้วบอกว่าจะไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนั้นเราก็น้ำตาไหล ก็เข้าใจ มันก็ผ่านช่วงมรสุมมาจนวันนี้เขาสำเร็จในจุดตรงนี้ เราก็เอาใจช่วย คือหนูเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่เราจะดูอยู่ตลอด”
อาม : “หนูก็ภูมิใจกับพี่ลำไยอยู่แล้ว เพราะว่าเขาประสบความสำเร็จมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีงานต่อเนื่อง และพัฒนาตลอด เขาประคับประคองตัวเองได้ดีมากๆ ทำงานเรื่อยๆ และกระแสยังคงที่ ก็ภูมิใจมาตลอดอยู่แล้วค่ะ และก่อนที่หนูจะเข้ากองก็โทร.ไปขอเกิบกับเขาด้วย”
ลำไย : “โทร.มาขอเกิบ บอกว่ามีรองเท้าสูงๆ ไหใ แต่ปกติหนูใส่สูงแค่ 3-4 นิ้วเพราะว่าเราเต้น เราก็เลยไม่มีอันที่มันมีแพลตฟอร์มข้างหน้า เราไม่มีก็เลยไม่ได้ให้เขายืม”
อาม : “พอเขามีแต่รองเท้าส้นเตี้ย ก็เลยไม่ได้เอา เพราะเราใส่รองเท้าส้น 10 กว่านิ้ว (หัวเราะ) ล้อเล่นๆ”
อาจไม่ค่อยได้คุย แต่เมื่อไหร่มีปัญหาพร้อมรวมตัว อยากมีเพลงด้วยกันสักเพลงน่าจะดี
อาม : "จริงๆ แก๊งเรายังมีอีกคนนึงคือเนสกาแฟด้วย พวกเรากินนอนด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ค่ายยังเล็กๆ ตั้งแต่พวกเรายังไม่มีชื่อเสียง แล้วพอแยกย้ายกันไปทำงานเราก็คิดถึงกันตลอด ไม่ว่าเราจะไปทำงานที่ไหนยังไง ถ้าถึงเวลาเราก็จะมารวมตัวกัน คิดถึงกัน เป็นเพื่อนแท้ที่ดีต่อกัน”
ลำไย : “คือเราจะเป็นแก๊ง 3 คน ถ้าช่วงหายก็หายกันไปเลยนะ เพื่อนสนิทก็จะมีความว่าไม่ได้คุยกันตลอดเวลา บางทีหายหัว บางทีทักไม่ตอบเป็นปกติ แต่เวลาที่ใครสักคนนึงมีปัญหา มันจะกลับมารวมตัวกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ถ้าช่วงที่ทุกคนสบายใจจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ อาจจะไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ใครคนนึงมีปัญหา มันจะเริ่มมารวมตัวกัน ก็คือเป็นห่วงกันแหละค่ะ"
อาม : “โปรเจกต์งานร่วมกันจริงๆ ก็รู้พร้อมทุกคนเมื่อกี้เลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ด้วยความที่เรามืออาชีพ เราพร้อมสแตนบาย ให้ทำอะไรเราทำได้ทุกอย่าง”
ลำไย : “แต่ถ้าเรามีเพลงด้วยกันสักเพลงนึงก็จะดีนะ”
อาม : “ใครแต่ง”
ลำไย : "เจ้าไง เพราะถ้าลำไยแต่งอาจจะไม่ค่อยคล้องจองนิดนึง เดี๋ยวคำไม่สัมพันธ์กัน (หัวเราะ) ก็เดี๋ยวรอติดตามกันค่ะ ถ้าเกิดมีโปรเจกต์คู่ก็น่าจะดีเลย เพราะหนูเองก็อยากทำ เดี่ยวก็รอทางผู้ใหญ่ด้วยค่ะ”
อาม : “ก็เป็นห่วงเรื่องชุดค่ะ อยากให้เซฟตี้ดีๆ (หัวเราะ) แล้วก็เรื่องสุขภาพ นอนน้อยนี่แหละค่ะ เพราะทำงานมาหลายปีมากๆ ก็กลัวว่าจะสะสม แต่ก็สบายหายห่วงได้ เพราะเขาจัดการตัวเองดี เรียกว่าสวยแบบบึกบึน (หัวเราะ) เรื่องสุขภาพใจไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะเรามีความสวยอยู่แล้ว (หัวเราะ)”
ลำไย : “ถ้าเรื่องการทำงานไม่ห่วงอยู่แล้ว เพราะเขาทำงานเป็นมืออาชีพ และทำงานกับองค์กรที่มั่นคงและระดับประเทศ ส่วนเรื่องการพักผ่อนก็เริ่มห่วง เพราะงานเขาก็เริ่มเยอะ คิดว่าน่าจะต้องแบ่งเวลาพักผ่อน ดูแลตัวเองด้วยค่ะ”
