xs
xsm
sm
md
lg

“กรรชัย” ไล่ตร.ยศใหญ่ไปขายก๋วยเตี๋ยว! ลูกตามหาขอให้ช่วยจ่ายค่าเทอม แต่ปฏิเสธไร้เยื่อใย ลั่นจะจ่ายให้เอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร! ลูกสาวเปิดใจช้ำ ตามหาพ่อหลังแม่ป่วยหนักเป็นฝีในสมอง พบเป็นตร.ใหญ่ วอนช่วยค่าเทอม แต่ถูกปฏิเสธไร้เยื่อใย ล่าสุดมีทางออกแล้ว กรรชัยประกาศจะรับผิดชอบค่าเทอมให้เองจนกว่าจะเรียนจบ ฟาดตร.ควรไปขายก๋วยเตี๋ยวถ้าจะลำบากรับผิดชอบลูกไม่ได้ ลั่นช่วยได้บางเคส ช่วยแบกทุกเคสบนโลกไม่ได้ 

กรณี “น้องหนูดี” เด็กผู้หญิงรายหนึ่ง ตามสืบจนรู้ความจริงว่าพ่อเป็นนายตำรวจยศใหญ่ พ.ต.อ. หลังแม่ล้มป่วยเป็นฝีในสมอง และไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องค่าเทอมได้ น้องตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากพ่อแท้ๆ แต่สุดท้ายถูกปฏิเสธ แถมบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง “เพียว” นายจ้างของแม่ตัดสินใจนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์เพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่ได้ต้องการประจานใคร

รายการ โหนกระแส วันที่ 12 พ.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 ได้สัมภาษณ์ น้องหนูดี เด็กผู้หญิงรายดังกล่าว มาพร้อม “เพียว” นายจ้างที่เข้ามาช่วยเหลือน้องหนูดี และ ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล

หนูดีเรียนจบแล้ว?
หนูดี : เรียนจบม.3 แล้วค่ะ จะ 2 เดือนแล้วค่ะ

พี่เพียว เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?
เพียว : คุณรุ่ง แม่ของน้อง เขาเป็นพนักงานกับเราตั้งแต่ปี 60 เขาทำงานมาสัก 7 - 8 ปีได้ค่ะ ช่วงแรกที่เข้ามาทำ เราก็ทราบอยู่แล้วว่าเขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เขานั่งรถไปกลับหาน้องอาทิตย์ละครั้งที่ปทุมฯ เขาบอกฝากลูกเลี้ยงไว้กับเพื่อนบ้าน เราก็เลยเสนอว่าพี่รุ่ง เอาน้องมาที่นี่มั้ย เห็นพี่รุ่งเดินทางไกล มีโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน ก็ไปดูโรงเรียนกัน ข้างบนมีที่พักพนักงาน น้องอยู่ได้มั้ย ก็ย้ายน้องมาอยู่ใกล้บ้าน จากนั้นเพียวดูในพื้นที่ที่เพียวอยู่ มีโรงเรียนดังหลายโรงเรียน แล้วเพียวรู้ตั้งแต่ต้นว่าน้องมีปัญหาเรื่องคุณพ่อ ก็ตัดสินใจย้ายน้องมาอยู่ทะเบียนบ้านเพียวก่อน อยากให้น้องได้สิทธิ์โรงเรียนแถวๆ จตุจักร ตั้งแต่ประถมขึ้นมัธยม เพียวก็รับผิดชอบแทนพี่รุ่งมาตลอด เราก็ช่วยเขาดูลูก ลูกเราก็วัยใกล้ๆ เขา น้องก็มาเล่นเป็นเพื่อนลูก

น้องมาอยู่กับคุณเพียว?
เพียว : ค่ะ ลาดพร้าวซอย 1 มาอยู่ตั้งแต่ป.4 อายุ 8 ขวบ

ใครดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของน้อง?
เพียว : เป็นคุณแม่เขาค่ะ เพียงจะช่วยแค่ตอนที่เขาขอเบิกล่วงหน้า หรือดูแล้วไม่พอเราก็เติมให้เขา เป็นค่าเทอม ค่าหนังสือ

คุณแม่รับเงินเป็นเงินเดือน หรือค่านวดเป็นรายวัน?
เพียว : เพียวให้เป็นเดือนค่ะ ค่าจ้างเป็นรายชม. แต่เพียวจ่ายเป็นเดือน รวมทิปก็หมื่นปลายๆ ค่ะ

จากนั้นยังไงต่อ?
เพียว : ช่วงเข้าม.1 ค่าใช้จ่ายเพียวก็ไม่ทันจริงๆ เพียวรับผิดชอบให้น้องได้เรียนก่อนรอบนึงแล้ว พอน้องเข้าเรียนก็ใช้ชีวิตปกติไป มีช่วงน้องขึ้นม.2 ม.3 เพียวก็ถามเรื่อยๆ ว่าพี่รุ่งจะเอายังไง น้องจะไปแค่ไหน พี่เขาก็ยืนยันชัดเจนว่าอยากส่งลูกให้เรียนให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ค่าเทอมโรงเรียนช่วงมัธยม เพียวก็ติดตามเรื่อยๆ โรงเรียนรัฐบาลเขาก็ไม่ได้ทวงถามอะไร ค้างไปก็ไม่เป็นไร เรียนไปก่อน แต่เป็นช่วงที่จะจบม.3 แล้ว เป็นช่วงต้องเคลียร์ค่าใช้จ่าย เพียวก็ทราบเรื่องนี้แล้ว ทีนี้มีอยู่ช่วงปลายปีที่แล้ว พี่รุ่งบอกว่าขอรบกวนหน่อย อยากให้เพียวพาน้องไปเจอคุณพ่อน้องหน่อย ก่อนหน้านี้พี่รุ่งบอกว่าสามีเขาทำงานต่างประเทศ เราเห็นอยู่แล้วว่าในสูติบัตรพ่อเขาเป็นใคร แต่เราไม่ได้เป็นคนหา เห็นแล้วว่าเป็นตร. ระบุชัดเจน เวลาโรงเรียนถาม ก็บอกว่าติดต่อไม่ได้ เลิกรา เพียวก็เป็นผู้ปกครองไป พอช่วงที่เอาน้องไปหาคุณพ่อ วันนั้นน้องบอกว่าเสิร์จมาเป็นแบบนี้ เพียวก็เสิร์จเหมือนกัน เขาทำงานที่กองนี้นะ ตร.จะมีที่อยู่ตร.ทั้งหมด ก็เข้าไปดูว่าเบอร์โทรคืออะไร เพียวก็ประสานไปก่อน

ตอนแม่น้องบอกพี่มา คุณตกใจมั้ยว่าเป็นตร.นายนี้?
เพียว : เพียวสงสัย แต่ดีเอ็นเออยู่บนหน้าลูก หน้าเขาเหมือนน้องมาก ก็เลยไม่ได้พิสูจน์แล้ว ต้องลองไปเจอดู ตอนนั้นรู้สึกมีความหวังแทนน้อง เผื่อว่าท่านจะช่วยอะไรเราได้

พี่รุ่งเริ่มไม่ไหวในการซัปพอร์ตเรื่องการเรียน?
เพียว : ใช่ค่ะ ตัวน้องคนเดียวอาจไม่พอให้น้องมีศักยภาพเรียนถึงระดับปริญญาตรี เขาก็บอกตรงๆ ด้วยงานเป็นงานนวด ยิ่งทำก็ยิ่งได้ แต่ถ้าทำน้อยก็ไม่ได้ทิป

หมอนวดโบราณ อยู่ในร้าน มีเงินเดือน แต่ไม่ได้มากมาย บวกค่าทิป ค่านวดรายวัน ถ้าลูกค้าเยอะอาจมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ตัวคนนวดต้องมีศักยภาพมีกำลังในการนวด แต่บังเอิญพี่รุ่งมีอาการป่วย?
เพียว : ตอนนั้นยังไม่ป่วยค่ะ แค่นวดธรรมดา แกก็มองตัวเองแล้วว่าเป็นงานใช้แรง เราก็เริ่มฝึกน้องให้มาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ในร้านเพื่อให้น้องมีค่าขนม มากกว่าที่จะมาขอคุณแม่อย่างเดียว ส่วนเพียวเป็นอาจารย์ มีงานสัมมนา ก็เอาน้องไปช่วยลงทะเบียน ทำงานง่ายๆ ตอนเย็นก็ให้น้องมาช่วยดูจัดการบัญชีร้านบ้าง มาดูแลลูกค้า ตอนนั้นเป็นลักษณะแบบนี้

พอทราบว่าพ่อของน้องเป็นใคร ฝั่งแม่บอกให้พาไปหาคนๆ นี้หน่อย คิดมั้ยจะพาไปหรือไม่ไป?
เพียว : ก็ไม่ได้คิดอะไรคิด คิดแค่ว่าลองดู เผื่อน้องจะมีโอกาสมากขึ้น

แม่ไม่เคยบอกหนูเลยเหรอเรื่องคุณพ่อ?
หนูดี : ไม่เคยบอกเลยค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็ก เพิ่งมารู้ตอนอายุ 15 ปีค่ะ หนูเคยถามแต่แม่ไม่ตอบ หนูเลยไม่ได้ถามต่อค่ะ หนูรู้ว่าถามไปก็ไม่น่าจะได้อะไร ก็เลยไม่ถามต่อ

อายุ 15 ทำไมอยู่ดีๆ แม่ถึงบอก?
หนูดี : เหมือนตอนนั้นแม่เริ่มทำงานคนเดียวไม่ไหวแล้ว เพราะร่างกายของแม่ก็เริ่มรับกับแรงนวดหนักๆ ไม่ได้ แม่เลยบอกให้ไปเจอคนๆ นี้นะ

รู้พร้อมกัน หนูกับพี่เพียวรู้พร้อมกันว่าพ่อเป็นใคร?
เพียว : รู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่เคยตามหา เพราะพี่รุ่งบอกว่าอยู่ต่างประเทศ ติดต่อไม่ได้ เพียวทราบว่าเป็นตร.จากสูติบัตรค่ะ

พ่อรับน้องเป็นบุตรมั้ย?
เพียว : น่าจะรับทราบนะคะ

ทนายแก้ว : ใบเกิดอย่างเดียว ระบุเฉยๆ แต่กรณีการรับรองบุตร คงยังไม่ได้รับรองบุตร

เจตนาวันนี้ไม่ได้อยากทำให้น้องดูเสียหาย หรือน้องกับคุณพ่อต้องมีปัญหากัน แต่เจตนารายการวันนี้ พี่อยากช่วย จะอะไรก็แล้วแต่ จะเหมาะหรือไม่เหมาะก็ขอโทษนะ พี่อยากช่วยจริงๆ แม่ก็พยายามปกปิดเรื่องราวทั้งหมดกับหนูดี?
เพียว : เขาไม่อยากให้เราไม่สบายใจ อะไรก็ตามที่เขารบกวนเรา เขาจะไม่ทำ แต่ถ้าเขาปริปากว่าคุณเพียวพาน้องไปเจอคนนี้หน่อยนะ เพียวก็ยินดีไปค่ะ

พอเขาให้ไปหาผู้ชายคนนี้ก็ไป ไปเมื่อไหร่?
เพียว : ต้นเดือน ธ.ค. ปี 67 เพียวโทรศัพท์ไปก่อน เพียวเสิร์จชื่อท่าน มีเบอร์ของท่านอยู่ในสมุดบันทึกของตร.อยู่ในไฟล์ pdf อยู่ในกูเกิ้ล หาก็เจอ ตอนแรกรับและคุยค่ะ พอบอกว่าจะคุยเรื่องน้องหนู เขาก็วางสายไปเลย เพียวก็แอดไลน์ ส่งข้อความไม่ได้ โทรอีก 4-5 ครั้งก็ติดต่อไม่ได้แล้ว

ถูกบล็อกทุกช่องทาง คุณเลยตัดสินใจไปหาที่ทำงานด้วยตัวเอง พาน้องไปด้วยมั้ย?
เพียว : ไปค่ะ

คุณรุ่งอยากให้ลูกได้มีการศึกษาที่ดี ตอนนั้นอยากเป็นอะไร?
หนูดี : อยากเป็นทนายค่ะ

ก็ต้องเรียนสายสามัญ ต้องพยายามไปให้ได้ แม่เลยรู้สึกว่าศักยภาพตัวเองจะส่งน้องก็คงไม่ไหว ก็เลยพูดข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ลูกและคุณเพียวฟัง อยากให้คุณเพียวพาไปหาพ่อของน้องซึ่งเป็นตร. จนคุณเพียวรู้ว่าเป็นยศพ.ต.อ.คนนึง ออกหน้าสื่อหลายครั้ง มีการช่วยเหลือเด็กคนโน้นเด็กคนนี้ คุณเพียวบอกว่าลูกคนเดียวยังไงก็คงดูแลได้ พอโทรหา ปลายสายวางหู บล็อกช่องทางทั้งหมด ติดต่อไม่ได้ คุณเพียวตัดสินใจพาหนูดีไปหาพ่อยังไง?
เพียว : ไปกับผู้จัดการ มีกัน 3 คน ไปเจอป้ายชื่อท่าน และมีเบอร์โทรเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์บริการประชาชน เจอเจ้าหน้าที่ที่นั่น เขาก็ถามตามกระบวนการมาพบเรื่องอะไร เป็นอะไรกับท่าน เพียวก็บอกว่าให้บอกชื่อก็พอ เจ้าหน้าที่ซุบซิบๆ กัน ก็เลยบอกไปว่า เป็นลูกท่านค่ะ เขาก็บอกว่าหน้าเหมือน มีลูกน้องท่านคนนึงออกมาพบ แล้วก็ต่อสายหาอีกฝั่ง บอกว่าให้ไปคุยตรงเต็นท์ข้างหน้า ตรงนี้เป็นสถานที่ทำงาน ให้ไปคุยด้านนอก

เจอลูกน้อง แล้วลูกน้องต่อสายไปหาท่าน แล้วยังไง?
เพียว : เขาต่อสายคุยกันเอง แล้วให้เพียวกับน้องไปคุยข้างนอก เขาถามว่ามามีธุระอะไร น้องบอกชัดเจนว่าอยากมาคุย อยากเจอพ่อ เขาบอกวันนี้ท่านไปรับพระ ไม่สะดวก เดี๋ยวจะเข้ามาช่วงบ่าย ก็คุยกันว่าจะรอ เราก็นั่งรอแถวนั้น สักพักเขาออกมาใหม่ บอกว่าท่านคงไม่ได้เข้ามาแล้ว เดี๋ยวจะให้ท่านประสาน เดิมน้องบอกว่าท่านไม่รับสาย วันนั้นท่านก็โทรมาหาน้อง

ณ วันนั้นยืนยันว่าทางฝั่งลูกน้องท่านเองโทรคุยกันตอนแรก ตอนนั้นอยู่ที่ไหน?
เพียว : อยู่ที่วัดค่ะ แต่จริงหรือเปล่าไม่ทราบค่ะ

เป็นไปได้มั้ยถ้าลูกน้องจะโกหกคุณ?
เพียว : ไม่แน่ใจค่ะ แต่มีถามว่าวัดไหน จะตามไป เขาบอกตามไปไม่ได้หรอก ฉันเพลกันอยู่ ท่านไม่สะดวกหรอก ก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวรอให้ท่านกลับมา แต่ก็เชื่อว่าท่านไม่อยู่ที่นั่นจริงๆ

สุดท้ายเป็นไง?
เพียว : เขาให้ลูกน้องอีกคนเดินมาบอกพี่ผู้ชายว่าท่านโทรมาบอกว่าให้ควักเงินในกระเป๋าให้น้องไปก่อนพันนึง เขาก็ปฏิบัติตามนะคะ เราก็บอกว่ารบกวนขอให้ถ่ายรูปน้องส่งไปให้ท่านหน่อย ถ่ายเยอะๆ เลยค่ะ เราก็ได้เงินกลับมาก็ให้น้องไปหมดเลย 1 พันบาท

ตกลงคือไม่ได้เจอ?
เพียว : ใช่ค่ะ

จากนั้นเป็นไงต่อ?
เพียว : เขาก็โทรมาหาน้อง ในวันนั้นที่อยู่ในเต็นท์ เขาบอกว่าไม่ได้มาพูดเรื่องครอบครัวที่นี่ เขาก็โทรมา น้องก็ย้ำว่าอย่าบล็อกเบอร์หนูนะคะ รับโทรศัพท์หนูด้วยนะคะ

หนูดี : หนูบอกเขาว่าป๊ามาหาหนูด้วยนะ อย่าบล็อกเบอร์หนูนะ ป๊าก็ตกลง แต่สุดท้ายก็บล็อกเบอร์เหมือนเดิม หลังจากที่หนูกลับไปไม่ถึงสัปดาห์

เคยบล็อกมาก่อนเหรอ?
หนูดี : ตอนม.2 เทอม 2 ค่ะ ตอนนั้นหนูโทรไปหาเขา แต่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นพ่อของหนู หนูโทรไปหาเขาเพราะแม่บอกให้ติดต่อเบอร์นี้ไป เขาสามารถช่วยเราได้ แต่แม่ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นพ่อ หนูโทรไปบอกว่าหนูน้องหนูนะคะ ใช่ชื่อนี้มั้ย เขาบอกใช่ พอหนูบอกว่าหนูชื่อน้องหนู เขาก็ตัดสายหนูทิ้งเลย พอโทรไปอีกก็ติดต่อไม่ได้แล้ว บล็อกไปเลย เขาไม่ได้ถาม ไม่ได้คุยอะไรเลย หลังจากหนูบอกชื่อหนูไป

จากนั้นหนูถึงรู้ว่าคนๆ นี้ที่โทรไปคือพ่อ จนวันที่ไปหา พี่เพียวพาเราไป หนูเลยบอกเขาว่าป๊าอย่าตัดสายหนูนะ แล้วอย่าบล็อกเบอร์หนูอีกนะ เขาบอกว่าไง?
หนูดี : เขาตกลงกับหนูว่าเขาจะไม่บล็อกค่ะ แต่สุดท้ายก็บล็อกเหมือนเดิม

เพียว : ก่อนเขามาขอความช่วยเหลือเพียว เขาเคยพยายามติดต่อไปแล้ว ไปหาถึงที่แล้ว

หนูดี : ตอนม. 2 เทอม 2 หนูขาดการติดต่อกับเขาไปหลายเดือน จนหนูกลับไปติดต่อใหม่ เพราะหนูทราบแล้วว่าเป็นพ่อ เพราะแม่บอกหนู หนูก็โทรไปถามว่านี่ใช่พ่อหนูมั้ยคะ ตอนนั้นเขาเลิกบล็อกเบอร์หนูแล้วนะคะ หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไร หนูก็บอกว่าใช่พ่อหนูมั้ย เขาบอกว่าใช่ค่ะ ตอนนั้นเขายอมรับว่าเป็นพ่อของหนู หนูก็ร้องไห้ด้วย เขาบอกมีอะไรก็โทรมานะ ถ้ามีปัญหาเรื่องเงินก็ติดต่อมาได้นะ พอผ่านไปหลายสัปดาห์เขาก็บล็อกอีกแล้ว เพราะหนูพูดว่าป๊าช่วยหนูเรื่องค่าเทอมหน่อยได้มั้ย หนูกลัวจะไม่ได้สอบ หลังพูดคำนั้นไปเขาก็บล็อกเบอร์หนูเลยค่ะ

ครั้งแรกที่เขาบล็อก เอาเบอร์ไหนโทรไป?
หนูดี : เบอร์เดิมค่ะ

เหมือนบล็อกแล้วปลด พอโทรอีกทีขอให้เขาจ่ายค่าเทอมห่างกันมั้ย?
หนูดี : เป็นเดือนค่ะ น่าจะถึงม.3 ค่ะ

นานเลยนะ พอพูดเรื่องนี้บล็อกอีกแล้ว ติดต่อไม่ได้อีกแล้ว?
หนูดี : ค่ะ หนูเลยบอกคุณเพียวและพาไปหาเขา รอบแรกเคยไปหาเองกับเพื่อน แต่ไปผิดที่ ยังไม่ได้เจอค่ะ

เหตุการณ์เป็นยังไงต่อ?
เพียว : ปลายปีที่แล้วเหมือนเขามีการติดต่อกันหลังจากนั้น เขาบอกว่าคุณเพียวป๊าจะมาหานะ ก็บอกว่าถ้ามาก็ให้บอกด้วยนะนัดเจอกันที่ไหน ไม่กล้าให้น้องไปคนเดียว วันที่ 20 กว่า ปลายปี ก็บอกว่าเดี๋ยวเพียวต้องไปต่างประเทศกับครอบครัว น้องหนูรออยู่ที่นี่ ก็ไว้ใจได้ระดับนึง สุดท้ายเขาก็ไม่มา

หนูดี : ตอนนั้นเขานัดเจอหนูค่ะ ตอนกำลังจะปีใหม่ เขาบอกว่าตอนนี้ไม่ว่างนะ ขอเลื่อนนัดไปก่อน หนูถามเขาว่าจะว่างนัดตอนไหน รู้ที่อยู่หนูหรือเปล่า หนูอยู่ที่นี่นะ เขาบอกถ้าว่างตอนไหนจะบอกเวลานัดที่แน่ชัด สุดท้ายก็ไม่มาค่ะ

เพียว : คราวนี้ก็เป็นหน้าที่เพียวเหมือนเดิม ไม่ย่อท้อ (หัวเราะ)

แม่ว่าไงตอนนั้น?
เพียว : พี่รุ่งให้สิทธิ์น้องตัดสินใจเพราะน้องโตแล้ว ถ้าน้องอยากไปก็ไม่ติด แต่ถ้าตัวพี่ พี่ไม่คุยได้มั้ย พี่ไม่ไป เพียวคุยว่าหรือพี่จะไปด้วยมั้ย แต่พี่รุ่งบอกว่าไม่เป็นไร ให้เขาไปเองเลย

จากข้อมูลที่ได้มา พอพ่อไม่เจอ แม่ยังสอนอีกว่าอย่าไปโกรธพ่อ?
หนูดี : ใช่ค่ะ แม่บอกว่าพ่ออาจมีเหตุผลของเขาค่ะ ไม่ต้องไปเครียดนะ ป๊าก็น่าสงสารนะ รู้หรือเปล่า ไม่ต้องไปโกรธเขานะ

จากข้อมูลบอกว่าแม่ไม่เคยพูดด้านไม่ดีของพ่อให้ฟังเลย ไม่เคยให้หนูเกลียดพ่อ บอกว่าหนูดีนิสัยเหมือนพ่อเลย?
หนูดี : ใช่ค่ะ เหมือนทุกอย่างค่ะ

แม่บอกว่าที่พ่อปฏิเสธช่วยหนู เพราะพ่อก็ลำบาก น่าจะมีเหตุผลของพ่อ หนูก็ไม่โกรธพ่อ?
หนูดี : ใช่ค่ะ

จากนั้นยังไงต่อ?
เพียว : ก็คุยกับน้องในรถไปแล้วว่าวันนี้จะเอายังไง ธงของเราคืออะไร เพราะคราวที่ผ่านมา ลูกน้องพูดว่าเหตุผลที่ท่านไปรับพระ ท่านกำลังตั้งจิตอธิษฐานเรื่องการขึ้นตำแหน่ง อยากให้การเกษียณมีสง่าราศี กังวลว่าเรื่องครอบครัวจะทำให้กระทบกับหน้าที่การงาน เราคุยกับน้องเรื่องนี้ว่าจะเอายังไงดี ก็บอกว่าเราคงคุยดีๆ แหละ จะไปแฉ ไปแหกเขาไม่ได้นะ เพราะเขาก็คงกังวลเรื่องนี้ด้วย ถ้าเขาไม่ยอมจะมีช่องทางไหนบ้าง อย่างน้อยเราฟ้องขอรับรองบุตรหรือให้น้องได้สิทธิ์ในการเป็นลูก เช่นค่ารักษาพยาบาลลูกในฐานะเป็นลูกข้าราชการ หรือสิทธิ์ค่าเทอมต่างๆ ถ้าเราตกลงกันได้ก็น่าจะดีกับเขา เราอยากให้น้องได้สิทธิ์ในสิ่งที่เขาควรจะได้ตั้งแต่แรก ก็ขับรถไปสมุทรปราการเหมือนเดิม ไปรอบนี้ก็ไม่เจอ เขาบอกว่าท่านไปตรวจสุขภาพ เราก็บุกแล้วแหละ เราถามรพ.ไหน เขาก็ชี้เป้ารพ.นี้ งั้นเราไปเจอที่รพ.ก่อนได้มั้ย ตรวจสุขภาพอะไร นานมั้ย เขาคงรู้ว่าวันนี้คงต้องเจอ เขาบอกว่าไม่ต้องไปเจอรพ. ให้ไปเจอสถานที่พักอากาศบางปู แต่ก่อนไปบางปูเราก็ไปเช็กที่รพ.ก่อน น้องลงไปถามก็ไม่ประสบความสำเร็จ รพ.ก็กว้าง สุดท้ายก็ไปบางปู ไปนั่งทานข้าว เพียวเลี้ยงข้าวน้องและทุกคน ท่านก็มาในชุดออกกำลังกาย เหมือนนักวิ่งมาราธอน ใส่แมสก์ ใส่หมวก ใส่แว่น เพียวก็คิดว่าใช่ตัวจริงหรือเปล่า เขาจะส่งใครมาคุยกับเราหรือเปล่า ก่อนเวลาประสานงาน จะประสานผ่านลูกน้องท่าน เขาขอไลน์ นัดแนะ ไม่มีเบอร์ติดต่อโดยตรง พอคุยกันเขาก็ชี้ๆ เราก็ให้น้องสวัสดี เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันที่ร้านอาหาร คำแรกที่เจอเขาก็บ่นว่าจะมาทำไม ก็บอกแล้วว่าจะมาหา แล้วก็พูดเรื่องเก่าๆ เรื่องความสัมพันธ์เขากับพี่รุ่ง พูดให้ฟังบนโต๊ะอาหาร ก็เหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง น้องบอกว่าขอคุยกับป๋าส่วนตัวได้มั้ย เพียวเปิดแอร์ให้เขานั่งคุยกันในรถ เพียวนั่งรอข้างนอก

จริงๆ แกไม่ได้ร้องขอความเป็นธรรมนะ แต่คุณเพียวทนไม่ไหว เลยโพสต์ในเฟซบุ๊ก พ่อไปเจอที่ร้านอาหารบางปู เขาก็บอกว่าเพราะแม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น เขาก็งงเพราะจะมาให้คุยกับลูก สุดท้ายลูกขอเวลาไปคุยกับพ่อส่วนตัว คุณเพียวก็เลยสตาร์ทรถให้ แล้วไปคุยกันในรถ คุยแล้วเป็นไง?
หนูดี : หนูเป็นคนพูดก่อนว่าพ่อช่วยหนูเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านได้มั้ย และเรื่องเรียนเรื่องค่าเทอมหนูได้มั้ย เขาบอกว่าโอ้ยจะไปช่วยอะไรตอนนี้ ค่ากินค่าข้าวค่ารพ.ยังไม่พอเลยจะเอาอะไรไปช่วย หนูบอกว่างั้นช่วยหนูสักนิดนึงได้มั้ย สักนิดก็ยังดี เขาบอกว่าโอ้ย ไม่รู้จะได้หรือเปล่า ขนาดค่ารพ.ยังแพง ต้องผ่าตัดหนองที่ขาอยู่เลย เขาออกนอกเรื่องพูดเรื่องตัวเอง ทั้งที่ประเด็นอยากพูดเรื่องของหนูให้ฟังก่อน

ทนายแก้ว : หนูค้างค่าเทอมเท่าไหร่

หนูดี : ค้างตั้งแต่ม.2 เทอม 1 ถึงเทอม 2 รวมกันประมาณหมื่นกว่าบาท เขาก็บอกว่าเดี๋ยวช่วยแล้วกัน แต่ไม่รู้นะจะช่วยได้เยอะหรือเปล่า เงินก็ไม่ค่อยมีกินข้าว ไม่มีเงินจ่ายค่ารพ.เหมือนกัน ยังไงติดต่อมาแล้วกัน จะพยายามหาเงิน เก็บเงินช่วยแล้วกัน คุยกันเป็นชม. ก็พูดวนๆ กลับมาเรื่องเรียน วนๆ ซ้ำๆ เป็นชม. เหมือนเขาพยายามบ่ายเบี่ยงการช่วยหนู ก็เลยคุยยาว รู้สึกว่าถ้าคุยนานกว่านี้คงไม่ได้อะไร หนูก็เลยบอกว่า โอเค งั้นแค่หนูกลับบ้าน ป๊าอย่าบล็อกเบอร์หนูนะ หนูพูดคำเดิมเหมือนเดิมทุกรอบที่ไปหาเขา สุดท้ายเขาก็บล็อกเหมือนเดิม

คุณเพียวเห็นยังไง?
เพียว : เห็นน้องหนูร้องไห้ ที่น้องบอกว่าผ่านไปเป็นชม.เราก็คิดว่าจะให้เราช่วยคุยมั้ย ยังไม่จบสักที ต้องเข้าไปขัดจังหวะเป็นระยะๆ เผื่อเขาเห็นเราเป็นผู้ใหญ่อยู่ตรงนี้ เขาจะเรียกคุยมั้ย สุดท้ายน้องก็ไม่เล่าทันที น้องบอกว่ากลับเถอะ หนูโอเคแล้ว

ตกลงก็เลยกลับ?
หนูดี : ใช่ค่ะ

ทนายแก้ว : พ่อดีใจมั้ย มีอากัปกิริยาบางอย่างกับหนูมั้ย

หนูดี : ไม่มีเลยค่ะ เสียงแข็งเลย เฉยต่อหนูเลยค่ะ

หลังจากนั้นไม่นาน แม่ป่วยเป็นอะไร?
เพียว : ตอนแรกประสบอุบัติเหตุก่อน

หนูดี : ตอนแรกแม่ตกจากที่สูงก่อนค่ะ ตอนนั้นเป็นแค่ขา หลังๆ มาแม่เริ่มเครียด เพราะทำงานไม่ได้ หนูหาเงินคนเดียว ตอนแรกหนูเอาเงินที่หนูทำงาน ไปจ่ายค่าเทอม แต่พอมาเกิดเหตุการณ์ตรงนี้ หนูต้องเอาเงินมาดูแลแม่ส่วนนึง พอสิ้นเดือนของเดือนที่แล้ว แม่มีอาการเหมือนตัวร้อน เป็นไข้ หนูก็คิดว่าแม่อาจเป็นไข้เฉยๆ ก็ไม่ได้พาแม่ไปหาหมอ วันที่ 5 หนูต้องไปจ่ายค่าเทอมโรงเรียนใหม่ แต่ประสบปัญหาด้านการเงินของหนู หนูก็เลยบอกแม่ไปว่า ตอนนี้หนูยังไม่ได้เรียนนะ เงินของหนูยังไม่พอเอาเงินตรงนี้ไปจ่ายค่าเทอม หลังพูดประโยคนี้ไป แม่ซึมไปเลย พอวันที่ 5 แม่ไม่พูดอะไรเลย เหมือนคนช็อก เป็นซึมเศร้าไปเลยค่ะ พอวันที่ 8 เดือนนี้ เป็นวันนัดไปหาหมอกระดูกที่ตรงเท้า ให้หมอตรวจเอกซเรย์เรียบร้อย หมอบอกว่าดีขึ้นแล้ว ถอดเฝือกได้แล้ว หนูก็บอกว่าแม่หนูอาการเป็นแบบนี้ ไม่พูดไม่จามาหลายวันแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า หมอก็ให้นัดหมอจิตเวชวันที่ 9 สุดท้ายหนูก็ไม่ได้ไปค่ะ วันที่ 8 แม่อาการทรุดลงเหมือนไม่มีเรี่ยวมีแรง หนูเลยพาแม่ไปรพ.

สุดท้ายเจอว่าแม่เป็นอะไร?
หนูดี : เป็นฝีในสมองและสมองบวมค่ะ

ทนายแก้ว : แปลกว่าเงินไม่ได้มากมาย ทำไมต้องพูดแบบนั้นกับลูกตัวเองด้วย ทั้งที่ไม่ได้ตัวเลขมาก

ยศพ.ต.อ.มันลำบากยากแค้น เงินหมื่นช่วยเหลือมันลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ทนายแก้ว : น่าจะไม่ถึงขนาดนั้น น่าจะนิสัยและพฤติกรรมมากกว่า

ขายก๋วยเตี๋ยวเถอะครับท่าน เชื่อผม อย่างน้อยๆ คนขายก๋วยเตี๋ยวเขาเลี้ยงลูก ผมเป็นห่วงท่าน แนะนำท่าน ขายก๋วยเตี๋ยวเถอะ จะได้มีเงินให้ลูกเรียนหนังสือ ถ้าเป็นตร.แล้วอัตคัด รันทดเหลือเกิน ระหว่างนี้ผมมีโอกาสได้ดูเกรดเฉลี่ยของน้องตอนม.3 ได้ 3.43 ได้สูงมากนะ เรียนดีมาก เกรดเฉลี่ยดีขึ้นทุกๆ ม. แล้วก็ได้เกียรติบัตรหลายใบคืออะไร?
หนูดี : เข้าร่วมกิจกรรมแล้วได้ที่สองบ้าง เกี่ยวกับประกวดการออกแบบ

ล่าสุดยังไง?
เพียว : วันที่เพียวโพสต์ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าแม่รุ่งจะมีอาการทางสมอง ในมุมของเพียว เพียวมีความเครียด นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงแม่รุ่งและน้องมาก พนักงานในร้านจะรายงานตลอด เขาบอกว่าคุณเพียว พี่ว่าพี่รุ่งผีเข้า เราก็เชื่อมโยงความเครียดของแก ประกอบกับวันนั้นน้องถามตั้งแต่เช้าว่าวันนี้วันที่ 5 แล้ว จะเอายังไงดีกัน วันที่น้องบอกว่ากลับเถอะ จะกลับมาทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เขาก็ไม่ได้งอมืองอเท้า เขาขอไปขอพ่อก็จริง แต่ตัวเขาก็ทำงาน เริ่มของานทำ พอเขารู้ว่าเราเป็นอาจารย์ เขาก็ถามว่ามีงานอะไรให้ทำมั้ย เราก็ให้เขาเอาข้อสอบไปตรวจ ให้ค่าตรวจข้อสอบ เวลามีทำสัมมนา ก็ช่วยลงทะเบียน งานง่ายๆ ที่เด็กทำได้ หลังจากนั้นผจก.ก็เอาเขามาสอนระบบงานร้าน ให้รับโทรศัพท์ ขึ้นออเดอร์ลูกค้า เขาก็ดูแม่นวด มีอะไรที่พอทำได้บ้าง ล้างเท้าลูกค้า เขาก็พยายามเก็บ เราก็ให้เขาเป็นพาร์ตไทม์ ตัวเขาจะรายงานตลอดว่าเขาเก็บได้เท่านี้แล้วนะ สิ้นเดือนเขารู้สึกว่าเขาได้ 2 พันกว่าบาท เขาต้องไปลงทะเบียนที่ใหม่ โรงเรียนขอเก็บค่าลงทะเบียนก่อน เพื่อเปิดเลขแอ็กเคานต์นักศึกษา จากนั้นเราวางเรื่องตามหาพ่อไว้ก่อน ถึงหาพ่อเจอหรือไม่เจอ น้องก็ต้องใช้ชีวิตต่อ ต้องเรียนต่อ เขาก็ไม่ได้รอคอยความหวังอย่างเดียว

คุยกันรอบนอกก่อนเข้ารายการ ถามว่าน้องทราบใช่มั้ยว่าพ่อเองก็มีครอบครัว หนูทราบได้ยังไง?
หนูดี : แม่บอกค่ะว่าเขามีแค่ภรรยาของเขาค่ะ

ทนายแก้ว : วันที่คุยกับคุณพ่อได้กลับมาเล่าให้แม่ฟังมั้ย

หนูดี : เล่าค่ะ แม่บอกว่าอย่าไปโกรธพ่อค่ะ

เมื่อคืนแม่ผ่าตัด?
หนูดี : ใช่ค่ะ หนูโทรถามหมอ หมอบอกว่าเพิ่งผ่าตัดเสร็จตอนเที่ยงคืน ยังไงจะเล่าอีกที ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว หัวใจเต้นปกติ ตอนเช้า 7 โมงหนูถามหมอว่าอาการแม่เป็นไง ฟื้นตัวหรือยัง หมอบอกว่าตอนนี้สามารถลืมตาได้แล้ว แต่อาการเบลอยาน่าจะยังมีอยู่ ยังไงหมอจะติดต่อมาอีกทีค่ะ

หลายคนบอกให้เปิดบัญชี แต่ขออนุญาตไม่เปิด เชื่ออย่างนึงว่าตัวน้องคงไม่ประสงค์แบบนั้น เรื่องเงินบริจาคอย่าเลย เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นที่เรามาออกรายการหรือทำอะไรเพื่อเงินบริจาค ขออนุญาตแนะนำว่าไม่เหมาะ วันนี้จะเอายังไงต่อไป อยากเรียนอะไรต่อไป?
หนูดี : หนูว่าจะไปต่อปวช.ค่ะ เพราะมันสามารถช่วยเรื่องการเรียน และทำงานไปพร้อมๆ กันได้

ใจหนูอยากเรียนสายสามัญต่อมั้ย?
หนูดี : อยากเรียนค่ะ แต่คิดว่าตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือเรียนปวช. เพราะใกล้บ้านด้วยส่วนนึงค่ะ

ถ้ามีโอกาสเรียนต่อสามัญ จะเรียนมั้ย?
หนูดี : ก็เรียนค่ะ

วันนี้มีหนี้สินอะไรยังไง?
หนูดี : ค่าเทอมที่ค้างของสุรศักดิ์ ประมาณ 1 หมื่นบาท ของโรงเรียนใหม่ประมาณ 2 หมื่นค่ะ ยังไม่ได้ไปเรียนเขาบอกค่าเทอม 1.8 หมื่น แต่ค่าสมัคร 5.5 พัน มีแค่นี้ค่ะ

ถ้าเรียนสายอาชีพ ค่าใช้จ่ายยังไง ค่าเทอม ต้องมีเท่าไหร่ถึงเรียนจบ?
หนูดี : 2 หมื่นต่อเทอมค่ะ ปีนึง 2 เทอมค่ะ สามปี

ปีนึง 6 หมื่น สามปี 1.8 แสน ถ้าต้องเรียนสามัญล่ะ?
หนูดี : มากกว่านั้นค่ะ 2-2.5 หมื่น

เพียว : ตอนนี้สิทธิ์ในการเรียนโรงเรียนรัฐ มันผ่านช่วงเวลาไปแล้วค่ะ โรงเรียนที่เปิดโอกาสให้น้องคือโรงเรียนเอกชนที่พอจะเข้าได้ในช่วงนี้

อยากถามใจน้อง ว่าน้องลึกๆ อยากเรียนอะไร ไหนหนูลองบอกน้าสิ อยากเรียนกอะไร?
หนูดี : ปวช.ค่ะ

เพราะทางเลือกหนูมีไม่มากนัก ถ้าเรียนปวช.สายอาชีพ จะได้มีเวลาทำงานควบคู่กันไปด้วย?
หนูดี : ใช่ค่ะ

แต่ใจลึกๆ อยากเรียนสามัญ แต่ช่องทางไปไม่ได้ เพราะต้องทำงาน?
หนูดี : ใช่ค่ะ

ถ้าไปเรียนสายอาชีพ หรือปวช.จะได้หาเงินค่าเรียนมาจ่าย ถ้าวันนี้มีคนช่วยเหลือให้หนูได้เรียนสามัญต่อ จะเรียนมั้ย?
หนูดี : หนูต้องกลับไปคิดและศึกษาอีกทีค่ะ

ถ้าความฝันอยากเป็นทนายต้องมาจับสายสามัญ ถ้าต้องการเรียนปวช. ก็ไม่เป็นไร ก็ทำงานคู่กันไป?
ทนายแก้ว : ถ้าเป็นทนาย เรียนปวช. ต่อปวส. แล้วก็ปริญญาตรีก็ได้ ทำแบบนั้นก็ได้ ต่อได้ครับ

รักษาแม่ยังไง?
หนูดี : ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาแม่ค่ะ

ทนายแก้ว : บุตรที่มีพ่อแม่ ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ถือว่าพ่อคนนั้นยังไม่ได้เป็นพ่อที่ชอบด้วยกฎหมาย สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้คือร้องต่อศาลให้พ่อคนนี้เป็นพ่อที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมา จะใช้สิทธิ์เรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือไม่เป็นสิทธิ์ของหนู แต่ที่ต้องมีพ่อโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะเวลาไปเข้าโรงเรียน มันต้องมีเอกสารของการรับรองบุตรตรงนี้เข้าไปประกอบ ส่วนเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดู เมื่อศาลสั่งให้พ่อเป็นพ่อที่ชอบด้วยกฎหมาย เขาจะจ่ายยังไง ก็ไปว่ากันตามหลักเกณฑ์ที่หนูเรียกร้องอีกทีครับ

เรื่องเงินจะซัปพอร์ตตัวเองยังไง รายได้จะเพียงพอมั้ย?
เพียว : ตอนที่เกิดเหตุการณ์ก่อนเพียวจะโพสต์ เป็นช่วงที่เพียวเองก็มีความเครียด เราเห็นแล้วว่ารายได้น้องที่ทำพาร์ตไทม์กับเรามันไม่ได้พอ ช่วงเวลาความเงียบของธุรกิจด้วย พูดกับน้องหนูเสมอว่าช่วงนี้รายได้ไม่ได้ปังเหมือนเมื่อก่อน น้องหนูรอแป๊บนึงนะ ขอคุณครูเลื่อนไปก่อนในวันรายงานตัว ก็คุยกัน วันนั้นเราคิดไปไกลกว่าเรื่องค่าเทอมคือวันนั้นพี่รุ่งก็เหมือนทำงานไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าสภาวะที่เขาเป็นเกิดจากอะไรกันแน่ เขาผีเข้าหรือเป็นอะไร เด็กๆ ก็คิดกันไป ก็เลยแว้บมาว่ามีเพื่อนเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ก็ปรึกษาเขาว่าเอายังไงดี หนึ่งติดต่อญาติคุณรุ่งไม่ได้ ตั้งแต่เขามาทำงานก็ไม่เคยถามเลยว่าญาติเขาเป็นใคร กรณีแบบนี้มีใครช่วยดูมั้ย เพราะลำพังน้องหนูคนเดียว เราก็พอช่วยเหลือได้ แต่ถ้าเป็นทั้งน้องและแม่ที่มีภาวะที่ไม่รู้ตัวอยู่แบบนี้ เราก็ไม่รู้จะติดต่อหาใคร

เลยอยากให้พ่อมาจัดการช่วยเหลือตรงนี้?
เพียว : ใช่ค่ะ ตอนนั้นคิดไปหลายทาง ติดต่อพม. ไปค้นทะเบียนบ้าน ดูโทรศัพท์คุณแม่ ว่ามีใครบ้างที่แม่เคยติดต่อไว้ ทางเพื่อนบอกให้เอาเคสนี้ไปปรึกษาพม. ประสานไปขอความช่วยเหลือ วันที่โพสต์ก็นอนไม่หลับ เครียด เห็นภาวะพี่รุ่ง เบลอ ไม่พูดกับใคร ก็ให้กำลังใจว่าพี่รุ่งไม่ต้องกังวลนะเรื่องค่าเทอม คุณแม่เพียวอยู่อเมริกาก็บอกว่าเมื่อไหร่เดี๋ยวจะช่วยเอง น้องสาวเพียว เพื่อนที่จุฬาฯ ก็บอกว่าเท่าไหร่เดี๋ยวเขาจะช่วย เพียวก็ยังคิดไม่ออก เพราะปัญหาที่เจอในฐานะนายจ้าง นอกจากอยากสนับสนุนน้องแล้ว ก็เป็นปัญหาที่เราไม่รู้ว่ามันจะไปต่อยังไง ทีนี้ทางพม.ประสานให้ เขาพูดไปตามสเต็ปว่าถ้ามีผู้ป่วยจิตเวชต้องแจ้งตร.ก่อน เพราะตร.ถือพรบ.สุขภาพจิต สามารถเข้าชาร์ตส่งรพ.ได้เลย พอตร.มาที่ร้านเขาบอกยังไม่คลุ้มคลั่ง ยังเอาไปไม่ได้ ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ แค่เพ้อ หรือลงมาคลาน ยังไม่ถือว่าทำร้ายร่างกายใคร ตร.นำตัวไปไม่ได้ ก็ประสานพม.อีกว่าตร.ปฏิเสธ ตร.ก็บ่นพม.ให้เราฟังว่าบอกพม.ด้วยนะว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องมาแจ้ง เราก็เอาใหม่ บอกให้ตร.สืบให้หน่อยว่าภูมิลำเนาพี่เขาก่อนย้ายมาอยู่กับเรา เขาอยู่ที่ไหน ตร.รับปากว่าจะประสานงานให้ แต่ต้องให้น้องไปแจ้งความก่อน แต่มันไม่ได้ไง น้องเขายังทำอะไรไม่ได้ พม.ก็ประสานมาอีกรอบว่าตร.มาดูให้หรือยัง ก็เปลี่ยนเป็นศูนย์เอราวัณมาดูแทน พอเขามาเช็กอาการก็บอกว่าดูแล้วซีกขวาน่าจะอ่อนแรง อาการพูดไม่ได้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องล้มแล้ว เพราะล้มแค่ขาพลิก ที่พูดไม่ได้อาจเป็นอย่างอื่น เลยส่งรพ.พร้อมน้อง

ตัวแม่น้องมีอาการป่วย ก่อนหน้านี้ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเป็นฝีในสมอง บางเคสเขามีอาการคลุ้มคลั่ง เพ้อ พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลายคนไม่รู้เขาเป็นอะไร ก็คิดว่าเขามีอาการผีเข้าหรือเปล่า จริงๆ ไม่ใช่ เป็นอาการเพ้อ เป็นอาการอย่างนึง เกิดจากฝีในสมองไปกินหรือไปกดทับเส้นประสาทที่อยู่ในสมอง ทำให้เกิดอาการแบบนี้เกิดขึ้น ในมุมพ่อจะเอายังไงต่อไป?
หนูดี : อยากให้เขาสนใจหนูบ้างค่ะ อยากให้เข้ามาหาหนูบ้างสักนิดนึงก็ยังดี มาทำหน้าที่พ่อสักนิดนึงค่ะ

ให้ทีมงานติดต่อไปหาพ่อหนู เขาแจ้งมาว่าตอนเล็กๆ ช่วงอนุบาล 1 หรือ 2 เขาเอาลูกไปให้น้องซึ่งเป็นแพทย์เลี้ยงดูที่ชลบุรี พาไปทั้งแม่ทั้งลูก อยู่ไม่เกิน 3 เดือน แม่พาหนูหนีออกไป บอกว่าจะไปทำงานที่ญี่ปุ่น ทำเรื่องอะไรแบบนี้ จนเขารับไม่ได้ เขาเลยบล็อกการติดต่อทุกช่องทางกันไป ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เขาบอกว่าตอนนี้เขามีเมีย และมีทะเบียนสมรส เมียเขาจะฟ้องแม่หนู เขานี่แหละเป็นคนไปห้าม อย่าไปฟ้อง ตร.บอกว่าเขาเองไม่ได้จะขึ้นตำแหน่งสูง เพราะปี 69 เขาจะเกษียณราชการแล้ว ที่สำคัญที่สุด ทำไมให้คนนอกมาคุย ไม่ติดต่อมาคุยกันดีๆ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว?
หนูดี : คุยไปแล้วค่ะ

ทนายแก้ว : ขอเผือกนิดนึง ความเป็นพ่อ เป็นแล้วเลิกไม่ได้ครับ ปัญหาที่เขาพูด เป็นคนละเรื่องกับที่เขาต้องมาดูแลหนู หน้าที่ความเป็นพ่อ ถึงกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องมีการรับรองบุตร แต่ในสายโลหิตเป็นแล้วเป็นเลย เป็นหน้าที่ที่กฎหมายกำหนอยู่แล้ว ลองพิจารณาดูจะให้สิทธิ์ทางศาลหรือเปล่า

ที่คุยกับหนู ชอบใจอย่าง หนูเองเป็นเด็กพยายาม ไม่หวังจะพึ่งใคร เขาไม่เคยไปร้องขอฝั่งคุณเพียว ยกเว้นจะทำงานเอง เมื่อกี้ลองแกล้งถามว่าถ้ามีคนออกค่าเทอมให้สามัญ จะเรียนมั้ย เขาก็บอกว่าจะไปเรียนสายอาชีพ เพราะต้องการทำงานและส่งตัวเองเรียน ไม่ได้หวังไปพึ่งคนอื่น วันนี้มีทางเลือกให้หนู ไหนๆ ก็มาแล้ว อันดับแรกกลับไปตัดสินใจดู อยากเรียนอะไร ถ้าตัดสินใจได้แล้วติดต่อมา เดี๋ยวพี่จะจ่ายให้เองเรื่องค่าเทอม จ่ายให้หนูจนเรียนจบปวช.หรือเรียนสามัญให้จบก็มาว่ากัน นี่คือทางเลือกแรก สองทางเราให้ทีมงานติดต่อสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ก็จะมีเรื่องการยื่นเรื่องทุนการศึกษาให้หนูต่างๆ นานา เดี๋ยวจะลองประสานดู แต่ยังไงก็เป็นทางเลือกของหนู เรื่องหนูทำงานสายอาชีพ ถ้าตัดสินใจทางนี้ทนายแก้วก็บอกว่าสามารถเรียนกฎหมายได้เหมือนกัน ค่าเทอมหนูไม่ต้องรับผิดชอบ จะมีคนรับผิดชอบให้หนู หนูทำงานเก็บเงิน เอาเงินที่ทำงานไปดูแลแม่ ส่วนพ่อก็ไม่ต้องไปโกรธเขา ถือซะว่าเขาเลือกทางของเขาแบบนั้น ทุกคนมีทางเดิน มีทางเลือกหมด บางเรื่องเขาเลือกแบบนี้แล้ว อาจรู้สึกว่าสุดทางเขาแบบนี้ก็ไม่เป็นไร ต้องปล่อยเขาไป แต่พ่อก็ต้องเข้าใจว่านี่คือลูก บางทีก็ตัดไม่ได้ แล้วคุณจะรู้สึกยังไง จะให้คนๆ นึงมารับผิดชอบลูกคุณ ทั้งที่ไม่รู้จักเลย แต่ผมจะทำให้ คุณกลับไปตัดสินใจดู ถ้าการเป็นตร.ของคุณ มันลำบากถึงขั้นคุณจะผ่าหนองที่ขายังไม่ได้ หรือไม่มีเงิน อย่างที่บอกขายก๋วยเตี๋ยวเถอะครับ จะให้คุณเพียวมารับผิดชอบลูกคุณดูแลลูกคุณไปจนเขาโตไปเป็นสาว มันได้เหรอ เมียก็ต้องเข้าใจผัว ถ้าผัวเองไปมีลูกอีกคนนึงอยู่ คุณก็ต้องพูดว่านี่คือเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ ถ้าคุณไม่สามารถรับผิดชอบเลือดเนื้อเชื้อไขคุณได้ แล้วคุณจะรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้นได้เหรอ มีบริบทเยอะแยะมากมาย คุณจะเกษียณปีหน้าอยู่แล้ว ขอโทษนะ ไม่ได้มาสอน แต่พูดในฐานะคนเป็นพ่อเหมือนกัน มีไม่กี่ทางหรอกให้คุณเลือก แต่ไม่เป็นไรค่าเทอมผมจัดการให้ ค่าเทอมที่ค้างอยู่ผมจะจัดการให้ ค่าที่จะไปเรียนที่ใหม่พี่จ่ายให้ ไม่ต้องไปยุ่งกับคุณเพียว คุณเพียวเขาก็หนัก เงินที่ทำงานจากคุณเพียวก็เก็บเอาไปช่วยแม่ ไม่ต้องกังวลใจ?
หนูดี : ค่ะ

แต่บอกก่อนมันเป็นแค่บางเคสนะ ไม่ใช่ว่าผมแบกได้ทั้งโลก เป็นแค่บางเคส ที่อันนี้ผมฟังแล้วผมคลิก แล้วผมอยากช่วย แต่ไม่ได้หมายความว่าผมต้องช่วยคนทั้งโลกนะ แล้วจะประสานกับสภาสังคมสงเคราะห์ว่าจะแบ่งเบาอะไรได้บ้าง โอเคมั้ย?
หนูดี : ค่ะ

สุดท้าย M-150 มอบให้อีก 2 หมื่นเอาไปรักษาแม่ ดัชมิลล์มอบให้อีก 2 หมื่น เป็น 4 หมื่นเอาไว้รักษาแม่ ส่วนค่าเทอมไม่เกี่ยว ประมาณนี้แล้วกันที่พี่จะทำให้หนูได้?
หนูดี : ขอบคุณมากค่ะ (ยกมือไหว้)

เพียว : ขอบคุณมากนะคะ (ยกมือไหว้)

ทนายแก้ว : พ่อได้ช่วยเหลือเรื่องเงินตอนนี้มาเท่าไหร่?
หนูดี : 2 พันค่ะ

อย่างที่บอก เขาอาจลำบากของเขา เขาอาจเอาเงินไปช่วยเหลือสิ่งที่เขาจำเป็นต้องดูแล เราไม่จำเป็นต้องเป็นภาระเขาก็ได้ ถ้าเขาคิดว่าเป็นภาระ เราก็ต้องอยู่ได้และสู้กันต่อไป ต่อไปต้องมีเรื่องดีๆ ในชีวิตหนู เพราะดูผลการเรียนแล้ว มันคุ้มค่ากับสิ่งที่พี่จะสนับสนุนหนู?
หนูดี : (ยกมือไหว้) ขอบคุณค่ะ















กำลังโหลดความคิดเห็น