xs
xsm
sm
md
lg

อยู่วงการ 14 ปี แต่เพิ่งแจ้งเกิด! “แก๊ป ธนเวทย์” ได้คำตอบการมีชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมกับศพใน “สุสานคนเป็น 2025”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แก๊ป ธนเวทย์” เผย “ชีพ” สามีคุณนายลั่นทม ในภาพยนตร์เรื่องสุสานคนเป็น แตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิมโดยสิ้นเชิง เน้นถ่ายทอดความรักที่ซับซ้อนที่ชีพมีต่อคุณนายลั่นทม และชีวิตที่ต้องอยู่กับศพ แม้จะแสดงละครมา 14 ปีแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะแจ้งเกิดจากสืบสันดาน ทั้งที่คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสสุดท้าย อยากทำงานการแสดงเป็นงานหลัก 100% แต่รายได้ผลักให้เป็นงานเสริม

เข้าฉายวันแรกก็ทำรายได้ทะลุ 9 ล้านแล้วสำหรับ ภาพยนตร์ “สุสานคนเป็น” ละครผีอมตะ ที่ครั้งนี้ถูกรีเมกในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ จากค่าย เอ็ม สตูดิโอ, โกลบอล อิงค์ สตูดิโอส์ และ ช่อง 7HD ที่ปลุกผี โดยตัวหลักของเรื่องอย่าง “ชีพ” สามีของคุณนายลั่นทม ในเวอร์ชั่นนี้รับบทโดย “แก๊ป ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล” หากใครยังลังเลและสงสัยว่าสุสานคนเป็นในเวอร์ชั่น 2025 แตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิมมากไหม แก๊ปจะเล่าให้ฟัง

“ตอนแรกมีความกดดัน ด้วยความที่เราเล่นต่อเนื่องมากจากสืบสันดานด้วย คิดว่าคงจะมีความคาดหวังของคน และด้วยความที่มันเป็นรีเมกคนจะเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเดิมอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่อยากบอกคือพอมันเป็นเวอร์ชั่นหนัง มันก็ไม่ได้เหมือนกับละคร 100% ขนาดนั้น บทก็มีความแตกต่าง มีการเปลี่ยนในแง่ของวิธีการเล่า การตัดต่อ เพราะพอเป็นหนังมันก็จะต้องกระชับที่จะเล่า

โดยเรื่องนี้เซ็ตติ้งจะเป็นย้อนยุค ประมาณยุค 80-90 สิ่งหนึ่งที่ทางทีมผลิตตั้งใจอยากให้เป็นคือการสื่อสารกับคนสมัยใหม่ ในตัวหนัง มันมีวิธีการเล่า วิธีการแสดงอีกสเต็ปนึง เราก็จะต้องทำการบ้านตรงนี้ ตัวละครจะไม่ได้คิดอยู่บนพื้นฐานการแสดงแบบเดิมๆ อาจจะต้องคิดแบบเรียลขึ้น เป็นเหตุเป็นผลมากขึ้นว่าทำสิ่งนั้นเพื่ออะไรด้วยเหตุใด”

“ชีพ” ในเวอร์ชั่น 2025 แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ โดยสิ้นเชิง
“เวอร์ชั่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชั่นเดิมพอสมควร ชีพที่ผมไปแคสติ้ง จะมีความแพรวพราว เจ้าชู้ คล้ายๆ เดิมแล้ว แต่พอมันถูกพัฒนาต่อไปจะถูกตัดเรื่องพวกนั้นออกไป ค่อนข้างจะมีความปกติ นิ่งๆ เป็นศิลปินวาดภาพ ได้มาพบเจอกับคุณลั่นทม ก็มีความรักกัน วันนึงก็เจอกับรสสุคนธ์ ซึ่งเป็นเด็กสาวใหม่ที่เข้ามาในออฟฟิศ ชีพก็เผลอใจไปรักรสสุคนธ์ มันเป็นรูปแบบของความสัมพันธ์ที่เราเห็นได้ทั่วๆ ไป คืออยู่กับคนๆ นึงมายาวนาน มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกันมากเท่าไหร่แล้ว ถูกกดดันจากสายตาคนรอบข้าง เราไม่ได้เติบโตมาเป็นคนร่ำรวย พอมาอยู่กับคนๆ หนึ่งที่เป็นเศรษฐีนี มันเหมือนเราตกถังข้าวสาร ศักดิ์ศรีเราอยู่ตรงไหน มันมีแรงกดดันมากพอที่คนๆ หนึ่งจะเผลอใจไปได้ จุดพวกนี้เป็นจุดที่เอามาใส่ในตัวละคร ตรงนี้มันจะนำไปสู่อะไร เลยจะไม่เหมือนชีพจากที่เคยดูกันมา มันเป็นมิติใหม่ๆ ของตัวละคร ก็เป็นสิ่งที่ผมต้องทำการบ้านในตรงนี้”

ผ่านการเคสติ้งหลายรอบจนได้เป็น “ชีพ” ใน “สุสานคนเป็น”
“ผมแคสมาหลายรอบนะครับ กว่าที่ทีมสร้างจะเลือกเป็นผม ซึ่งผมชอบวิธีการคัดเลือกนักแสดงด้วยการแคสติ้ง ผมว่ามันเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่จะได้ตัวละครที่ตรงคาแรกเตอร์ ตัวผมตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าเราจะเป็นชีพได้ ผมคิดว่าชีพอาจจะต้องเป็นนักแสดงที่เบอร์ใหญ่กว่าผมหรือเปล่า ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมจะได้ แต่ผมก็อยากจะลองไปแคสดู อีกอย่างก็เป็นทีมงานสืบสันดาน ทีมที่เราคุ้นเคย

ตอนแคสผมก็เต็มที่มากๆ ในการถ่ายทอดอารมณ์ในซีนสำคัญ ในซีนที่ผมทำได้ไม่ดีคือการเป็นคนเจ้าชู้ แพรวพราวของชีพ ผมรู้ตัวว่าผมไม่ใช่สายตรงนั้น ผมทำไม่ถึง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คนติดภาพชีพในเวอร์ชั่นเดิม ในเวอร์ชั่นนี้ชีพจะเป็นคนปกติธรรมดาที่มีความรัก โลภ โกรธ หลง ก็หวังว่าคนจะรู้สึกดีกับชีพในเวอร์ชั่นนี้ เพราะเวอร์ชั่นที่ผ่านมาทราบว่าคนรุมสาป ก็ไม่รู้ว่าเวอร์ชั่นนี้คนจะสาปชีพอีกไหม อาจจะสาปก็ได้”

สุสานคนเป็นเวอร์ชั่นนี้เน้นถ่ายทอดความรักที่ซับซ้อนที่ “ชีพ” มีต่อ “คุณนายลั่นทม”
“ตอนผมถ่ายผมก็ตั้งคำถามนี้ เวลาที่เราโดนจับไปอยู่กับศพในบ้านกับผู้หญิงอีกคน อยู่กัน 3 คนภายใต้เงื่อนไขนี้สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้คืออะไร ถ่ายเสร็จแล้วตัวผมก็ยังไม่มีคำตอบชัดเจน มันเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องไปหาคำตอบกันในหนัง อย่างหนึ่งเลยผมว่าเราจะได้เห็นรายละเอียดของความสัมพันธ์ คนที่เราเคยรักพอเขาจากไปแล้วเราคิดอะไรถึงเขาบ้าง แล้วกับคนที่เราเพิ่งมาเจอในระยะเวลาสั้นๆ พอได้อยู่กับเขานานๆ มันเป็นอย่างนั้น มันจะมีก้อนตรงนี้สะท้อน บอกเรากับเรา บางทีสิ่งที่เราเห็นมันอาจจะเป็นสิ่งที่เรามโน เวลาที่เราไปอยู่ในความรักมากๆ มันก็มีอะไรมาบังตาเราเหมือนกัน

ทุกวันนี้เราไม่ต้องอยู่กับศพก็ได้ แต่ข่าวที่เราเห็นข่าวว่าการที่คนๆ หนึ่งมีความสัมพันธ์ที่ซ้อนกับใครสักคนหนึ่ง มันคือความทุกข์ สุสานคนเป็นสำหรับผม มันเหมือนคุณยังคือคนเป็นๆ อยู่ แต่เหมือนคุณเป็นคนตาย ความรู้สึกอะไรประมาณนี้ผมพยายามจะสะท้อนมันออกมา สุดท้ายแล้วเราจะซื่อตรงกับความรักหรือไม่ซื่อตรงกับความรัก แล้วผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง ทุกวันนี้เราเห็นข่าวคราวลักษณะนี้กันเยอะ สุสานคนเป็นก็จะสะท้อนในบางมุมได้

สำหรับชีพมาถึงจุดนึง เขาก็ได้ค้นพบว่าการอยู่กับศพเป็นเวลานานมากมันกลายเป็นเรื่องที่ดี ความรักเดิมของเขาก็มีสิ่งที่ดีอยู่ หรือที่ผ่านมาเราพลาดอะไรไปหรือเปล่า เราเดินมาอีกทางนึงแล้ว แต่อยู่ๆ เราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตรงนี้มันใช่ทางที่ถูกต้องหรือเปล่า มันเป็นมุมมองที่แปลก มันคือความรักที่ชีพมีต่อคุณนายลั่นทม”

แม้จะแสดงละครมา 14 ปีแล้ว แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะแจ้งเกิดในเรื่อง “สืบสันดาน” ทั้งๆ ที่คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่คงจะได้เล่น
ต้องยอมรับว่าแม้ผมจะอยู่กับการแสดงมานานแล้ว 14 ปีได้ แต่สืบสันดานกลับเหมือนเป็นใบเบิกทางสำหรับผมในอาชีพนี้ที่เหมือนผมได้แจ้งเกิด คนได้รู้จักผมอย่างชัดเจน เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์สำหรับผมมากๆ ตอนรับสืบสันดานผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับผมแล้ว เพราะเราก็ผันตัวเองไปเป็นยูทูปเบอร์แล้วด้วย แต่กลับกลายเป็นเรื่องแจ้งเกิดให้กับผมในวัย 42 ปี ก็เรียกว่าแก่แล้ว ก็ดีใจมาก มันทำให้ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราชอบการแสดง ยังอยากจะได้เล่นในบทบาทใหม่ๆ เรายังไม่ได้มีประสบการณ์ที่พอเพียงเท่าไหร่ในอาชีพนักแสดงเท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณโพลีพลัส ต้นสังกัดเก่าผมด้วยที่ให้วิชาผมมา

ผมก็พยายามจะหาบทที่ท้าทายตัวเองต่อไป เหมือนสแตนดาร์ดเราสูงขึ้นแล้ว มันก็จะมีความกดดันและเต็มไปด้วยอะไรหลายๆ อย่าง มันคิดเยอะขึ้น ปัจจุบันในงานการแสดงมันก็เปลี่ยนไปเยอะด้วย ผมว่าแต่ละคนไปทำการแสดง มีมุมมองในการแสดงที่แปลกใหม่ มองลึกขึ้น พยายามจะถ่ายทอดตัวละครให้มันสมบูรณ์ขึ้นมากๆ มันหมายถึงการทำการบ้าน การไปแคสติ้ง การเวิร์กช็อป ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยยกระดับวงการเราให้ขึ้นไปอีกด้วย”

อยากทำงานการแสดงเป็นงานหลัก 100% แต่รายได้ผลักให้เป็นงานเสริม
ใจผมให้น้ำหนักกับอาชีพการแสดง 100% เลยครับ ผมจริงจังมาตลอด แต่ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่มีพื้นที่มากพอ แต่ผมก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ทุกครั้งที่ได้รับงาน ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลย ด้วยเศรษฐกิจอาชีพการแสดงไม่ได้การันตีว่าเราจะทำแค่อาชีพนี้อย่างเดียวได้ 100% ก็เลยต้องมีอาชีพเสริม ทำยูทิวบ์ ทำธุรกิจของตัวเอง แม้มันจะไม่ได้เป็นรายได้หลักให้กับผม แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะทิ้งอาชีพนี้เลย คนอาจจะเห็นว่าผมมีช่วงที่หายไป แต่จริงๆ ผมทำอาชีพนี้มาตลอด อาจจะเป็นรับเชิญคนเลยไม่ค่อยสังเกตกัน ถ้าถามในเรา ถ้าเราสามารถเลี้ยงชีพอยู่ได้ด้วยการแสดง 100% ผมอยากอยู่ 100% อยู่แล้ว ในเมื่อมันไม่ได้ เราก็ต้องหาทางบาลานซ์มัน ผมค่อนข้างชัดเจน ถ้าผมต้องถ่ายผมจะเคลียร์คิวให้ละคร ผมจะรับงานอย่างอื่นน้อยลงเลย ผมจะเทให้การแสดงเต็มที่

ถ้าจะมองจริงๆ ใจผมก็ทุ่มให้การแสดงเป็นหลัก ส่วนอื่นก็เป็นรอง ถ้าความเป็นจริง รายได้หลักของเราก็คือธุรกิจ การแสดงคือเสริม ตอนนี้นักแสดงทุกคนก็ใช้ชีวิตกันแบบนี้ เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงในแวดวงมากๆ ที่เราไม่สามารถอยู่ได้เพียงทำอาชีพนักแสดงอย่างเดียว”

































กำลังโหลดความคิดเห็น