“แอฟ ทักษอร” หลั่งน้ำตาซาบซึ้งใจมากๆ ที่ทุกคนเห็นคุณค่าและซัปพอร์ตคู่ตนกับ “นนกุล” อยากทำความเข้าใจว่าที่กำหนดเวลาไว้ 3 ปี ไม่ได้หมายความว่าถึงกำหนดแล้วจะแต่งงานเสมอ ตอนนี้ความรักแฮปปี้ ด้านนนกุลเผยตนไม่สะดวกตอบบางเรื่องตอนนี้ หวั่นกดดันแอฟ ขอบคุณทุกคนที่เชียร์ ส่วนดรามาเล่นละครไม่อยากให้ไปโฟกัสเรื่องของคำหยาบคาย เพราะมันมีอีกหลายแง่มุม
เป็นอีกหนึ่งคู่ที่ทุกคนต่างลุ้นอยากเห็นข่าวดีกันเร็วๆ สำหรับคู่ของ “แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” กับแฟนหนุ่มรุ่นน้อง “นนกุล ชานน สันตินธรกุล” ล่าสุดทั้งคู่ก็ควงแขนมารับงานอีเวนต์คู่กัน หลังมาร่วมงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ Dr.JiLL Advanced Cream ที่ Gaysorn Urban Resort ชั้น 19 Gaysorn Tower
โดย “แอฟ-นนกุล” สาดความหวาน เปิดใจถึงชีวิตคู่หลังคนเชียร์ให้แต่งงาน ซึ่งทางนนกุลบอกว่าถ้ามีอะไรเรียบร้อยเดี๋ยวอัปเดต ตอนนี้ยังไม่อยากกดดันพี่เขา ขณะที่นางเอกสาวกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เมื่อได้รับรู้ว่ามีหลายคนเฝ้ารออยากเห็นงานแต่งงานของเธอกับแฟนหนุ่ม
นนกุล : “ในห้องแต่งตัวเห็นมีช็อตคุกเข่าด้วย ควานหาของอยู่ครับ ไม่เจอ เลยต้องควัก Dr.Jill ให้แทน พี่เขารู้สึกอยากชุ่มชื่นมากขึ้น เราก็เลยทาให้อีกรอบนึง ชุ่มชื่นใจแล้วก็ต้องชุ่มชื่นผิวด้วย
ถามว่ารู้สึกยังไงบ้างที่หลายคนอยากเห็นงานแต่งงาน เร่เข้ามาเลยครับ จริงๆ เราดีใจอยู่แล้วที่ทุกคนซัปพอร์ตเราสองคน อย่างที่บอกเลยถ้าเกิดทุกอย่างเรียบร้อยหรืออะไรก็ตาม เดี๋ยวเราอัปเดตแน่นอน ถ้านับจากที่เคยพูดไว้ในวันนั้นก็ปีหน้าเนอะ”
แอฟ : “จริงๆ แค่อยากทำความเข้าใจว่าที่เรากำหนดเวลากันไว้ หมายถึงว่าเราจะได้ข้อสรุปว่าเราจะไปต่อหรือยังไง ไม่ใช่แปลว่าถึงกำหนดแล้วเราจะต้องแต่งเสมอไป เราอาจจะเปลี่ยนรูปแบบในทางอื่นก็ได้ เนื่องจากว่าแอฟรู้สึกว่าเราคบกันแบบโตๆ กันแล้ว เลยไม่อยากไปเรื่อยๆ เราคุยกันได้ไม่ว่ามันจะจบลงด้วยในรูปแบบไหน จะคู่หรือจะเพื่อนหรือจะอะไร เราก็มีเดตไลน์ไว้เพื่อที่เราจะได้มีเป้าหมายในความสัมพันธ์ของเรา ไม่ได้ซีเรียสแค่อยากทำความเข้าใจให้เข้าใจตรงกัน ไม่ใช่ว่า 3 ปีแล้วจะต้องไปถึงแต่ง คือใครๆ ก็อยากเป็นแบบนั้นสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับดีเทล เพราะชีวิตจริงมันก็มีหลายอย่างที่ตกลงร่วมกัน ตอนนี้มันก็ยังโอเคแฮปปี้อยู่”
นนกุล : “แต่ทิศทางในวันนี้มันก็เป็นไปแบบบวกๆๆ ครับ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทางครอบครัวทั้งฝ่ายเราและฝ่ายพี่เขา มันเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้สึกไปในแง่บวก ทีนี้มันก็จะเป็นเรื่องของมุมมองในบางเรื่องที่เราอาจจะยังไม่สะดวกตอบในตอนนี้ ถ้าตอบไปปุ๊บแทนที่มันจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่จะกลายเป็นไปกดดันพี่เขาได้”
แอฟ : “มันก็คงเป็นเรื่องของเป้าหมายชีวิตอะไรแบบนี้ค่ะ อย่างที่บอกว่าโตๆ กันแล้วมันก็ต้องเคลียร์ๆ กันไปเลย”
หลั่งน้ำตาซาบซึ้งใจมากๆ ที่ทุกคนเห็นคุณค่าและซัปพอร์ตตน 2 คน
แอฟ : “ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ แอฟซาบซึ้งใจมากจริงๆ ยิ่งเราอยู่ในวงการนี้มา (น้ำตาไหล) แอฟขอบคุณกับทุกๆ ความเข้าใจและความหวังดีที่ทุกคนมีให้ แอฟก็อยู่ตรงนี้มานาน มีทั้งเรื่องบวกเรื่องลบอะไรมาเรื่อยๆ เราเหมือนโตมากับทุกคน แล้วทุกคนก็ให้พลังงานดีๆ และกำลังใจดีๆ กับแอฟมาตลอด เลยรู้สึกขอบคุณมากๆ”
นนกุล : “เราว่าไม่ใช่แค่คอมเมนต์ตามออนไลน์นะครับ หมายถึงพี่ๆ ที่อยู่ตรงนี้ทุกคนด้วยที่ซัปพอร์ตเราตั้งแต่วันแรกที่ผมพูดถึงความสัมพันธ์ที่มันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง ซึ่งพี่เขาก็บอกเราตลอดว่ารู้สึกดีมากๆ เลยเวลามาสัมภาษณ์แล้วทุกคนซัปพอร์ตเราสองคนแบบนี้ แล้วที่เห็นพี่เขาร้องไห้วันนี้ คือเพราะเป็นเรื่องลบๆ พี่เขาจะเก็บเก่งมาก แต่พอเป็นเรื่องบวกๆ พี่เขาจะแสดงออกมาเลย”
บอกแอฟมีเคอะเขินตอนพูดคำหยาบ
นนกุล : “จริงๆ ที่มาของหนังสั้นเรื่องนี้มันเกิดขึ้นจากที่ว่าเราอยู่กันสองคนแล้วผมก็พูดขึ้นมาเล่นๆ ถ้าเราจะลองกำกับดูพี่จะเล่นให้เราไหม แล้วพี่เขาก็แบบเอาสิ ประกอบกับเราชอบไถดูซีนในยูทิวบ์ที่ตัดมาจากหนังอีกที แล้วเรารู้สึกว่าซีนนี้มันน่าสนุกดีเลยเอาให้พี่เขาดูแล้วก็ถามว่า ถ้าเกิดลองเล่นแบบหยาบๆ ดูเลย พี่โอเคไหม
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะหยาบอะไรมากมายหรอก มันก็ปรับได้ แต่พี่เขาบอกว่าก็น่าสนุกดีอยากลอง เลยตามที่ทุกคนเห็นครับ กว่าจะได้อย่างที่เห็นก็มีการซ้อมกับเราก่อน ซ้อมพูดทุกคำที่ได้ยินในนั้นเลยครับ คือเราไม่เคยเห็นพี่เขาพูดมาก่อน เลยอยากฟังก่อนว่ามันเคอะเขินไหม อย่างบางคำเขาก็ถามว่ามันต้องคำนี้จริงๆ ใช่ไหม เราก็บอกว่าเอาเลยครับพี่ ครั้งแรกที่ได้ยินพี่เขาพูดออกมายอมรับว่าเคอะเขินเหมือนกัน แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไรพูดกับเราช่างมันเถอะ แล้วก็ให้พี่เขาพูดซ้ำไปเรื่อยๆ จนเราเริ่มชินหู”
เรื่องนี้มันไม่ใช่เพราะนนกุล แต่เป็นเพราะตนรักในงานแสดง อยากจะทำงานแสดงที่รักในโอกาสที่ยังมีโอกาสอยู่
แอฟ : “ถามว่าเป็นเพราะนนกุลหรือเปล่าที่ทำให้เราทลายกำแพง ต้องบอกว่าไม่ใช่เพราะนน แต่นนก็มีส่วนในมุมที่งานชิ้นนี้มันอยู่ในมือเขา สุดท้ายถ้าแอฟทำได้หรือไม่ได้ แอฟสามารถคุยกับเขาได้ว่าจะโอเคหรือไม่โอเคในจุดไหน หรือสุดท้ายถ้าแอฟเล่นมันไม่ได้จริงๆ แอฟรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เราเชื่อใจและไว้ใจแล้วกัน แต่ว่าจุดที่ทำให้แอฟเล่นไม่ใช่เป็นเพราะนน เรารักในงานแสดง ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราก็จะได้รับบทในประมาณหนึ่ง มันก็ยังมีอีกหลายแง่มุมที่เราอยากทำงานที่เรารัก ในโอกาสที่เรายังมีโอกาสอยู่ ในบทที่รู้สึกว่ามันท้าทายกับตัวเรา ได้ก้าวข้ามผ่านกำแพงอะไรบางอย่าง มันรู้สึกว่ามันท้าทายแอฟ
แอฟไม่อยากให้ไปโฟกัสแค่เรื่องของคำหยาบคาย โอเคเบื้องต้นตอนเห็นบทด้วยกันครั้งแรก ยอมรับว่าอันนี้มันก็เป็นก้อนอุปสรรคก้อนหนึ่งของเรา การที่ใช้ภาษาแบบนี้มันเป็นความยากสำหรับเรา แล้วก็ยากอีกตรงที่ว่าเล่นไปแล้วต่อให้ตัวเราเชื่อ แต่คนดูไม่รู้ว่าดูแล้วจะเชื่อหรือเปล่า อันนี้ก็เป็นความท้าทายของเรา แต่พอเราได้ไปเวิร์กช็อปเรื่องภาษาเป็นแค่จุดๆ หนึ่งเท่านั้นเอง แต่นอกนั้นคือเรื่องความยากของบท การที่มีอารมณ์หลากหลายในฉากๆ เดียวแค่ 10 นาทีในหลายอารมณ์ ความซับซ้อนของอารมณ์ การถ่ายลองเทกอันนี้มันยากสำหรับแอฟ มันยากเรื่องภาษาค่ะ”
เผยเบื้องหลังละครสั้น คำหยาบไม่ใช่อุปสรรค
แอฟ : “ต้องบอกว่าจนตอนนี้เรื่องของคำพูดหรือเรื่องภาษาไม่ได้เป็นประเด็นหลักของเรา สุดท้ายมันเป็นเรื่องบทมากกว่า แต่ว่ามันก็มีรายละเอียดในนั้นนะคะ ในฐานะที่เราเป็นคุณแม่มีลูกแล้วด้วยก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อันนี้ไม่ได้เผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้อยู่ในฟรีทีวี เราก็ทำเฉพาะช่องออกมาพิเศษ แล้วก็ไม่ได้อยากให้คนมาโฟกัสที่คำพูด คือแอฟทุ่มเทมากจริงๆ กับการแสดงอันนี้ มันยากในการเข้าถึงอารมณ์ ความเข้มข้นของอารมณ์ในเลเวลนั้น มันไม่ใช่แค่คำ เมื่อเราเล่นไปแล้ว ภาษาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เห็นฟีดแบ็กทั้งบวกและลบ ซึ่งขอบคุณมากๆ เลยสำหรับคนที่เห็นคุณค่าในการแสดงและชื่นชมในการที่ได้เห็นเราทลายกำแพงอะไรต่างๆ
บางคนบอกเป็นบุญหูมาก ก็แค่นั้นแหละค่ะ แค่สิบนาทีนั้นค่ะ แต่ก็มีหลายๆ คอมเมนต์ที่เข้ามาบอกว่าเขาเองก็เคยเจอเหตุการณ์นี้ในชีวิต ซึ่งอันนี้มันอาจจะเป็นดีเทลลึกๆ ของแอฟว่ามันก็ยังอยู่ในจุดยืนในระดับหนึ่งของเรา อย่างน้อยในนั้นคือเขาไม่ได้ไปทำร้ายใคร พูดหรือรุนแรงอะไรกับคนอื่น มันคือคู่ชีวิต มันคือพ่อของลูก เขาไม่แม้แต่จะไปแตะผู้หญิงอีกคนนึงด้วยซ้ำ”
เลือกแอฟเล่นเพราะเป็นคนใกล้ตัวที่สุดแล้ว
นนกุล : “เขาเป็นคนใกล้ตัวเราที่สุด สิ่งที่เราอยากให้มันเกิดขึ้น เรารู้ว่าพี่เขาเล่นได้อยู่แล้ว แค่รู้สึกว่าอยากให้พี่เขาได้สนุกกับมัน แต่ด้วยความที่เราเป็นนักแสดง เราก็รู้ประมาณนึงแหละว่า ซีนประมาณไหนมันยากสำหรับนักแสดง โอเคมันอาจจะไม่ได้ใช้มุมกล้องหวือหวา เราก็ไม่ใช่ผู้กำกับที่เก่งอะไร แล้วเราก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องมุมกล้องอะไรขนาดนั้น และสิ่งที่เราโฟกัสในสิ่งที่เราอยากเริ่มทำแล้วกัน คือจะโฟกัสในเรื่องของการแสดงเป็นหลัก นักแสดงมาช่วยให้เราเล่น เราแค่อยากให้เขารู้สึกว่าอย่างน้อยการที่เขามาช่วยเล่นเขาได้ฟูฟีลอะไรบ้างอย่าง แล้วในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง ในส่วนตัวเวลาที่เราได้เล่นลองเทก เรารู้สึกชอบมากเลย เราก็เลยคิดเอาเองว่าถ้าเกิดเอาลองเทกมาให้นักแสดงที่เราชวนมาเล่นเขาก็อาจจะแฮปปี้”
แอฟ : “ทุกวันนี้เวลาไปไหนมาไหน มีคนเข้าขอให้เราพูดคำพวกนั้นให้ฟังสดๆ นะคะ ไม่ได้เชิงว่าพูดให้ฟังหน่อย แต่จะประมาณว่า ช่วยด่าหนูหน่อย แต่พอนอกบทแล้วเราก็คิดไม่ได้ไง”
บอกหากอนาคตนั่งแท่นผู้กำกับ จะดึงแอฟร่วมงานคนแรก
นนกุล : “กี่เปอร์เซ็นต์ในการอยากเป็นผู้กำกับ หนึ่งเปอร์เซ็นต์เอง แค่รู้สึกว่าตัวเราเองก็ยังไม่ได้มั่นใจ สุดท้ายแล้วเราชอบสิ่งนี้จริงๆ ไหม คือจริงๆ ถ้าถามว่ามีเพื่อนทำงานอยู่เบื้องหลังแบบนี้บ้างไหม ก็พอมีแต่เรายังไม่กล้าติดต่อหรือขอความช่วยเหลือ เพราะเราอยากมั่นใจในตัวเองก่อน แบบถ้าเราสมมติบอกให้เพื่อนมาทำหน่อยมาทำด้วยกันแต่สุดท้ายเราไม่ได้ชอบแบบนั้นจะไปบอกว่าไม่เอาแล้วมันดูไม่เหมือนอาชีพ
ในอนาคตถ้ามีโอกาสได้เป็นผู้กำกับเลือกนางเอกคนไหน พี่เขาจะยินดีไหมครับ สุดท้ายเป็นเรื่องความเหมาะสมของบทมากกว่า แต่ถ้าบทดูเหมาะสมหรือดูท้าทายกับพี่เขา แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องเป็นช้อยส์แรกๆ”
แอฟ : “เอาบทแบบคนคาดไม่ถึง แต่ไม่ต้องลองเทกแล้วนะคะ กดดันมาก หลังจากร่วมงานกันมาถามว่าให้คะแนนผู้กำกับคนนี้เท่าไหร่ ให้เต็มค่ะ เดี๋ยวเรื่องหน้าเขาไม่ให้เล่น”
มีความสุขได้ปลดปล่อย ขอบคุณทุกคนที่เห็นคุณค่าในการแสดงของตนว่าทลายกำแพงแล้ว
แอฟ : “แอฟได้ปลดปล่อย อันนี้พูดจากใจจริงเลย ไม่ใช่จะมีสักกี่โปรเจกต์ มันก็คงมีโปรเจกต์นี้ที่เราได้คุยกันจริงๆ ว่าเขาอยากทำประมาณไหน แล้วแอฟอยากทำประมาณไหน มันอาจจะฟังดูธรรมดาแต่สำหรับเรามันมีคุณค่ามากๆ ค่ะ มันมีความสุขมากจริงๆ คือการที่เราได้ทำงานที่เรารักในเวลาที่เรายังมีโอกาสทำอยู่ ในบทที่เรารู้สึกว่ามันมีคุณค่ากับเรามันท้าทายได้แสดงความสามารถเราได้พัฒนา”
