xs
xsm
sm
md
lg

“เก่ง ธชย” ถูกหามส่งรพ.กลางดึก ชักเกร็ง มือหงิก ปากเบี้ยว คิดว่าจะตุย โทร.บอกลาทุกคน! (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เก่ง ธชย” เล่านาทีวูบ ชักเกร็ง มือหงิก ปากเบี้ยว แพนิกหวั่นร้องเพลงไม่ได้อีก โทร.บอกลาทุกคนคิดว่าคงไม่รอด หมอบอกพักผ่อนน้อย กินอาหารไม่ดี เสียน้ำมากเกินไป แต่อีกใจก็คิดว่าอาจโดนของหรือเปล่า


ทำเอาแฟนเพลงเป็นห่วงอย่างมาก จากที่ก่อนหน้านี้มีภาพของนักร้องหนุ่ม “เก่ง ธชย ประทุมวรรณ” ถูกหามส่งโรงพยาบาลกลางดึก ด้วยอาการชักเกร็ง มือหงิก ปากเบี้ยว ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้มาร่วมงาน The Knot 4 Cultures X Siam Fantasy : Final Round ณ สยามแฟนตาซี เอเชียทีค โกดัง 4 ก็ได้เผยถึงสาเหตุของอาการว่าเกิดจากการพักผ่อนน้อยและขาดน้ำ

“เกิดจากการทำงานพักผ่อนน้อยครับ แล้วมันสะสมในช่วงสงกรานต์ที่มีทั้งงานที่เป็นคอนเสิร์ตและงานที่ต้องส่งลูกค้า เราต้องส่งงานให้ทันลูกค้าด้วย พอเป็นช่วงวันหยุดและมีงานสต็อกเยอะ ร่างกายก็เลยแอ็กชั่นครับ แต่อาการวันนั้นน่ากลัวมากครับ มันจะวูบ จริงๆ เก่งเคยวูบ 2 ครั้งในชีวิต ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่น่ากลัวมากๆ ปกติเราหน้ามืดพอวูบปุ๊บก็จะไปเลยใช่ไหม

แต่ครั้งนี้มันดึกมากแล้ว และเรารู้สึกว่าวันนั้นมันค่อนข้างจะเหนื่อย พอเหมือนจะวูบก็ขึ้นไปพักบนห้อง แต่นอนพักแล้วมันไม่หาย มันค่อยๆ ชาหน้าอก แล้วก็เริ่มเกร็ง และที่น่ากลัวที่สุดคือมีอาการปากเบี้ยว ทำให้เรายิ่งแพนิก เพราะพอมือมันหงิกเราก็ยิ่งคิดไปไกลว่าจะกลับมาเล่นดนตรีได้ไหม ปากจะร้องเพลงได้ไหม แล้วพอเป็นช่วงเมษายนเราก็กังวลเรื่องสโตรก เราก็คิดไปไกลว่ามันจะกลับมาไม่ได้ น้องชายก็พยายามบอกเราว่าอย่าหลับตาๆ (หัวเราะ)

แล้วผมโทร.ลาทุกคนเลยว่าอาจจะไปแล้วนะ กังวลมากครับ แม่ก็ตกใจ พอถึงโรงพยาบาลเขาก็ช่วยได้ทันครับ มีอาเจียนบนรถด้วย หมอวินิจฉัยว่าเกิดจากอาการเสียน้ำครับ แล้วก็แอ็กชั่นจากอาหารที่เราทานครับ จริงๆ ค่าไตค่อนข้างสูง เพราะผมเป็นคนชอบทานอาหารรสจัด ตอนนี้จริงๆ คุณหมอก็ให้พักก่อนสัก 1 อาทิตย์ก็กำลังดีแต่ผมออกมาแล้วครับ งานมันต้องทำ ก็ไม่ได้อยากโหมงานหนัก แต่มันมีบางอย่างที่เราละทิ้งไม่ได้ครับ ต้องขอบคุณทุกคนเพราะทุกคนเป็นห่วงผมมาก ผมออกมาไปไหนก็แล้วแต่มีแต่คนถามว่าหายแล้วเหรอ”

ยอมรับแอบกังวลว่าอาจจะโดนของหรือเปล่า
“ถามว่าเชื่อเรื่องโดนของไหม ก็สามารถคิดได้ ก็ต้องมีคิดบ้าง เพราะวินาทีที่เราจะเป็นจะตายมันจะไม่ได้คิดว่าแค่เรื่องสุขภาพอย่างเดียว 90% ผมว่าน่าจะคิดเหมือนกันคือบุญที่ลูกเคยทำ เพราะวินาทีนั้นเราไม่รู้ว่าจะเป็นจะตาย มันต้องคิดถึงสิ่งที่เราจับต้องไม่ได้ คิดถึงสิ่งที่เรานับถือ ครูบาอาจารย์ต่างๆ แม้กระทั่งอาจารย์เชียง ผมก็โทร.บอกว่าผมจะไปแล้วนะ สวดมนต์ให้ผมหน่อย ก็เลยมีแว็บนึงที่เรารู้สึกเหมือนกันว่าหรือมันจะเป็นอิทธิฤทธิ์ของข่าวที่เราเคยเจอ (หัวเราะ) แต่คิดว่าไม่หรอกครับ ท้ายที่สุดเราก็เชื่อว่าอยู่ที่การใช้ชีวิตแหละครับ เพราะวิทยาศาสตร์ก็ตอบโจทย์อยู่แล้วว่ามันเกิดจากอาหารและการพักผ่อนต่างๆ”













กำลังโหลดความคิดเห็น