xs
xsm
sm
md
lg

“หนุ่ม กรรชัย” เผย “เบียร์ เดอะวอยซ์” ปากแจ๋วใส่ ไม่สนใจ แต่ที่ฟ้องเพราะติดใจคำพูดบางคำ รู้สึกถูกล้ำเส้น!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนุ่ม กรรชัย” ยันไม่ได้อยากฟ้อง “เบียร์ เดอะวอยซ์” แต่ถูกล้ำเส้นเกินไป ลั่นไม่สนปากแจ๋ว ร้องเพลงแซะ อาบน้ำใส่ แค่ติดใจบางคำพูด ยินดีหากอีกฝ่ายอยากไกล่เกลี่ย บอกไม่สามารถทำให้ทุกคนรักเราได้ แจงเหตุวีนฉ่ำทีมงานโหนกระแส ไม่ได้วัยทอง แค่เหนื่อย พลาดมาก็เป็นตนโดนฟ้อง ลั่นชอบรายการโหนกระป๋อง ได้เห็นธาตุแท้ “ทนายแก้ว”

กลายเป็นเรื่องราวมหากาพย์สาดสงครามน้ำลายกันกลางโซเชียล สำหรับนักร้องสาว “เบียร์ เดอะวอยซ์” ภัสรนันท์ อัษฎมงคล ที่ก่อนหน้านี้ก็ออกมาโพสต์ข้อความรัวๆ แซะพิธีกรรายการดังอย่าง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ว่าผลิตเนื้อหารายการมามีแต่เรื่องผัวเมีย จนถูกโยงกันไปต่างๆ นานา จนทำเอาหนุ่มเหลืออดโพสต์หมายศาลเตรียมฟ้อง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จาก Neobun ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ก็ได้อัปเดตเรื่องการฟ้องร้องคดีนักร้องสาว เผยเหตุผลที่ตัดสินใจฟ้องคนที่ล้ำเส้น ทั้งที่พยายามพูดและชี้แจงไปแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่จบ เลยคิดว่าศาลน่าจะเป็นคนกลางที่ดีที่สุด

คือถ้าเกิดตามดูตัวเราจริงๆ เราไม่ค่อยอยากจะไปฟ้องร้องใครหรือไปอะไรกับใคร โดยเฉพาะคนในวงการด้วยกัน จริงๆแล้วเราก็ไม่อยากจะไปยุ่ง ไม่อยากจะไปฟ้อง ไม่อยากมีปัญหาด้วยก็เข้าใจในบริบทของการทำงาน ซึ่งอาจจะเข้าใจผิดกันได้ แต่พอมาเป็นอันนี้เรารู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องดูไม่เหมาะหรือดูไม่ควร ดูเป็นการเข้าใจในบางเรื่องไปเอง เราเองก็พยายามชี้แจงพยายามพูดไปแล้วหลายครั้งแต่มันก็ไม่จบสักที เราก็เลยรู้สึกว่าต้องมีใครสักคนหนึ่งที่มาเป็นคนกลางในการบอกแล้วกันว่าจะเอายังไงกันต่อไป เราก็คิดว่าน่าจะเป็นศาลน่าจะดีที่สุด

เราก็ไม่รู้ว่าแมสเสจที่เราส่งไป คำพูดของเราการสื่อสารมันจะไปถึงอีกฝั่งนึงยังไง แต่เจตนาเราไม่มีเจตนาร้ายเลยตั้งแต่แรก เพราะว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว ก็ไม่ได้พูดถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่งอยู่แล้ว เขาอาจจะคิดว่าเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าอันนี้เราตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คือ หนึ่งมันไม่ได้มีการขอโทษ 2 เราไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญใครให้ไปทำอะไรแบบไหน หรือข่มขู่ใครแบบไหน เราว่าคำพูดเหล่านี้มันดูเป็นการกล่าวหาเราไปนิดนึง

จริงๆ เรื่องพวกนี้มันคุยกันได้หมด เพราะตัวเราเองเราก็เป็นคนชอบไกล่เกลี่ยอยู่แล้ว ถ้าสังเกตได้จากรายการเราก็พยายามให้คนเขาได้ไกล่เกลี่ยกัน ทุกวันนี้เอาตรงๆ คือศาลท่านก็เหนื่อยมากแล้วแหละ ทุกวันนี้มีคดีมากมายขี้หมูขี้หมา ถ้ามันก็จบกันได้ก็จบกันไป แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจากคนที่พยายามไกล่เกลี่ยในรายการ กลับกลายเป็นว่าตัวเองเอาเรื่องไปให้ศาลท่านเหนื่อย แต่ก็หลีกไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

บอกหลังฟ้องไม่ได้มีการติดต่อกลับมาทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์
“ไม่ครับ เราก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ก็คงต้องพูดไปตามกระบวนการเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็ไปดูที่ศาล ศาลท่านอาจจะเรียกไปไกล่เกลี่ยก็เดี๋ยวไปดูว่าอะไรยังไง แต่ถ้ามันจบกันไม่ได้ก็ว่าไปตามกระบวนการ

ถ้าเขาจะติดต่อขอเจรจา หนึ่งด้วยอายุของเราเอง เราก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่เพราะฉะนั้นอันไหนที่รุ่นน้องอยากจะคุยกับเรา เราก็ยินดี เพราะเราเองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผล คือเรื่องพวกนี้มันคุยกันได้หมด อย่างที่บอกคือเรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย เพียงแต่ว่าอาจจะต้องมาคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน และดูข้อเท็จจริงเท่านั้นเอง

เราว่าคดีนี้เป็นคดีที่ไกล่เกลี่ยกันได้ พูดคุยกันได้ หรือถ้าไม่ไกล่เกลี่ยก็ดูต่อได้ก็ไปให้มันสุดทางว่ามันจะเป็นยังไง เพียงแต่ว่าเราก็แค่รู้สึกว่าเราต้องปกป้องสิทธิ์ของเราในคำพูดบางคำ เพราะเวลาไปขึ้นศาลไม่ได้เอาคำพูดทั้งหมดมารวมกัน เป็นคำพูดบางคำที่เป็นการหมิ่นประมาทหรือกล่าวหาเราหรือละเมิดเราหรือเปล่าเท่านั่นเอง

อันนี้คือคำพูดที่เขาโพสต์มาจากแชตใช่ไหม คำพูดที่เขาโพสต์ มันเป็นเรื่องราวประกอบกันมากกว่าในสิ่งที่เขาพูดมันยืนยันว่ามันคือตัวเรา แต่ก็เชื่อว่าถ้าไปถึงจุดนั้นต้องมีหมายศาลไปเรียกเขามาอยู่แล้ว ซึ่งก็เชื่อว่าส่วนหนึ่งคือคนกลางเองก็จะลำบากใจ ถ้าเกิดว่าจะต้องไปเป็นพยานให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ก็แล้วจะให้ศาลออกหมายเรียกมา ก็น่าจะให้พูดข้อเท็จจริงแบบกลางๆ ที่สุดว่ามันเกิดอะไรขึ้น คือทุกอย่างมันต้องประกอบกันหมด”

ลั่นไม่เคยติดใจหรือโกรธคู่กรณี แต่บางอย่างรู้สึกถูกล้ำเส้น
เราไม่เคยติดใจน้องเลย ไม่เคยมีในความคิดและมโนสำนึกของเราเลย เราแค่รู้สึกว่าในบางเรื่องมันอาจจะล้ำเส้นเราไปนิดนึง อาจจะแบบไม่ใช่ข้อเท็จจริงเราก็รู้สึกว่ามันก็ไม่แฟร์กับเรา แล้วเรารู้สึกว่าเราไม่สามารถที่จะคุยกับน้องได้ ในอดีตที่เมื่อก่อนเคยมีเหตุการณ์แบบตอนนี้เราก็เคยให้คนติดต่อไปนะ แต่พอมาพยายามทางนี้เราก็ให้คนติดต่อไปอีก แต่โดยตัวเราเองเรารู้สึกว่า ขอโทษนะคือเราไม่รู้ว่าทำไมเราต้องติดต่อไป นึกออกไหมว่าเรื่องมันไม่ได้มีอะไร แล้วเราไม่ได้พูดถึงน้องเขาก็เลยไม่รู้ทำไมถึงต้องติดต่อน้องไป ก็แค่ถ้าเกิดน้องเข้าใจผิดแล้วก็ฝากไปบอกว่าเฮ้ยน้องเข้าใจผิดนะเป็นแบบนี้แค่นั้นเองไม่มีอะไร ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไรน้องเลย

เราไม่เคยรู้จักน้อง เราไม่เคยเจอกันนะแต่ก็รู้ว่าน้องคือใคร ไม่เคยเจอกันไม่เคยทำงานร่วมกัน (อันนี้รับคำขอโทษเป็นคำพูดหรือว่าเป็นการดำเนินคดี?) อย่างที่บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องว่าไปเป็นตามครรลองของมัน คือตอนนี้ทุกอย่างมันถูกนำเสนอไปที่ศาลแล้ว ก็แล้วแต่ศาลท่านจะพิจารณา ว่าท่านจะเอายังไงต่อไปจะให้ไกล่เกลี่ยกันไหม หรือถ้าเกิดว่าก่อนจะขึ้นศาลจะมีการพูดคุยกันเราก็ยินดีเราไม่ได้ติดอะไรเลย เราก็บอกแล้วว่าเราไม่เคยคิดที่จะไปมีเรื่องมีราวกับคนในวงการด้วย”

ร้องเพลงแซะ อาบน้ำใส่ ไม่สนใจ แต่ที่ฟ้อง! เพราะติดใจคำพูดบางคำ
“ครั้งแรกเราจะได้เจอกัน น่าจะช่วงเดือนกรกฎาคมแต่ว่าน้องอาจจะยังไม่ต้องไปมั้งครับไม่แน่ใจ พอไปไต่สวนมันต้องเป็นฝั่งของโจทก์ก่อน

น้องปากแจ๋วไม่ซีเรียสหรอกครับเราเฉยๆ อย่างที่บอกไม่เป็นไร ก็คือแล้วแต่ตัวเขาแล้วกัน เราเฉยมากไม่ได้โกรธเคือง ไม่ได้อะไรเลยเพียงแต่ว่าแค่บางเรื่องเท่านั้นเอง ถ้าเรื่องอื่นๆ เราเจอมาเยอะกว่านี้ การมีคนคนนึงมาพูดแซะเราว่าเราไม่ว่าเลยเราโดนแซะอยู่ทุกวี่ทุกวันอยู่แล้วเราก็เฉยๆ

เราไม่สามารถทำให้คนอื่นทุกๆ คนรักเราทั้งหมดได้ มันก็มีทั้งคนรักคนเกลียดแบ่งๆ กันไป เพียงแต่ว่าคนที่เกลียดหรือที่ไม่ชอบก็แค่อยากกล่าวหาอย่าล้ำเส้นเกินไปเท่านั้น (ร้องเพลงใส่ อาบน้ำใส่ ไม่กระทบต่อจิตใจ?) ไม่เกี่ยวเลยครับก็เป็นสิทธิ์ของน้องเขา”

แจงวีนฉ่ำทีมงาน ปัดวีนวัยทอง แค่อยากให้เข้าใจว่าตนก็เหนื่อย
“เรื่องวีนทีมงานก็อยากให้เข้าใจด้วยว่า คือตัวเราเองมันเหนื่อยเนอะ เหมือนเราทำงานอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นการที่เราจะมีทีมงานก็คือต้องช่วยกันซัปพอร์ต แต่ก็เป็นธรรมดาครับว่ามันเป็นรายการสด มันไม่สามารถจะถ่ายรายการแล้วคัตๆ ไปนั่งพูดกันก่อนว่าต้องอย่างนี้ แล้วกลับมานั่งขายกันใหม่ได้ มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นถูกไหมครับ คือถ้าพูดไปเหมือนไปว่าทีมงานตัวเองแต่ไม่เป็นไรหรอก คือเจอหน้าก็ด่ามันต่อหน้าอยู่แล้ว ก็ดีจะได้พูดตรงนี้ให้ฟังด้วย

อธิบายง่ายๆ เลยอยากให้เข้าใจเปรียบเทียบดู สมมติว่าเราเป็นเชฟ เราเป็นเชฟกำลังผัดเครื่องแกงอยู่ในกระทะร้อนๆ แล้วเราบอกลูกมือว่าขอเครื่องปรุงอันนี้หน่อยแต่เครื่องปรุงไม่มา เมื่อไหร่จะมาไม่มาๆ เครื่องแกงที่เราทำอยู่มันจะไหม้เข้าใจไหม ซึ่งคุณบอกว่างั้นก็หรี่ไฟสิแล้วก็ยกกระทะออกก่อน มันไม่ใช่วิถีของเชฟ แล้วอีกอย่างคือเราทำรายการสดอยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันเกิดขึ้นคือทีมงานทุกคนรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เราจะทำเรื่องอะไร ภาพมีให้คุณอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเตรียมมันพร้อมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณแค่เสิร์ฟขึ้นมาเท่านั้นเอง

เราเรียกภาพพวกคุณก็แค่เสิร์ฟ แต่ถ้าเกิดมันไม่ได้มันก็ต้องพูดกัน คือคนดูเขาก็รอดูอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกเวลาจำกัดเข้ามาด้วย เราไม่สามารถที่จะทำรายการถึง 3 ชั่วโมง 5 ชั่วโมง รอไปเรื่อยๆ ได้ เพราะมันมีช่วงเวลาของตากล้องยืนขาแข็งแล้ว คือทุกสิ่งทุกอย่างมันจะถูกขะมักเขม้นมากในการทำงาน เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วมันต้องทำงานร่วมกันให้ได้ อย่างเช่นเราพูดถึงเรื่องนี้คุณก็ต้องเปิดเลย

แม้กระทั่งอย่างวันนี้รีสอร์ตตอนแรกก็เบลอมาดีๆ อยู่แล้ว พอภาพต่อไปไม่เบลอรีสอร์ตมาแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าตกลงจะเบลอหรือไม่เบลอ แต่ทางที่ถูกที่ควรคือคุณก็ต้องเบลอเอาไว้ก่อน เพราะอะไรคุณก็ต้องเคารพสิทธิของเขาด้วย แต่อันนี้คุณทำมาคุณไม่เคารพสิทธิ์ของเขา เวลาฟ้องแล้วโดนฟ้อง ทีมงานไม่ได้โดนฟ้องนึกออกไหม แต่เราก็ไม่ได้สนใจนะว่าถ้าเกิดใครจะว่าเราวีนวัยทองหรือเปล่า ด้วยบริบทการทำงานของเรามันเป็นแบบนี้ เราเชื่อว่าคุณพุทธ อภิวรรณ เป็นยิ่งกว่าเราอีกนะ พุทธนี่ตบโต๊ะๆ แกเป็นมากกว่าเราอีกนะ”

บอกเวลาที่พลาดมาคนโดนฟ้องคือตนไม่ใช่ทีมงาน
“คนแซวเป็นทีมงานเดียวกับพุทธ อภิวรรณ หรือเปล่า ก็อยากให้สองทีมมารวมกันตอนนี้ ในเคสที่ไม่เบลอไปมีการฟ้อง มันมีหลากหลายมาก ย้อนไปถึงเรื่องราวของอาจารย์อ๊อด (รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์) บางทีเอามานำเสนอแล้วก็เบลอลายเซ็น หรือแบบไม่ได้เบลอหัวกระดาษ แกก็ฟ้องเอาอย่างนี้ นึกออกไหมว่าเราเป็นคนทำงานอยู่ข้างหน้าจอ เราเป็นคนอ่านบางทีเราก็โดนหางเลขไปด้วย ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่นี้ทีมงานของโหนกระแสเอง คือประสบการณ์ในทุกๆ วัน มันเป็นสิ่งที่บอกอยู่แล้วว่าอันไหนคุณทำได้ อันไหนคุณไม่ควรทำ อันไหนไปล้ำเส้นเขามากเกินไปหรือเปล่าคือเราก็จะรู้

ทุกวันนี้คนก็ตีความแค่ช่วงนั้นเหมือนกัน เขาก็จะบอกว่าเราเป็นวัยทอง ทำไมขี้โมโหจัง (ยกมือไหว้) ก็ต้องขอโทษด้วยนะสำหรับคนดูทุกๆ คน แต่ว่าบางทีวิธีการทำงานบางครั้งมันแย่จริงๆ คือเหมือนว่าอยากให้ทีมงานมันพร้อมเวลาที่มันเสิร์ฟอะไรออกไปคือมันจะได้เรื่องกระชับแล้วคนดูก็ไม่ต้องมานั่งรอ”

ไม่รู้สึกบั่นทอนจิตใจ
“ไม่นอยด์ครับเราเข้าใจได้เราเจอมามากกว่านี้แล้วเพราะฉะนั้นเราก็เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ที่เรารู้สึกว่าไม่โอเคมากที่สุดสำหรับการดูรายการโหนกระแส ที่ไม่โอเคไม่ใช่เรื่องที่มาด่าเราเลยนะไม่เกี่ยวเลยเราไม่สนใจ สนใจเรื่องเดียวคือไม่อยากให้การเบลมเหยื่อเกิดขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกแย่มาก อย่างบางทีคนที่ตายไปแล้วคุณก็ไปเบลมเขา”

ลั่นใครล้ำเส้นทำผิดกฎบล็อกทันที
“บล็อกจริง เรามองว่าคนเข้ามาในบ้านเรา บ้านเราเปิดเป็นสาธารณะก็จริงคุณเข้ามาดูในบ้านเรา แต่ถ้าคุณทำผิดกฎบ้านเราก็มีสิทธิ์ที่จะทำโทษคุณได้เหมือนกัน ทุกบ้านก็ต้องมีกฎ เราไม่ใช่คนดุเลยเป็นคนที่คุยได้ตลอด เพียงแต่ว่าบางเรื่องเรามองว่ามันไม่เหมาะมันไม่ดี บางทีผู้หญิงคนนึงโดนคนๆ นึงหลอกมาจากมิจฉาชีพมันก็ต้องดูว่าเขาเป็นเหยื่อ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าก็โง่เอง คือคนเราชีวิตมันไม่เหมือนกัน ชื่อก็ไม่เหมือนกันพ่อแม่เลี้ยงมาก็ไม่เหมือนกัน การรับรู้มุมของข่าวก็ไม่เหมือนกัน มันก็ไม่แปลกหรอกที่บางคนอาจจะไม่รู้จริงๆ แล้วก็ไปโดน ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่เพียงแต่เขาอาจจะเสียเปรียบคนอื่น

รับอาจเพราะตัวเองใจร้อนด้วย ไม่อยากไปโทษทีมงานทั้งหมด
“คุยทุกวัน แล้วก็เป็นทุกวัน บางทีก็ยอมรับอาจจะเป็นความใจร้อนของเราด้วยก็ได้ ไม่อยากไปโทษทีมงานทั้งหมด เขาก็คงจะเหนื่อยในมุมเขาแหละ เพียงแต่เราก็เหนื่อยในมุมของเรา ต่างคนต่างเหนื่อยแต่พอดีเราเป็นเจ้านายเราว่าเขาได้ เขาคงอาจจะไปแอบด่าเราลับหลัง มันต้องมีอยู่แล้วแหละเลขานินทานาย ลูกน้องก็ไปด่านายประจำ”

รับอยากทำ โหนกระป๋องทุกอาทิตย์ แต่ “ป๋อง กพล ทองพลับ” คิวแน่น
“จริงๆ ก็อยากจะทำแต่ว่าป๋องไม่ค่อยว่าง ก็ชอบนะรายการโหนกระป๋องก็ทำให้เห็นว่าทนายแก้ว (ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล) เป็นคนยังไง ทนายแก้วจะไปซีเรียสอะไรก็มันเรื่องจริงทั้งนั้น ทนายแก้วไม่ใช่ทนายส่วนตัวของเรา เพียงแต่ว่าทนายแก้วจะมาออกรายการโหนกระแสบ่อย ซึ่งเราก็เห็นว่าเขาอธิบายเรื่องข้อมูลของทางกฎหมายได้ชัดได้เคลียร์ในบางเรื่อง ก็เลยรู้สึกว่าโอเคให้ทนายแก้วเข้ามาได้บ่อยหน่อย โดยส่วนตัวทนายของเรามีหลายคน ซึ่งทนายแก้วก็เป็นหนึ่งในนั้น ก็จะมีคนโน้นคนนี้อีกเยอะแยะมากมาย”











กำลังโหลดความคิดเห็น