ยังเดือดข้ามวันข้ามคืน สำหรับกรณีที่ “หมออั้ม อิราวัต อารีกิจ” โพสต์ฟาดพระเอกกล้ามโตเนรคุณผู้มีบุญคุณที่เคยปั้น ลองใจขอยืมเงิน ไม่ให้ไม่พอ ยังเอาไปนินทา ทำ “อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม” ออกมาโต้เดือด จวกยับ เพราะมั่นใจว่าเป็นตัวเองแน่นอน โดยโยงไฮโซท่านนึงที่เพิ่งมาขอยืมเงินอาร์ต และรู้จักกับหมออั้มเหมือนกัน แม้หมออั้มจะขอปิดทัวร์โพสต์ขอโทษอาร์ต ยืนยันว่าคนที่พูดถึงไม่ใช่อาร์ต แต่อีกฝ่ายมองว่าไม่จริงใจ ลั่นกูไม่จบ จะแขวนมึงทุกวัน
ล่าสุดวันนี้ อาร์ต ก็ประกาศพร้อมรบ วันที่ 2 เปิดวอร์ถามหาใบวิชาชีพประกอบวิชาชีพ มีจริงไหม
“ฝากแชร์ทุกคนเลยนะ …ทีมใส่ใจ เรื่องนี้สำคัญนะครับ แชร์นะทุกคน
ไม่ได้กล่าวหานะจ๊ะ …. ออกมาชี้แจงได้เห็นว่าไม่มีใบแพทย์สภาจริงไหม หมอเตี้ย มึงจะฟ้องกูไม่ได้นะเพราะกูไม่ได้กล่าวหาแค่อยากให้ออกมาชี้แจงลูกค้าจะได้เข้าใจแล้วก็มั่นใจในคลินิกของมึงอ่ะ เห็นว่ามึงทำลูกค้าทีละสี่ 50 คนต่อวันมีใบ วิชาชีพหรือเปล่า ที่มึงเปิดคลินิกทำหน้า”
ก่อนที่จะออกมาแก้ไขโพสต์เพิ่มเติมว่า
“อ่อๆ แก้ข่าวคับ …มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ …แต่ แต่ไม่มีประกาศนียบัตรแพทย์เฉพาะทาง…. เช่น ผิวหนัง หัวใจ แบบเฉพาะทาง ….. แล้วไปฉีดหน้ามั่นใจได้หรอ ? ในเมื่อ ไม่เฉพาะทาง อันนี้สงสัย คับ”
ด้าน หมออั้ม ก็โพสต์โต้จัดหนัก ร่ายยาวเหยียด ฝากคนใกล้ตัวสะกิดอาร์ตหนุ่ม ดูร้อนรุ่ม ร้อนตัว
“จริงๆ ผมเคยเล่าเรื่องนี้ไปแล้ว สมัยหม่อมปลื้ม M.L. Nattakorn Devakula เคยถามในรายการสดเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ผมจบแพทยศาสตร์จุฬาฯ ปี 2546 และปฏิบัติงานด้านเวชศาสตร์ทั่วไปอยู่ 4-5 ปี
เดิมทีผมจะไปสายงานด้านบริหาร ได้รับเสนอชื่อเป็น ผู้อำนวยการ รพ.ชุมชน แต่ต้องปฏิเสธไป เพราะภารกิจต่างๆ ต้องชั่งใจด้วยความชอบงานด้านศิลปะ ชอบการออกแบบและงานศิลป์อื่นๆ เลยผันตัวไปเรียนด้านการออกแบบใบหน้า ปรับรูปหน้าผิวพรรณ โดยไม่ผ่าตัด เน้นการฉีด และเน้นเครื่องมือทางการแพทย์
อาทิ การฉีดสารเติมเต็ม Botulinum Toxin Laser เครื่องกลุ่มอัลตราซาวด์ฯ สมัยนั้นประเทศไทยไม่มีการเปิดสอนด้านนี้ หมอที่จบด้าน #ผิวหนัง ก็ไม่มีสอนเป็นกิจจะลักษณะ หมอที่เน้นผ่าตัดหรือ #ศัลยกรรม ก็ไม่โฟกัสงานด้านนี้ หมอที่ทำด้านความงามโดยตรง สมัยปี 2546 #จึงไม่มีเฉพาะทางในประเทศไทยมาถึงวันนี้
ต่อมาประมาณปี 2548 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง(MFU.) เปิดอบรมครั้งแรก ที่วิทยาเขตกรุงเทพมหานคร รวบรวมอาจารย์หมอระดับศาสตราจารย์ ที่มีประสบการณ์ความรู้ เป็นเจ้าของกิจการ ผู้ริเริ่มในวงการความงามไทย มารวมตัวเปิดการเรียนการสอนแพทย์ หลักสูตรเข้มข้น “Advanced Aesthetics Dermatology” ซึ่งผมได้มีโอกาสเข้ารับอบรม จบรุ่นที่ 1 ของไทย หลักสูตรนี้ เน้นการสอนแบบเข้มข้นด้าน #ความงาม ที่อยู่ระหว่าง ”หมอผิวหนัง“ และ ”หมอศัลยกรรม“
หลังจากจบมา ก็เปิดกิจการของตัวเองเน้นงานที่ถนัด คือ #ใช้ศาสตร์และศิลป์ด้านการฉีด รวมถึง #เครื่องมือแพทย์ด้านการปรับบุคลิกภาพ เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2551 – ปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนแทบจะไม่ได้เห็นจากผมเลย นั่นคือ ”การโฆษณาชวนเชื่อ“ หรือ ”โฆษณาคลินิก“ ผมไม่มีเพจ ไม่มีรีวิว ไม่มีไลฟ์สด ไม่โฆษณา PR ใดๆ ใช้ความชอบทางศิลปะของตัวเอง + วิชาชีพแพทย์ มาช่วยปรับรูปหน้า รูปร่าง ปรับบุคลิกภาพคน บนพื้นฐานของจรรยาบรรณแพทย์ เพราะผมรับเคสเฉพาะ รับแก้เคสยากๆ คิดราคาแบบไม่เห็นแก่เงิน ไม่เน้นขายคอร์ส ไม่มีเซลล์ขาย คนไข้ทุกคนต้องเจอผม แม้แต่ “สิว 1 เม็ด”
บริษัทยายักษ์ใหญ่ จากต่างประเทศ ในไทย เชิญให้ไปสอนเทคนิคต่างๆ ผมยังต้องปฏิเสธไป เพราะตารางนัดคนไข้ในคลินิกเต็มจริงๆ เวลาว่างก็อยากพักผ่อนกับครอบครัว #หมอด้านความงาม ที่ประกอบการด้านนี้ วงการแพทย์ไทย เขาทราบกันอยู่แล้วครับว่าที่เปิดให้บริการในคลินิกต่างๆ กว่า 80% ในท้องตลาดไทยเป็น #หมอแบบผม คือ จบแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แล้วหาโอกาส ศึกษาตามความชอบ ทั้งในและนอกประเทศ ใช้ประสบการณ์ และใช้ฝีมือเฉพาะตน ประกอบกิจการด้านความงามบริการคนไข้
เห็นน้องอาร์ต ถามถึงเรื่องนี้ ไม่ทราบว่า น้องอาร์ต เคยลองเอาชื่อคุณหมอ ที่อาร์ตฉีดหน้า พูดออกอากาศ ว่าทำกับหมอคนนี้ คนเดียวมาตลอด (หลายปีก่อนที่อาร์ตทำกับพี่ พี่ขอไม่นับนะครับ) ‘ลองเอาชื่อตรวจสอบในแพทยสภา’ หรือยังว่าเป็นหมอเฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการ หรือ #เป็นหมอด้านความงาม เวชศาสตร์ทั่วไป ผู้ใช้ #วุฒิผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแบบพี่ เรื่องนี้ วงการความงามแพทย์ไทยทราบกันดีครับ
ส่วนเรื่องที่เป็นประเด็น พี่หมอก็ยืนยันคำเดิม ว่าไม่ได้พูดถึงอาร์ต และได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยขอโทษไปแล้ว (แม้จะไม่จำเป็นต้องขอโทษก็ได้) เป็นห่วงสุขภาพครับ ปล่อยวางบ้างอาร์ต คนใกล้ๆ อาร์ตตอนนี้ สะกิดน้องมันหน่อยก็ดี ดูร้อนรุ่ม ร้อนตัว อยู่ไม่นิ่ง อย่าเครียดครับ
มีอะไรถามได้ตลอดหน้าเพจอาร์ตนั่นแหละ เดี๋ยวคนก็เอามาให้อ่านเอง แต่ที่ต้องตัดสินใจบล็อกอาร์ตไปเมื่อวาน ก็ไม่ใช่อะไรครับ แค่รำคาญ แท็กมาอยู่นั่นทั้งวัน??”
งานนี้อาร์ตก็โต้เดือดอีก กูก็รำคาญมึงเหมือนกัน ไม่เห็นบล็อกเลย หรือว่ากลัวแล้วปากแข็ง
