กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลเมื่อมีการนำคลิปรายการพอดแคสต์ ที่สมาชิกของรายการ 2 รายได้พูดคุยถึงวงการไอดอลเค-ป็อป อ้างว่าขายตัว และมีคลิปลับกับทายาทมหาเศรษฐี
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมาได้มีการเผยคลิปสั้นเมื่อ 3 เดือนที่แล้วของพอดแคสต์ที่ชื่อว่า 'ABOVE the Influence Show' ซึ่งเดิมทีต้องเสียเงินเพื่อรับชม "Bonus Clip" ดังกล่าว ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่จนกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดบนโลกออนไลน์ ซึ่งในคลิปพิธีกร อูแทก คิม และ มิเชลล์ ไครา ลี สาวที่อ้างว่าเคยออกเดตกับ ท็อป จากวง BigBang กล่าวถึงคนดังชาวเกาหลีบางคนว่าสามารถพบปะเป็นการส่วนตัวได้หากจ่ายเงินมากพอ เพราะไอดอลสาวเค-ป็อป ไปจนถึงนักแสดงและคนดังต่างก็มีค่าตัวสูงเป็นโสเภณีระดับท็อป
โดย มิเชลล์ ไครา ลี กล่าวว่า “ไอดอล K-pop ในเกาหลีล้วนเป็นโสเภณี ดาราสาวเกาหลีล้วนเป็นโสเภณีเห็นได้ชัดว่าไอดอลเกาหลี คนดัง หรือ ดาราสาวเกาหลีทุกคน มักมีค่าหัวของตัวเอง ถ้าคุณรวยพอ เช่น นักธุรกิจชาวจีน คุณสามารถไปที่บริษัทบันเทิงเหล่านี้และขอค้างคืนกับดาราเกาหลีตัวท็อปได้”
ไครา ยกตัวอย่าง ไอยู ขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยระบุว่า “ราคาค่าตัว” ที่ถูกตั้งไว้คือ 500,000 ดอลลาร์ต่อคืน หรือประมาณ 16.4 ล้านบาท แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานและข้อกล่าวหายังไม่ได้รับการยืนยัน แต่คำกล่าวอ้างดังกล่าวก็กลายเป็นไวรัล โดยมีแฟนๆ และผู้สังเกตการณ์ในวงการบันเทิงแสดงความตกใจและโกรธแค้นต่อข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงดังกล่าว
พิธีกรอีกรายอย่าง อูแทก คิม ก็ได้แชร์เรื่องราวในลักษณะเดียวกันที่ทำเอาผู้ร่วมรายการถึงกับอ้าปากค้าง โดยระบุว่า
“มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปเข้าค่ายฤดูร้อนกับเพื่อนซึ่งเป็นลูกชายของทายาท BMW เขาอ้างว่าเขาได้นอนกับ เจนนี่ BlackPink หลังจากจ่ายเงินก้อนโต เขายังได้โชว์วิดีโอคลิปให้ผมดูด้วย ผมจึงรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง”
หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย แฟนๆ ของ BLACKPINK รวมถึงแฟนๆ ของ ไอยู ต่างเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับผู้จัดรายการพอดแคสต์ที่เผยแพร่คำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริง หลังกลายเป็นกระแสหนัก ทั้งสองพิธีกรได้ออกมากล่าวว่าคลิปดังกล่าวถูกนำไปใช้โดยไม่ได้คำนึงถึงบริบทโดยรวมและตัดทอนเพียงบางส่วน และได้โพสต์คำขอโทษผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียของตนเอง
ไครา ลี ได้ออกมาตอบโต้พร้อมระบุถึงคลิปไวรัลดังกล่าวว่า “ฉันอยากจะใช้เวลาสักครู่เพื่อพูดถึงคลิปไวรัลที่กำลังแพร่ระบาดบนอินเทอร์เน็ตและข่าวลือที่ตามมา”
เธอชี้แจงว่าเธอแค่แชร์ความคิดเห็นของเธอเท่านั้น และวิดีโอดังกล่าวถูกนำไปตัดต่อโดยไม่ได้คำนึงถึงบริบทโดยรวม เธออธิบายว่า “วิดีโอที่เผยแพร่อยู่นี้ถูกตัดต่อโดยไม่ได้คำนึงถึงบริบท และไม่ได้สะท้อนความเชื่อ เจตนา หรือค่านิยมของฉัน”
ทาง อูแทก คิม ที่เล่าเรื่อง เจนนี่ ก็ได้ออกมาโพสต์ขอโทษพร้อมระบุว่า
“แฟนๆ K-pop ที่กำลังกังวลอยู่ตอนนี้ รีบหาข้อเท็จจริงมาชี้แจงกันหน่อย ผมไม่ได้เกลียดหรือโจมตี เจนนี่ ผมแค่เล่าเรื่องที่ได้ยินมา ไม่ใช่การดูถูก แต่แค่เล่าซ้ำเพราะว่าหัวข้อคือด้านมืดของวงการ K-pop ทำไมไอดอลถึงมีอัตราการฆ่าตัวตายสูง และสัญญา 'ทาส' เหล่านี้มันบ้าแค่ไหน ใครก็ตามที่ตัดทิ้งบริบทโดยรวมนั้นออกไปแล้วยังแสดงความกลียดชัง ผมไม่แคร์ พวกคุณพูดและกล่าวหาผมในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง อยากให้คุณลองใช้เวลา 10 นาทีในการค้นหาทฤษฎีสมคบคิดและข้อกล่าวหาเดียวกัน เกี่ยวกับแวดวง K-pop ดูได้เลย ผมไม่มีอะไรขัดแย้งกับ เจนนี่ และนำเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะมันฟังดูค่อนข้างรุนแรงและบ้ามาก หากคุณยังรับไม่ได้ทุกครั้งเวลาที่มีคนวิจารณ์เกี่ยวกับวงการที่มีการเซ็นสัญญาทาสกับคนดังที่คุณชื่นชอบก็เชิญตามสบายออกไปแตะหญ้า ดูโลกภายนอกบ้างนะ”
แม้ว่าทั้งคู่จะออกมาขอโทษต่อสาธารณชนแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยหลายคนตั้งคำถามถึงความจริงใจในการตอบกลับของทั้งคู่ แฟนๆ บนโซเชียลมีเดียโต้แย้งว่าแทนที่จะรับผิดชอบเต็มที่ ทั้งคู่กลับพยายามแยกตัวเองออกจากความคิดเห็นโดยอ้างว่าคลิปดังกล่าวถูกหยิบยกมาพูดนอกบริบทหรือเพียงแค่เล่าซ้ำในสิ่งที่ได้ยินมา ซึ่งยิ่งทำให้ความโกรธแค้นทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากชาวเน็ตเน้นย้ำว่าการพูดซ้ำคำกล่าวหาโดยอิงจากข่าวลือที่ร้ายแรงได้สร้างความเสียหาย โดยเฉพาะข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับคนดังตัวท็อปอย่าง ไอยู และ เจนนี่ โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถือเป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบอย่างยิ่ง
แฟนๆ ของ ไอยู และ เจนนี่ กำลังเรียกร้องให้ต้นสังกัดของทั้งคู่ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เข้าร่วมรายการพอดแคสต์ในข้อหาหมิ่นประมาท ละเมิดความเป็นส่วนตัว และเผยแพร่ข้อมูลเท็จ
y’all on this podcast better get sued by IU and Jennie’s company pic.twitter.com/TNV98UYkk5— #14 🩵 (@kimchaena14) May 27, 2025
