“เอ ศุภชัย” เผยพะโล้หม้อเดียวพลิกชีวิต ขายได้วันละล้าน แต่เหลือไม่เยอะเพราะต้นทุนสูง แถมได้ช่วยเหลือชุมชน เอามะยงชิดมาขายสร้างรายได้ 7 หลัก ไม่หวั่นคนมองราคาอาหารแรงสวนทางเศรษฐกิจ บอกคุณภาพ ราคา ปริมาณเหมาะสม ไม่ซีเรียสคอมเมนต์ด่าแรงก็พยายามอ่านแล้วก็นั่งทำใจ ลั่นถ้าไม่ด่าพ่อแม่ก็ไม่ร้องไห้
เรียกว่าไม่หยุดอยู่แค่งานในวงการบันเทิง สำหรับ “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดคนเก่ง ที่งานนี้ขอชิมลางธุรกิจใหม่ล่าสุด เปิดตัวงาน “A fair อร่อยเกรดเอ by A Supachai” มหกรรมรวมร้านอาหารเด็ดร้านดังกว่า 50 ร้าน ที่คัดสรรมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยระดับพรีเมียม งานนี้บอกเลยว่าจัดเต็มสุดๆ ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนถึง 6 พฤษภาคมนี้ ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต
ซึ่งล่าสุดเอได้เผยสาเหตุผันตัวเป็นแม่ค้า เพราะอยากช่วยชาวบ้านให้มีรายได้ และอยากให้คนในวงการบันเทิงมีธุรกิจเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้หลังจากละครซบเซา
“ไม่ต้องห่วงเรื่องราคามีหลากหลาย อย่างก๋วยเตี๋ยวกะเทยของ เจ๊แมน ลัคกี้ ราคาถ้วยละ 29 บาท 4 ถ้วย 100 บาท ราคาที่เห็นแล้วว้าวเป็นกันเอง ส่วนของเราๆ ก็เอามาแบ่งชุดขาย เพื่อที่จะให้ซื้อในราคาที่ตัวเองแตะต้องได้ในวันนี้เป็นข้อพิเศษขึ้นมา
นักแสดงที่มาร่วมในงานนี้ น้องๆ ก็แฮปปี้ จริงๆ แล้วคนที่มาวันนี้ก็คือเหมือนเราดูแลกันมา เราดูแลเขาไป เขาดูแลเรากลับ อย่างวันนี้วันของเราเขามาดูแลเรา ก็รู้สึกมีความสุขมาก เราไม่มีงานที่เจอน้องๆ ในสังกัดหรือว่าน้องๆ ที่เป็นเพื่อนกันในวงการนานแล้ว แต่เวลามีงาน A fair มันตื่นเต้นเมื่อคืนนอนไม่หลับเลย วันนี้ได้เจอ มิกค์ ทองระย้า, ตั๊กแตน ชลดา, เด่นคุณ งามเนตร ได้เจอเยอะไปหมดเลยเพราะว่าทุกวันนี้มันไม่มีละครหรือว่าคอนเสิร์ตอะไรเหมือนเมื่อก่อนที่เราได้เจอตามเมืองทอง ตามงานต่างๆ เวลามาวันนี้ได้เจอทุกคนก็รู้สึกมีความสุข”
เผยวงการบันเทิงซบเซา จนต้องหันมาสร้างอาชีพอื่นแทน
“เงียบมากเลย เราไม่รู้จะเจอน้องๆ ในสังกัดด้วยวิธีไหน เพราะว่าช่วงนี้มันไม่มีละคร ก็นอกจากจัดงานแฟร์ให้มาเจอ ถามว่าขายงานยากกว่าเดิมไหม จริงๆ สำหรับงานตัวเองไม่ยาก แต่อันนี้มีงานเพราะเราเป็นแม่ค้า เราขายของไงเราไม่ได้เล่นละคร แต่สำหรับคนที่เขาทำอาชีพเล่นละครอย่างเดียว นักแสดงอย่างเดียวตอนนี้มันน้อยลง เราก็ต้องพยายามหาคอนเทนต์อื่นเพื่อให้มันมีแบบว่าให้เราได้เจอกัน ให้เราได้มีวิธีว่ามีการเงินเกิดขึ้น พูดตรงๆ ว่าให้มีธุรกิจเกิดขึ้นคือสตาร์ทอัปนั่นแหละพูดง่ายๆ คือเราสตาร์ทอัปในการปั้นเด็กแล้ว ตอนนี้เราก็ต้องคิดเยอะขึ้นว่าเราสตาร์ทอัปอะไรที่ทำให้ทุกคนอยู่ได้มีความสุขแล้วเห็นหน้าเห็นกันไปเรื่อยๆ
เรารู้สึกว่าตอนยุคที่ทีวีถ่ายวิดีโอ มันสนุกกว่านี้อีก แต่ทำไมตอนนี้มันดูซบเซาลง เมื่อก่อนตอนวิดีโอที่เราดูภาพไม่ต้องชัด ทำไมธุรกิจมันดูขับเคลื่อนไปได้ แต่ทำไมตอนนี้มันถึงไม่เหมือนเดิม ก็เลยต้องหาช่องทางอื่นด้วย (น้องๆ มาปรึกษา?) ไม่ต้องปรึกษาหรอก คือเรามองตาเราก็รู้ใจว่าเราต้องทำอะไรอยู่ตอนนี้อย่างนี้ ต้องทำอะไรบ้างให้กับคนที่รักเราแล้วเรารักเขาแค่นี้เลย”
จากพะโล้หม้อเดียวทำชีวิตเปลี่ยน รายได้ทะลุล้านต่อวัน
“จริงๆ เปลี่ยนในวงการอาหารดีกว่า เราก็อยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว แต่พะโล้หม้อนั้นมันทำให้วงการอาหารทั้ง LINE man หรือทุกๆ คน มองเรามากขึ้น ได้ยินเสียงเราดังขึ้น จากเมื่อก่อนที่เราพูดเรื่องอาหารคนอาจจะฟังแค่เสียง แต่พูดเรื่องดาราคนอาจจะฟังร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เหมือนเวลาพูดเรื่องอาหารคนก็ฟังมากขึ้น แล้วเราก็ได้ช่วยเหลือชุมชนมากขึ้น อย่างโปรเจกต์มะยงชิดเราขายได้ 7 หลักเลย ซึ่งมหาศาลมากสำหรับการขายมะยงชิด
ซึ่งการที่ขายได้เยอะเพราะว่าเราเอาชาวบ้านมาเอ็กซ์กับ Rolling Pinn ทำให้คนที่มีกำลังซื้อที่อยู่ในกรุงเทพฯ ซื้อโปรดักส์ตัวนี้ แล้วตอนนี้ออกมะม่วง chocogems อีก ก็เลยได้ช่วยเหลือชุมชนชาวบ้านที่เป็นชาวสวนด้วย เพิ่มมูลค่าด้วย ซึ่งเราว่าปัญหาตอนนี้ที่เกิดขึ้นคือเกษตรกรก็มาทำแบบนี้ไม่เป็น แล้วคนทำแบบนี้เป็นก็ปลูกพืชไม่เป็น เราเลยเป็นคนกลางที่ทำให้สองคนนี้มาเจอกันได้ ทุกคนก็มาเจอในงานเอแฟร์ได้
ส่วนขายพะโล้ได้วันละเป็นล้าน ตอนนั้นขายได้เยอะจริง แต่ก็เหลือไม่เยอะเพราะว่าเราต้นทุนสูง เพราะเราใส่หมูก็ใส่หมูแบบดีมากแพง ไข่ก็ใหญ่มากแถมเครื่องเทศเต็มมาก ถึงขายดียังไงก็ไม่เหลือเยอะ ถามแม่ค้าดูได้เวลาการทำกับข้าว โดยการชิมไม่ได้ตวงมันจะไม่ค่อยเหลืออะไรเพราะว่าความอร่อยมันอยู่ที่ลิ้นปากเรา เราใส่จนอร่อยใส่ไปเรื่อยๆ”
เผยคนมองราคาอาหารแรงสวนทางเศรษฐกิจ แต่ตนมองว่าทั้งคุณภาพ ราคา ปริมาณมันเหมาะสม
“เราว่ามันสมราคามากกว่า คือพะโล้เราคำนวณแล้ว เราเหลือไม่เยอะเลย ไม่ได้คุ้มกับการทำเท่าไหร่เลย แต่คนกินรู้สึกกินแล้วกินอีก ทุกวันนี้พะโล้ก็เลยเป็นจุดสตาร์ทอัปของครัวบ้านเอ เราก็เลยเอาพะโล้เป็นจุดนำทาง ก็เหมือนที่เราปั้นนักแสดงคนนึง วันหนึ่งมีซุป’ตาร์แล้วต่อไปเราปั้นตัวอื่นเหมือนกับให้คู่กับซุป’ตาร์มันก็ไม่ยาก
ถ้าคนไปพิจารณาเขาจะดูว่าความเหมาะสมเป็นยังไง คือทุกอย่างมันเหมาะสมคุณภาพกับราคาและปริมาณมันเหมาะสมทุกคนก็เลยอุดหนุนกันถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ก็ทำมีอาณาจักรครัวบ้านเอแล้ว แล้วเดี๋ยวอาณาจักรเอแฟร์จะทำทุกที่ในประเทศนี้ เดี๋ยวจะไปต่างจังหวัดด้วย เพื่อที่จะได้ตามหาคนแต่ละจุดแต่ละแหล่ง จะได้เอาสินค้าที่เป็นสินค้าท้องถิ่นมาอยู่ในเอแฟร์ด้วย แล้วทุกคนก็สามารถไปจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมีความสุข”
แนะเวลาดูคอนเทนต์ตนอย่าคิดมาก ไม่ต้องซีเรียส คอมเมนต์มาแรงๆ ปล่อยผ่าน
“คือเราเบื่อเสียงฉับๆ เราก็เลยเอาเสียงเอฟเฟกต์กรอบๆ มาใส่บ้าง เพราะเวลาเรากินฉับๆ แล้วคนบอกไม่สุภาพ เวลาเรากินก็คนบอกทำไมมันกรอบเหมือนเคี้ยวกระเบื้อง แต่จริงๆ มันเป็นลูกเล่นให้ทุกคนยิ้มไปด้วย เวลาดูคอนเทนต์เราอย่าคิดมากนะคะ ให้หัวเราะไปอย่างเดียวแล้วคิดว่าคนเล่นคอนเทนต์บ้าๆ บอๆ พอค่ะ ไม่ต้องซีเรียสเล่นเอาสนุกไปด้วยกัน บางคนก็คอนเมนต์มาแรงๆ เราก็พยายามอ่านและก็นั่งทำใจ ถ้าไม่ด่าพ่อล้อแม่ก็จะไม่ค่อยร้องไห้ (เขาด่าแรงๆ ปล่อยผ่าน?) ก็เหมือนกับปล่อยผ่าน ไม่เป็นไรหรอกค่ะให้เขามีอะไรได้เล่นได้คุย”
