แอมเบอร์ เฮิร์ด นักแสดงสาวฮอลลีวูดสร้างความฮือฮาอีกครั้งในวันแม่ที่ผ่านมา ด้วยการประกาศว่าตนได้ต้อนรับลูกฝาแฝด – ลูกสาวชื่อ “แอกเนส” และลูกชายชื่อ “โอเชียน” – เข้าสู่ครอบครัว ทำให้เธอกลายเป็นคุณแม่ลูกสามอย่างเต็มตัว หลังจากเคยมีลูกสาวคนแรก “อูนาห์ เพจ” จากการอุ้มบุญเมื่อปี 2021
การประกาศครั้งนี้จุดกระแสคาดเดาทางโซเชียลทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เชื่อมโยงกับอดีตคนรักของเธออย่าง อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และ SpaceX ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์โรแมนติกกับแอมเบอร์ช่วงก่อนปี 2018 โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่าทั้งคู่ได้แช่แข็งตัวอ่อนร่วมกันไว้ขณะยังคบหากัน
รายงานระบุว่า หลังจากเลิกรา อีลอนต้องการทำลายตัวอ่อนดังกล่าว แต่แอมเบอร์พยายามเก็บไว้เพื่อนำมาใช้มีบุตรในอนาคต ซึ่งข้อมูลนี้มาจากคำให้การของ “เจนนิเฟอร์ ฮาวเวลล์” เพื่อนร่วมงานของน้องสาวแอมเบอร์ ที่ระบุในหนังสือรับรองว่า “แอมเบอร์เคยมีคดีความกับอีลอนเกี่ยวกับตัวอ่อนที่พวกเขาสร้างร่วมกัน... เขาอยากให้ทำลายมัน แต่แอมเบอร์ต้องการเก็บไว้เพื่อมีลูก”
ชาวเน็ตหลายคนจึงพากันตั้งข้อสงสัยว่า “หรือฝาแฝดคู่นี้ก็คือลูกของอีลอนอีก?” บางความเห็นถึงกับแซวว่า “เอลอนยังมีลูกเพิ่มไม่หยุด” ขณะที่อีกคนคอมเมนต์ตรง ๆ ว่า “OMG!!! DNA พัง ๆ กำลังแพร่กระจายอีกแล้ว…”
ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีการยืนยันใด ๆ จากแอมเบอร์ว่าใครคือพ่อของลูกแฝด และเธอยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมนอกจากภาพถ่ายและชื่อของลูก ๆ ในอินสตาแกรมส่วนตัว
คดีหมิ่นประมาทที่ศาลรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ในปี 2022 ซึ่งเดปป์ฟ้องเฮิร์ดจากบทความที่เธอเขียนใน The Washington Post จบลงด้วยคำตัดสินให้เฮิร์ดต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 10 ล้านดอลลาร์ แม้ในภายหลังทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงนอกศาล เธอก็ยอมจ่ายเพียง 1 ล้านดอลลาร์ แต่บาดแผลที่เกิดจากคดีทั้งในแง่จิตใจและชื่อเสียง กลับไม่มีใครสามารถประเมินได้
หลังคำตัดสิน แอมเบอร์แทบหายไปจากหน้าสื่อและงานวงการบันเทิง เธอขายบ้านในแคลิฟอร์เนียและย้ายไปใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศสเปน โดยมีลูกสาววัยเตาะแตะ “อูน่า เพจ” เป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตใหม่ของเธอ ผู้คนใกล้ชิดบอกว่า เธอต้องการใช้ชีวิตในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีการตัดสิน ไม่มีคำถาม หรือสายตาที่เต็มไปด้วยอคติ
ในช่วงเวลาที่โลกออนไลน์ยังคงตามล่าเธอด้วยคลิปตัดต่อ เสียงเย้ยหยัน และคอนเทนต์โจมตีที่ยังคงแพร่หลายบน TikTok, YouTube และ Reddit แอมเบอร์เลือกที่จะ “ตัดขาด” จากโลกโซเชียลโดยสิ้นเชิง ทั้งบัญชี Instagram และ Twitter ของเธอถูกลบออกอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีการประกาศใด ๆ เหลือเพียงบทสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายที่เธอกล่าวไว้ว่า “ฉันไม่เสียใจที่พูดความจริง แต่ฉันก็รู้ว่าฉันต้องจ่ายในราคาที่แพงที่สุด”
แม้จะเหมือน “โดนแบนโดยพฤตินัย” จากฮอลลีวูด แต่เธอยังปรากฏตัวในภาพยนตร์อินดี้เรื่อง In the Fire ที่ถ่ายทำในอิตาลี ซึ่งเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์เล็ก ๆ แม้เสียงตอบรับจะเบาบาง แต่นั่นก็คือความพยายามเริ่มต้นใหม่ของผู้หญิงที่เคยอยู่บนเวทีระดับโลกมาก่อน
เธอยังกลับมาในบทบาท “เมรา” ในภาพยนตร์ Aquaman and the Lost Kingdom ของ DC Studios แม้จะมีข่าวลือมากมายว่าเธอถูกตัดบทหรือเปลี่ยนตัวนักแสดง แต่สุดท้ายเธอก็ยังคงมีชื่อปรากฏในเครดิต ด้วยเวลาบนจอที่ลดลงอย่างมากจากภาคแรก เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า แม้เธอจะยังไม่ถูกขับออกจากวงการอย่างเป็นทางการ แต่ความนิยมและความเชื่อมั่นจากสตูดิโอก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
จาก “นักแสดงหญิงแนวหน้า” สู่ “หญิงธรรมดา”
หลายปีที่ผ่านมา เฮิร์ดเคยเป็นดาราดาวรุ่งที่มีบทบาททั้งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์และหนังศิลปะ เช่น The Danish Girl, Drive Angry และ Aquaman แต่วันนี้เธอกลับเลือกใช้ชีวิตในแบบที่เรียบง่าย ไม่มีพรมแดง ไม่มีการถ่ายโฆษณาแฟชั่น หรือแม้กระทั่งไม่มีเอเจนซีใหญ่ใดๆ คอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง
