ความสัมพันธ์ระหว่าง จัสติน บีเบอร์ กับอดีตผู้จัดการส่วนตัว สกูตเตอร์ บรอน ที่เคยแน่นแฟ้น กลับพังทลายลงเพราะปัญหาเรื่องเงิน — โดยบีเบอร์อ้างว่าสกูตเตอร์แอบหักค่าคอมมิชชันหลายล้านดอลลาร์อย่างไม่โปร่งใส แต่ผลการสืบสวนเชิงลึกโดย TMZ กลับพบว่าความจริงอาจไม่ใช่อย่างที่จัสตินคิด
หลังจากทัวร์คอนเสิร์ต “Justice” ต้องยุติกลางคันในปี 2022 แหล่งข่าวหลายรายยืนยันว่า จัสตินในตอนนั้นมีปัญหาการเงินรุนแรง ถึงขั้นติดหนี้บริษัท AEG ซึ่งเป็นผู้จัดทัวร์กว่า 24 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเขารับเงินล่วงหน้าไปแล้ว 40 ล้านดอลลาร์ก่อนตัดสินใจยกเลิกทัวร์
ต่อมา Hybe บริษัทของสกูตเตอร์ ได้เข้ามาช่วยจ่ายหนี้ก้อนนั้นแทน และจัสตินได้เซ็นสัญญาชำระคืน Hybe ภายใน 10 ปี แต่หลังจากชำระงวดแรกแล้ว จัสตินก็หยุดจ่าย โดยฝั่งสกูตเตอร์เผยว่าทีมของจัสตินแจ้งว่า “ไม่มีเงินจ่ายแล้ว”
ขณะเดียวกัน ฝ่ายของจัสตินโดยผู้จัดการการเงิน ลู เทย์เลอร์ ได้เริ่มตรวจสอบบัญชี และสรุปว่าสกูตเตอร์ได้รับค่าคอมมิชชันเกินจริงไปถึง 26 ล้านดอลลาร์
ทาง Hybe จึงจัดทำการตรวจสอบภายใน และพบว่าสกูตเตอร์ไม่ได้รับค่าคอมฯ เกิน แต่กลับได้รับ “ต่ำกว่า” ที่ควรถึง 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเจ้าตัวเลือกที่จะไม่เรียกร้อง อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัสตินมองว่าเป็นการตรวจสอบที่ไม่โปร่งใส เพราะ Hybe มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
เพื่อลบข้อครหา Hybe จึงจ้างบริษัทบัญชีอิสระระดับโลก PricewaterhouseCoopers (PWC) มาทำการตรวจสอบซ้ำ ซึ่งใช้เวลานานถึง 6 เดือน และสิ้นสุดในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยรายงานจาก PWC ระบุชัดว่า จัสติน บีเบอร์เป็นฝ่ายติดหนี้สกูตเตอร์ถึง 8.806 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง TMZ ได้เห็นเอกสารฉบับดังกล่าวแล้ว
แหล่งข่าวใกล้ชิดจัสตินยืนยันว่า พวกเขาไม่ได้คัดค้านผลตรวจสอบของ PWC แต่ได้จัดทำการตรวจสอบของตัวเองเช่นกัน โดยยังไม่เปิดเผยผลที่ได้
สารคดีดังกล่าวยังเจาะลึกเรื่องสุขภาพจิต ปัญหาชีวิตคู่ การเงิน ศาสนา และเส้นทางอาชีพของจัสติน บีเบอร์ ด้วย
