“บุ๋ม ปนัดดา” ลั่นมิจฉาชีพสู้มือ แจ้งความแล้วแต่ยังกระหน่ำยิงแอดโฆษณา ไม่กลัวคนด่า มั่นใจขายแต่ของจริง ยันไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนคนเลวตัดต่อ ลั่นนอกเหนือจากแจ้งความ ก็สาปแช่งเผาพริกเผาเกลือให้มอดไหม้ บอกหลังจากนี้ไม่ให้ใครยืมเงินอีก โอดลูกหนี้แกร่งสมัยนี้แกร่งขึ้น เจ้าหนี้ต้องมาไหว้ขอเงินคืน
“บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” เพิ่งควง “ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต” เดินทางเข้าร้องทุกข์ แจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม กรณีถูกนำภาพ คลิป และเสียงไปใช้กับสินค้าที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำให้คนหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก สูญเงินนับ 20 ล้านบาท ซึ่งภายหลังแจ้งความกลับยังไม่หยุด แถมยังยิงแอดโฆษณาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดบุ๋มออกมาเปิดใจถึงกรณีดังกล่าว หลังมาร่วมงานเปิดตัวครีมทาฝ้า Dr.JiLL ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ รับมิจฉาชีพสู้มือมาก ยิ่งแจ้งความ ยิ่งยิงแอดโฆษณาฉ่ำๆ
“ตอนนี้ยังมีกระหน่ำเหมือนเดิมเลย ทางประเทศนั้นเขาก็สู้มือมากในการตัดต่อคลิปของเรา ซึ่งเชื่อว่าคลิปที่วันนี้ลงกันไปก็คงมีการตัดต่ออีกโดยการเอาครีมสีเขียวๆ ที่ทาส้นเท้าเอามาทาหน้ากัน แล้วก็เอาเสียงของเรา Dr.JiLL ไปใช้ อยากจะประกาศบอกตรงนี้เลยว่าเราเป็นพรีเซ็นเตอร์พวกครีมให้กับ Dr.JiLL เท่านั้น ตัวอื่นไม่เกี่ยวเลย อย่างตัวที่ใช้แล้วดูเวอร์วังอลังการ ใช้แล้วรูขุมขนหายเกลี้ยงตั้งแต่วินาทีแรก คุณขามันดูหลอกลวงขนาดนั้น ถ้าเป็นหน้าฉันก็อย่าไปเชื่อ เดี๋ยวนี้น่ากลัวมามันตัดต่อใช้ AI
ซึ่งเราไม่ได้โดนคนเดียวนะ ดาราคนอื่นโดนเยอะมากเลย รู้สึกเห็นใจมากๆ แต่เราแจ้งความแล้ว เนื่องจากว่าเป็นตัวคลิปที่เขาตัดต่อจากต่างประเทศ แล้วก็ยิ่งโฆษณาเกือบ 200 ตัว มันยิงมากกว่าของเราอีก มันยากมากที่จะสกัดกั้นพูดกันตรงๆ เขาทุ่มเงินเยอะมากเลย หน้าเราคงขายดีจริงๆ แหละ ดังนั้นก็เลยได้แต่แจ้งความ
ต้องบอกไปทางติ๊กต๊อกว่าให้ช่วยสแกนหน่อย อะไรที่ไม่มีคุณภาพอะไรที่หลอกลวงคุณช่วยสแกนมันหน่อย อย่าหลอกลวงประชาชนนักเลยคุณต้องปกป้องประชาชนบ้าง คลิปดีๆ สกัดจังเลย สกัดการมองเห็นจังเราทำอะไรเล่นๆ ไม่มีอะไรเลยก็สกัด แต่ทีของปลอมขายจัง เพราะฉะนั้นคุณช่วยสแกนมันหน่อยคัดกรองคุณภาพตัวเองนิดนึง พูดกับติ๊กต๊อกตรงๆ เลยนะคะ หรือจะเป็นเฟซบุ๊กก็ตามแต่ช่วงหลังเขาก็เข้มขึ้น ในส่วนของการแจ้งความเราก็ยังดำเนินการต่อ เพียงแต่ว่าในส่วนของทาง Dr.JiLL ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ดำเนินการครั้งนี้ก็ให้ทนายเจมส์จัดการเรียบร้อยแล้ว
ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่ค่ะ พอด่าสีเขียวไปสีขาวก็มาใหม่ มันก็ขยันหลอกลวงเหลือเกิน เพราะสั่งไปแล้วกลายเป็นตัวกระปุกเปล่าๆ ที่ส่งมาให้ประชาชน ไม่มีตัวเลขไม่มีฉลากอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นก็อย่าไปเชื่อคนหลอกลวง ไม่กลัวคนมาด่าค่ะ เพราะเรามั่นใจว่าเราขายแต่ของจริง เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราขายของของเราแต่เราโดนคนเลวตัดต่อ ตอนนี้นอกเหนือจากแจ้งความแล้ว เราก็สาปแช่งเผาพริกเผาเกลือได้แต่บอกว่าให้มอดไหม้ไปเลย”
มุ่งทำกิจกรรมการกุศล ลั่นงดยืมเงิน
“ไม่ให้ยืมแล้วค่ะ ขนาดออกข่าวไปแล้วทุกวันนี้ก็ยังมีส่งข้อความมาจะขอยืม ส่งไปให้ดาราหลายคน เราก็เห็นลำบากมาเป็นปีแล้ว บางทีความขี้สงสารของเรามันก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง เวลาที่เราช่วยซื้อของไปกลายเป็นว่าทำให้เขาต้องมาขายของเราเรื่อยๆ แล้วเราก็มองว่าถ้าเขาไม่พยายามจะต่อสู้ดิ้นรน พูดตรงๆ ว่าเขาก็จะกลายเป็นขอทานคนหนึ่ง เราไม่อยากสอนเขาให้เป็นแบบนั้น บางทีไม่ต้องเปลี่ยนที่เขาหรอก เปลี่ยนที่ตัวเรานี่แหละที่เป็นคนใจอ่อน เลยรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ทางเดียวที่ทำได้คือบล็อก พอบล็อกปุ๊บก็เห็นเขาใช้ชีวิตได้
คนอาจจะเห็นว่าเรารวย ถ้าเปรียบเทียบกับนักการเมืองหลายๆ คน ดิฉันไม่ได้รวยนะ แต่ดิฉันรวยน้ำใจ เพราะล่าสุดมีโปรเจกต์ใหม่ขึ้น เมื่อคืนนี้เราตัดสินใจหยุดครัวสดที่หน้าสตง. แต่เราไม่ได้หยุดการแจกอาหารเหมือนเดิม แล้วเราทำอย่างไร เนื่องจากว่าเดือนกว่าที่ผ่านมามีการปิดถนนและหลายๆ พื้นที่ตรงบริเวณของตึกสตง. ทำให้ร้านค้าหลายๆ ร้านไม่สามารถค้าขายได้ เขาได้รับผลกระทบ ทางองค์กรทำดีของเราเลยยินดีที่จะอุดหนุนและสนับสนุนพ่อค้าแม่ขายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้มีรายได้ต่อไป ด้วยการที่เราไปเหมาเขาบ้าง ร้านนั้นบ้างร้านนี้บ้างเพื่อให้มีรายได้หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไป แล้วก็เอามาแจกเจ้าหน้าที่ แต่ต้องเป็นของที่สะอาดและมีคุณภาพ ทำให้เขามีรายได้มีรอยยิ้มกลับคืนมา เราคิดถึงทุกคนรอบด้านก็เลยทำโปรเจกต์ใหม่อันนี้ขึ้นมาเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย อันนี้ก็คือน้ำใจของเราให้กับทุกคน แต่อย่าเอาเปรียบเราเลยเราเป็นคนใจดี”
ไม่ให้ยืมเงินแล้ว หลังเจอปัญหาลูกหนี้ในวงการบันเทิงเบี้ยวหนี้
“คนในวงการตอนนี้ไม่กล้าแล้วค่ะ หลังจากที่เรายกมือไหว้ทวงออกสื่อไป พอทวงก็ได้คืนเลยหลังจากหายไปหลายปี แต่ยังมีคนเบื้องหลังอยู่นะอีกคนนึงอันนั้นไม่เป็นไรเราให้เลย ยอดไม่เยอะค่ะ 20,000 กว่าบาท ไม่เป็นไร แต่ต้องบอกก่อนว่าคนที่ยืมเราไป 5 หมื่นที่พูดออกรายการช่อง 9 เห็นคนอื่นไหว้แล้วได้คืนเราก็เลยไหว้บ้าง แล้วก็ได้จริงๆ
ซึ่งที่เรากระซิบมดดำ (คชาภา ตันเจริญ) เราก็เลยบอกวันนั้นได้เงินแล้ว มดดำก็เลยพูดว่าของเธอยังน้อยไป 50,000 ของคนนึง 60 กว่าล้าน ก็เลยเป็นเรื่องไง เป็นเรื่องของคุณเมย์ (วาสนา อินทะแสง) ไปไง เราเชื่อว่าเขาก็คงเดือดร้อนจริงๆ เพียงแต่ว่าหลังจากเดือดร้อนแล้ว เห็นไปใช้ชีวิตหรูหราไปกินโอมากาเสะก็คืนบ้างเหอะ แล้วก็ไม่ใช่คนที่เป็นข่าวดังๆ ด้วย คนละคนกัน ส่วนคนนั้นที่เป็นข่าวดังๆ ไม่เคยมายืมเงินเรา ไม่ได้อยู่แวดวงเดียวกัน แล้วเราก็ไม่ได้มีให้ยืมมากขนาดนั้นด้วย
ถามว่ารู้สึกยังไงที่ต้องมานั่งยกมือไหว้ขอเงินคืน ในฐานะเจ้าหนี้คนนึงก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน จริงๆ แล้วลูกหนี้ต่างหากที่ควรจะมาขอผ่อนผันกับเราดีๆ แต่ในเมื่อโลกมันเปลี่ยนไป ลูกหนี้แกร่งขึ้น(หัวเราะ) ยังไงก็ตามอยากพูดจากใจของคนที่เคยให้ยืมเงิน ไม่ใช่ว่าเพราะเรารวย แต่เพราะเราเห็นใจเราสามารถช่วยได้ รู้สึกว่าสิ่งนี้คุณจะสามารถหายใจต่อได้
แต่ในเมื่อคุณหายใจต่อได้แล้วควรจะคืนเงิน เพื่อให้คุณได้ต่อลมหายใจต่อไปของคุณได้อีก เพราะไม่แน่อนาคตคุณอาจจะลำบากอีก อย่าตัดช่องน้อยของตัวเองค่ะ แต่ว่าก็อยากจะยืนยันผ่านสื่อตรงนี้เลยว่าดิฉันมีลูกเยอะมากค่ะ อีกอย่างคือต้องทำโปรเจกต์ใหญ่ก็คือมูลนิธิองค์กรทำดี ที่ รังสิต คลอง 8 ไม่มีให้ยืมแล้วค่ะ มีแต่ลงพื้นที่หมดเลย ขอบคุณทุกคนค่ะที่ตั้งใจมายืมเงิน แต่ดิฉันไม่มีให้ยืม”
