“ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์” แฮปปี้คบแฟนสาว 6 เดือน ยันไม่ได้ปิดแค่ต้องการความเป็นส่วนตัว เลิกดื่มเหล้าหลังบวช ชีวิตดีขึ้น มีวินัย มีสติ แถมตื่นเช้ามาสวดมนต์ เห็นใจนักวิ่ง 1,200 คนโดนผู้จัดเทงาน แนะเช็กให้ดีเพราะมิจฉาชีพเยอะ
หลังโสดมาพักใหญ่ ตอนนี้ก็มีคู่กับเขาแล้ว สำหรับนักแสดงหนุ่ม “ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์” หลังเปิดตัวคบแฟนสาวระหว่างทริปไปเที่ยวเนปาลกับแก๊งเพื่อน ล่าสุด ฟรอยด์ ก็ออกมาอัปเดตสถานะหัวใจ บอกแฮปปี้คบแฟนสาว 6 เดือน ยันไม่ได้ปิดแค่ต้องการความเป็นส่วนตัว
“ดีครับ ดีทุกอย่างครับ ไม่อยากพูดเยอะเดี๋ยวเข้าตัว เดี๋ยวพูดไปเยอะมากแล้วถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาเดี๋ยวก็อ๊ะ...เอากลับมาย้อน คือดีครับ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขก็พอครับ คบกัน 6 เดือน คือประมาณนั้นครับ ความคลั่งรัก ก็ดีครับ ดีครับ ถามว่าเขาน่ารักยังไงเราถึงจีบ ก็ดีครับ ณ วันนี้มันดีก็ดี คือไม่มองถึงอนาคต ไม่มองถึงอดีต ทุกวันนี้มันดีก็ดี”
รักครั้งนี้ต้องการความเป็นส่วนตัว
“ก็ดีครับ เราผู้ชายก็ต้องพูดตามความจริง จะบอกว่าไม่มีครับ เพิ่งคุยกันอยู่มันก็ไม่ใช่ ก็บอกดีครับ คบคนนี้คนเดียวครับ (เขาโอเคไหมที่จะต้องเป็นข่าว?) นี่ไงครับเราถึงไม่อยากพูดเยอะ เดี๋ยวคนจะเข้าไปอันนี้เยอะ เขาต้องการความเป็นส่วนตัวใช่ไหม คือเราเองก็ด้วยครับ ก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติไป
ที่ไม่อยากเปิดเผยมากไม่ได้ถือเคล็ดอะไร คือพูดเยอะแล้วเรื่องความรัก ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแต่ละวันไป ใช้ทุกวันให้มีความสุขก็ พอเริ่มวันนี้ให้ดีเดี๋ยวอนาคตมันก็จะเป็นตัวกำหนดเองถ้าวันนี้เราดี อนาคตมันก็จะต้องดีเสมอ ไม่ได้วางแผนอนาคต ก็ใช้ชีวิตทุกวัน มันคือเพิ่งเริ่ม มันถึงยังไม่ได้ถึงขั้นว่า ครบสามเดือนจะแต่งงานกันนะ มันก็ไม่ใช่ ก็หวงความเป็นส่วนตัวด้วยครับ ช่วงนี้ก็รู้สึกว่าถ้าพูดอะไรไปเยอะ มันเกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่ดีกับเขาและกับเราด้วย แต่เราก็ลงรูปอะไรปกติอยู่แล้ว”
เตรียมร่างกายลงวิ่งมาราธอน 100 กิโล
“ก็คือเราเป็นคนแอ็กทีฟอยู่แล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานหรือวิ่ง แล้วช่วงนี้ก็มีกระแสคนมาวิ่งกันเยอะ ก็กลายเป็นว่าคนมาถามว่าเราก็มาวิ่งเหรอ ใช่มาวิ่งอยู่แล้ว แล้วก็มาปั่นจักรยาน ก็คือเรียกว่าใช้ชีวิตปกติเลยครับ แล้วก็คือมีรายการอะไรเราก็จะไปร่วมวิ่งตลอด เดือนสิงหาคมเราแข่งวิ่งเทรล 100 กิโลเมตรที่เชียงใหม่ เราก็ตั้งใจไว้เอาแค่จบก็พอครับ เพราะว่ามันก็เป็นเทรลแรกของเรา
ที่ผ่านมาหนักสุดก็วิ่ง 50 กิโลเมตรครับ เมื่อสองปีที่แล้ว ก็รู้สึกมีเป้าหมายต่อไป แล้วเหตุผลที่มาวิ่งเทรลเพราะว่าเราชอบป่าไม้ ชอบภูเขาอยู่แล้ว ถ้าเกิดไปวิ่งถนนเรารู้สึกว่ามันมันต้องวิ่งตลอด อย่างเทรลมันก็จะมีได้เดินบ้าง ได้วิ่งบ้าง มองธรรมชาติ แล้วเวลาที่เราจบมันภูมิใจว่าสองขาของเรามันพาตัวเองขึ้นมาได้ ตอนวิ่ง 50 กิโล ก็ภูมิใจแล้วนะ แต่ตอนนี้จะเป็น 100 กิโล ก็เลยอยากจะปลดล็อกว่าถ้าเป็น 100 มันจะเป็นยังไง จริงๆ มันสุดที่ 160 กิโล แต่ถ้าถึง 100 กิโล แล้ว เราว่าเราจะพอแล้ว
ทุกวันนี้ผมก็พยามวิ่งให้ได้ทุกวันวันละ 20 กิโลเป็นอย่างน้อย แล้วก็บอดี้เวตบ้าง ปั่นจักรยานด้วยผสมกันกับยืดเหยียด ก็เตรียมหนักครับเพราะว่ามันเหลืออีกแค่สองเดือนหลักๆ มันจะแข่งสิงหาคม ในวันที่ 8-9 นี้ ตอน 50 กิโล เราขาทรุดเลย ก็พยายามให้มันให้มีโภชนาการที่ดี พักผ่อนให้เยอะและช่วงนี้คือเก็บตัวมาก Introvert เหมือนกัน คือเรารู้ว่าเป้าหมายเราคืออะไร”
เลิกดื่มหลังบวช ชีวิตดีขึ้น
“ค่อนข้าง เป็นไงจริงจังไหม (หัวเราะ) เพราะว่าไม่อย่างนั้นชีวิตเราจะเหมือนเดิม อย่างดื่ม ก็คือแทบจะไม่ดื่มเลย ตอนนี้ดื่มแค่ 1% ก็คือเปลี่ยนตอนบวชด้วย ตั้งแต่คุณพ่อด้วย เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่เริ่มทำอะไรใหม่ๆ หรือว่าฝืนตัวเอง ชีวิตเราก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเราไม่ลองเปลี่ยนชีวิต ไม่มีใครตอบได้ว่ามันจะดีหรือไม่ดี ถ้าเกิดเราไม่ลองเปลี่ยนดู เราก็จะไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง ก็เลยอยากลอง
แล้วการโตขึ้นด้วย อายุด้วย แต่ไม่ดื่มชีวิตดีขึ้นมาก แต่ไม่ได้บังคับให้ใครไม่ดื่มนะ แต่ว่าพอเราทำแล้วมันดีกับชีวิต เรามีวินัย มีสติ แล้วก็ถ้าเรามีโอกาสตื่นมาตอนเช้าก็สวดมนต์ จริงๆ ไม่ได้พูดสร้างภาพนะ คือเราทำเองจริงๆ แล้วรู้สึกว่ามันมีสมาธิกับตัวเองมากขึ้น แล้วเรารู้ว่าวันนี้เราจะทำอะไรให้กับตัวเองกับชีวิตเรา และในอนาคตเราจะทำอะไรต่อ”
รับเห็นใจนักวิ่ง 1,200 คนโดนผู้จัดเทงาน แนะเช็กให้ดีเพราะมิจฉาชีพเยอะ
“เราเคยโดน แต่ว่าตอนนั้นมันน้ำท่วมไปไม่ได้คือตอนแรกเขาจะไม่รีฟันด์ ไม่คืนเงิน แล้วเหมือนสุดท้ายเขาประชุมกัน เขาก็มีสองตัวเลือกว่ามีคืนเงินกับไม่คืนเงิน แต่ว่าปีต่อไปสามารถสมัครได้เลย แพงกว่านะ แต่คุณก็จะได้โควตาเข้าไปแข่งเลย เรารู้สึกว่ามันก็ต้องดูดีๆ ว่าผู้จัดเป็นแบบไหน เป็นเจ้าไหน เป็นเจ้าประจำหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเจ้าใหม่ ก็รอให้เขาจัดสักปีสองปีก่อนค่อยไปลงวิ่ง เดี๋ยวนี้อย่างวิ่งเทรล ค่าสมัคร 5,000 บาท - 7,000 บาท คือแพงนะ ครึ่ง 10,000 นะ แล้วอุปกรณ์อีก ค่ารองเท้า ค่าเดินทางอีก รวมแล้วก็เป็น 10,000 บาท
แต่ว่าถ้าเราอยากวิ่งจริงๆ ไม่ต้องไปลงก็ได้ แค่วิ่งทุกวันก็วิ่งได้ คือเราไม่รู้ว่าอันนี้หมายถึงงานไหนนะครับ เพราะว่างานวิ่ง งานกิจกรรมมันเยอะมาก มันก็จะมีมิจฉาชีพที่เข้ามาเหมือนเป็นงานจัดนะ หรือว่าเวลาที่เราอยากวิ่งจริงๆ ก็อาจจะเข้าไปคอมเมนต์ถามใน Facebook ว่างานนี้มีใครลงวิ่งไหม อะไรแบบนี้ก็ทำได้ เราสามารถเช็กได้ เพราะว่าเราเป็นคนจ่ายเงิน“
