“นุ่น วรนุช” ปลุกชีพผีสวย คุณนายลั่นทม เวอร์ชั่น 2025 แพสชั่นที่ทำให้รับเล่นภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ในชีวิต คืออยากนอนในโลงแก้ว สปอยน่ากลัวไม่แพ้เวอร์ชั่นอื่น คนดูได้ภาพจำใหม่ๆ ของคุณนายลั่นทม พร้อมเล่าถึงความเป็นผู้หญิงในแบบ นุ่น วรนุช ที่หลายคนเปรียบไว้เหมือนเบญจกัลยาณี แห่งยุค
ทำแฟนละครไทยกรี๊ดด้วยความดีใจกับการที่จะได้ดูละครผีในตำนาน “สุสานคนเป็น” ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์เรื่องล่าสุด จาก เอ็ม สตูดิโอ, โกลบอล อิงค์ สตูดิโอส์ และ ช่อง 7HD ที่ปลุกผี “คุณนายลั่นทม” คืนชีพ รับบทโดย “นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี” ที่จะมาเป็นคุณนายลั่นทมในเวอร์ชั่น 2025 ซึ่งนุ่นออกมาตั้งแต่เริ่มที่จะบอกเล่าความเป็นคุณนายลั่นทมในเวอร์ชั่นนี้คือผีที่สวย
“คุณนายลั่นทมเวอร์ชั่นนี้เป็นผีที่สวย นุ่นว่าเขาไม่ได้ทิ้งความเป็นคุณนายลั่นทมเดิมหรอก เพราะว่าครอบครัวที่เขาคาดหวังกับชีวิตคู่ที่จะมีความสุข เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนต้องการความรักและอยากได้ความรักที่สมหวัง คุณนายลั่นทมเขามีความรัก ซึ่งมันหนักสำหรับเขาเหมือนกัน เพราะว่าเขาสูญเสียสามีไปแล้วครั้งนึงและการที่เขาจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนหนึ่ง คาดหวังอยู่แล้ว แล้วพอรู้ว่าชีพไม่ได้รักเราคนเดียว เขามีคนอื่นอีก เราก็พยายามให้โอกาสแล้ว
แล้วเขาต้องมาเสียชีวิตด้วยโรคประหลาด มันก็เลยมีพินัยกรรมไว้ว่าจะต้องเก็บศพเราอยู่ในโลงแก้วให้ไว้ได้ 100 วัน แล้วก็ดูแลเป็นอย่างดี และถ้าเลย 100 วันทรัพย์สมบัติก็จะเป็นของเขา แก่นเรื่องหลักยังเหมือนเดิม แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน
ถ้าถามว่าสุสานคนเป็นคืออะไร ทุกคนรู้อยู่แล้ว สุสานคนเป็นก็ยังคือสุสานคนเป็น แต่ว่าเราจะเล่าในมุมภาพยนตร์จะเป็นยังไง เวอร์ชั่นนี้ก็จะเล่าตั้งแต่คุณนายลั่นทมยังเป็นเด็ก สมัย พ.ศ. 2535 ความยากของนุ่นก็คือบางทีก็ต้องเล่นคนเดียว ต้องเล่นกับกล้อง บางอย่างมันก็ต้องมีภาพในหัวว่าจะต้องเป็นประมาณไหน ในแบบที่รู้สึกว่าเราก็ต้องเปลี่ยนข้างในตัวเราให้ได้เยอะๆ เพื่อให้ถ่ายทำมันง่ายที่สุด พร้อมที่สุด”
แม้จะถูกมองว่าเป็นผีมาอย่างโชกโชน แต่สำหรับ “นุ่น วรนุช” กลับรู้สึกว่าไม่ขนาดนั้น โดย “สุสานคนเป็น” เวอร์ชั่นนี้จะได้ภาพจำใหม่ๆ ของคุณนายลั่นทมไปแน่นอน
“หลายคนบอกว่านุ่นเป็นคนที่เล่นบทผีมาอย่างโชกโชน แต่สำหรับนุ่นก็ไม่ขนาดนั้น ถึงแม้จะมีโอกาสได้เล่นหลายบทบาท ในลักษณะของผี แต่ว่ามันแตกต่างกันทุกเรื่องแล้วก็ต้องใหม่หมด ใหม่สำหรับนุ่นทุกอันเลยแล้วเราก็ต้องมาเรียนรู้ด้วย ด้วยคาแรกเตอร์ด้วย ด้วยวิธีการต่างๆ ก็ไม่เคยเล่นแบบนี้เหมือนกัน ก็ต้องลองดู ทั้งเทคนิคและการเล่าเรื่อง
เอาจริงๆ สุสานคนเป็นเวอร์ชั่นก่อนนุ่นไม่ได้ดู ทุกคนจะบอกว่าน่ากลัว แต่สุสานคนเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็น่ากลัวอยู่ ทุกคนจะได้ภาพจำใหม่ๆ กลับไปแน่นอน โลงแก้วเวอร์ชั่นนี้ก็สวยไม่แพ้เวอร์ชั่นเก่า”
อยู่วงการมาเกือบ 30 ปี แต่ภาพยนตร์สุสานคนเป็น เป็นหนังเรื่องที่ 3 ในชีวิตการแสดง
“เรื่องที่ 3 เอง ติดต่อมาสิคะ จริงๆ ก็มีอยู่ แต่อาจจะด้วยความเหมาะสมว่าเราเล่นอันนี้ได้ไหมจังหวะเวลาได้หรือเปล่า ถ้าเราติดงานอื่นเราก็ไม่สามารถเล่นได้ นุ่นหายไปจากหนัง 18 ปีเลยนะ ถึงจะมาเป็นเรื่องสุสานคนเป็น ระหว่าง 18 ปีที่ผ่านมามันก็อยู่ที่เรื่องราวว่าอันนี้เหมาะกับเราไหม อันนี้ไม่เหมาะ ก็ต่างคนต่างเลือก หนังก็อาจจะไม่เลือกเรา เราก็อาจจะไม่ได้เลือกหนัง หรือความลงตัวมันไม่ลงตัวกัน ก็จะมีเรื่องที่เราต้องชอบด้วย พออ่านก็จะเห็นภาพ
เหตุผลที่นุ่นจะตัดสินใจรับสักเรื่องนึงอย่างแรกเราอ่านแล้วเราอยากเล่นเรื่องนี้ เราจะเห็นภาพ เราเป็นยังไง อย่างเรื่องนี้คืออยากเห็นภาพโปสเตอร์ตัวเองตอนนอนอยู่โลงแก้ว ทุกคนรอบข้างเชียร์กันหมดเลย เพราะเขาบอกว่าเขาชอบละครเรื่องนี้กัน (น่ากลัวมาก?) สวยจะตาย”
ไม่กลัวผี เพื่อนน่ากลัวกว่าผี
“ไม่กลัวเลย พูดเสมอเพื่อนน่ากลัวกว่าผี อันนี้คือคุยเล่นๆ กัน ก็เคยมีโมเมนต์แบบว่าบางทีสิ่งที่เรามองไม่เห็นเราจะชอบคิดไปก่อน นุ่นก็อยากดูตัวเองเหมือนกัน บางฉากที่เราเห็นในจอเล็กๆ พอไปอยู่ในจอใหญ่จะเป็นยังไง มาดูกันเยอะๆ นะคะ จะไหว้พระทุกวัน 24 เมษายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์”
กับตำแหน่ง ออนนี่แห่งชาติ เบญจกัลยาณี แห่งยุค
“เมื่อก่อนไม่มีเวลาทำอะไรเลย ทำงานอย่างเดียว ทำงานๆ แต่ว่าตอนนี้ก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ นุ่นว่าเป็นอะไรที่ดีนะ เพราะรู้สึกว่าในโลกนี้มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ ในประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ไม่สามารถเอามาใช้ตลอดทั้งหมด เราก็ต้องมีประสบการณ์ใหม่ๆ หาความรู้ใหม่ๆ ให้ตัวเองด้วย
ช่วงอายุเท่านี้ นุ่นมีโอกาสได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ตอนเด็กๆ ไม่ได้ทำ คือตอนเด็กๆ ทำงานตลอดเวลา ไม่ได้เล่น ไม่ได้เที่ยว มันเลยเหมือนขอคืนช่วงเวลานั้นให้ตัวเอง ก็ได้มาทำในช่วงอายุนี้คือยังได้เที่ยว ยังได้ไปดูคอนเสิร์ต ยังได้เห็นอะไรใหม่ๆ เราก็ได้มีโอกาสได้ไปเจอ รวมถึงไปเรียนเต้นบ้างถ้าว่าง ก็รู้สึกสนุก ก็อาจเริ่มมาจากติ๊กต๊อกแหละ ก็อยู่กับเพื่อนๆ น้องๆ ก็สนุก แล้วเวลาเราเห็นเขาทำเราก็อยากจะลองทำดูบ้าง
เหมือนไอซ์สเก็ต นุ่นก็เริ่มมาจริงจังตอนอายุ 40 แล้ว ก็เลยคิดว่าเราไม่ได้มาเอาเก่ง หลายคนจะชอบบอกว่านุ่นไปเรียนแล้วจะแข่งเหรอ ก็คือไม่ได้คาดหวังในการแข่ง แค่เอาสนุก และเวลาเราไปเที่ยวแล้วเราได้เล่นไอซ์สเก็ตในโลเกชั่นสวยๆ ก็แค่นั้นก็คือความสุข และถือว่าเป็นการออกกำลังกาย ได้ทุกส่วน ได้หมดเลย ทั้งขา เอว แขน และได้เจอเพื่อนใหม่ๆ อยู่ในกีฬาต่างๆ ก็สนุกดี ก็ยังมีอะไรที่อยากทำอยู่เรื่อยๆ นักแสดงก็ยังอยากทำอยู่ ก็ยังเป็นสิ่งที่อยากทำไปเรื่อยๆ”
เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับยุคสมัย
“ที่ผ่านมานุ่นได้มีโอกาสได้ทำงานกับคนที่อายุน้อยกว่าอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น กับนักแสดงผู้ชายที่เป็นพระเอก คือเราได้เจอคนหลากหลายมากขึ้นและเราก็สนุก แล้วบางทีเขาชวนทำโน่นทำนี่ ว่างก็มาจอยกัน ก็รู้สึกว่าทำแล้วก็สนุกดี แล้วก็ได้เรียนรู้จักเขา ทุกวันนี้โลกมันเปิดกว้างขึ้น มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ
ก็จะมีน้องๆ บางคน พอคุยเรื่องทำงานกันมันก็จะมีเรื่องของการแชร์ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องแชร์ให้เขาอย่างเดียว เราก็อยากจะรับฟังจากเขาด้วย เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเด็กรุ่นใหม่เขาคิดยังไง เราก็พร้อมที่จะรับฟังเขาเหมือนกัน นุ่นจะมีคำถามว่าทำไมเด็กทำแบบนี้ๆ คือการเติบโตมามันคนละรุ่น คนละยุค มันแตกต่างกันอยู่แล้ว เราก็แค่เรียนรู้แล้วก็เป็นเพื่อนกัน”
มาก่อนกาล อะไรฮิต อะไรนำเทรนด์ นุ่นทำมาก่อนแทบทั้งนั้น
“จริงๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย แค่เราทำในสิ่งที่เราอยากทำแค่นั้น ไม่ได้คิดว่าต้องทำเพื่อให้ได้อะไร แค่ทำเพราะอยากทำ อย่างไอซ์สเก็ต มันก็เป็นกีฬาที่ชอบตั้งแต่เด็กๆ เคยเล่นแล้วก็หยุดเล่นไป แล้วก็ลองกลับมาเล่นเพื่อที่เวลาไปเที่ยว เราเล่นสกีไม่เป็น บางทีไม่ได้ช้อปปิ้งเยอะ และก็ชอบที่ธรรมชาติ แล้วพอโซเชียลมันเยอะ เราก็จะเห็นว่ามันมีกิจกรรมบางอย่าง มันเปิดโลกเรา สมมติเราไปเล่นไอซ์สเก็ตที่กรุงเทพฯ เราอยู่ที่ลานธรรมดา ก็คือแค่มีที่นั่งธรรมดา พอไปที่อื่นมันมีลานธรรมชาติ แล้วก็มีภูเขาสวยๆ มีต้นไม้ เราก็แค่อยากไปทำแค่นั้น ไม่ได้คิดเยอะ ก็จะมีบางคนบอกว่าเราเล่นเก่งจังเลย แต่จริงๆ จะบอกว่าไม่ได้เก่ง แต่พอมีกล้องก็ดูดีขึ้น
การเป็นนักแสดงอิสระ มันก็เป็นช่วงที่กำลังจะแต่งงานพอดี ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าถ้าแต่งงานแล้วจะมีงานไหม เพราะว่าพอแต่งงานปุ๊บงานเปลี่ยน จากที่เขาติดต่อเราไปโชว์ตัวร้องเพลงที่ต่างจังหวัดก็ไม่มีแล้ว เขาก็จะคิดว่าแต่งงานแล้ว เราไม่รับงานแล้ว กว่าจะปรับความเข้าใจกับทุกคนได้ว่ายังทำงานอยู่ก็ค่อนข้างใช้เวลา และรูปแบบการทำงานก็มีเปลี่ยนไป สำหรับนุ่นว่าความสนุกมันสนุกอยู่ตรงนี้แหละ มันเหมือนได้เริ่มต้นใหม่อยู่ตลอด นุ่นชอบทำงาน ยังชอบที่จะแสดงอยู่ การที่แสดงเป็นคนอื่นมันเป็นเรื่องที่สนุก
การทำหลายอาชีพ ทำธุรกิจควบคู่ไปด้วย แต่ว่าเราไม่ได้ทำคนเดียวมีพาร์ตเนอร์ ธุรกิจก็มีทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ มันเป็นเรื่องปกติ บางอันทำมาก็จบไป ก็หาโอกาสใหม่ๆ ในการทำก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็นแม่ค้าออนไลน์ จริงๆ แล้วนุ่นขายของไม่เก่งเลย เดี๋ยวนี้มีคนขายของเก่งๆ ค่อนข้างเยอะ เรายังไม่สู้เขาเลย เขาเก่งกว่าเราเยอะ แต่ก็ยังทำอยู่
เรื่องไม่มีลูก นุ่นว่าทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่แค่ความคิดมันตรงกัน การไม่มีลูกก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความสุข คือคนที่มีลูกก็มีความสุขอีกแบบนึง เราก็มีความสุขในอีกแบบนึง”
ไม่เคยมองว่าตัวเองสวย เพอร์เฟกต์ สำหรับ “นุ่น วรนุช” สิ่งสำคัญของการเป็นผู้หญิง คือการเป็นตัวของตัวเอง
“นุ่นไม่ได้มองว่าตัวเองเพอร์เฟกต์เลย แต่เป็นคนที่ต้องดูแลตัวเอง คนที่มองแบบนั้นอาจจะติดมาจากภาพของละครมากกว่า เพราะชีวิตจริงๆ นุ่นเป็นมนุษย์คนหนึ่งเลย เป็นคนๆ หนึ่ง ก็ทั่วๆ ไป มีหลากหลายบ้าง ธรรมดา อยู่กับเพื่อนแล้วก็อยู่กับผู้ใหญ่เราก็ควรมีกาลเทศะ เป็นคนไทยเราก็ยังมีมารยาท สัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ มันก็เป็นเรื่องปกติ ในพาร์ตของตัวเองก็ยังเป็นคนๆ นึงที่ยังสนุกสนานกับสิ่งรอบตัว
สำหรับการเป็นผู้หญิงสิ่งสำคัญที่คงไว้นุ่นว่าการเป็นตัวของตัวเองก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญ นุ่นไม่คิดหรอกว่าผู้หญิงจะต้องซ่อนความลับให้ดูดี ให้ดูเป็นผู้หญิง ให้ดูเป็นพาวเวอร์อะไรใดๆ นุ่นไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น แต่แค่ว่าผู้หญิงทำอะไรได้บ้าง คือในสมัยนี้ผู้หญิงทำได้ทุกอย่าง ไม่ต่างจากผู้ชาย เปิดบริษัทเองก็ได้ ทำอะไรเองก็ได้ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาผู้ชายอย่างเดียว แล้วก็ต้องทำงาน แล้วก็รู้สึกว่าแค่รู้จักการทำงาน นุ่นไม่ได้รู้สึกว่าต้องทำงานให้เท่ากับผู้ชาย ไม่ได้เป็นแบบนั้น มันก็เลยอาจจะคนละแบบ ก็คือแค่เป็นตัวเองแล้วก็อยากทำในสิ่งที่เราอยากทำ ถ้าเราอยากทำแล้วชอบในสิ่งที่เราอยากทำ เชื่อว่าในงานนี้ทุกๆ อย่างมันจะทำแล้วออกมาดี”
ได้ทำในสิ่งที่รัก ไม่มีคำว่าเกษียณ
“ไม่เคยคิดค่ะ แค่คิดว่ายังจะมีอะไรให้เราได้เล่นอีกไหม แต่จนถึง ณ ตอนนี้ก็ยังคงมีอะไรให้ได้เล่นอยู่ เดี๋ยวนี้มันก็ทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นและในโอกาสนั้นๆ เราก็รู้ว่าโอกาสไหนมันเหมาะกับเรา ที่มันตรงกัน นุ่นตอบอนาคตไกลไม่ได้ นุ่นยังรู้สึกสนุก ยังรักที่จะทำงานอยู่ ก็ยังอยากทำไปเรื่อยๆ นุ่นไม่ได้มองอะไรไว้ไกลๆ เพราะว่าเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ ฉะนั้นเรื่องจะเกษียณจากวงการเมื่อไหร่มันเป็นสิ่งที่นุ่นไม่ได้คิดไว้เลย รวมๆ แล้วนุ่นก็อยู่ในวงการมา 28 ปีแล้วแหละ
ทุกวันนี้การทำงานในวงการดีขึ้นกว่าสมัยก่อนมากๆ แม้อะไรจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่เราควรจะยังยึดถือไว้สำหรับนุ่น คือการเป็นนักแสดงต้องมีวินัย ตรงต่อเวลา การให้เกียรติเพื่อนร่วมงานต้องมี การมีสัมมาคารวะยังควรจะต้องมี สำหรับนุ่นไม่รู้คนอื่นเป็นยังไง แต่นุ่นว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าอยู่ในสังคมไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไปเจอใครที่ไม่มีคนไหว้เราก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจ แต่สำหรับนุ่นยังอยากยึดคำนี้เอาไว้ ยังอยากให้ตรงเวลา ยังอยากให้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่รู้สึกว่าเป็นพาร์ตเนอร์ให้อยู่ทีมเดียวกันให้ได้ คือมันต้องไปด้วยกัน เราไม่สามารถขับเคลื่อน หรือทำคนเดียวได้ ถ้าจะให้โปรเจกต์หนึ่งมันประสบความสำเร็จ
(อะไรที่ทำให้เราอยู่วงการนี้นาน?) ทุกคนก็อยู่ยาวเหมือนกันนะในรุ่นนุ่น อย่าง อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) ก็ยังอยู่ ชมพู่ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ก็ยังอยู่ คิดว่าน่าจะเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็ไม่ว่าตัวเองจะได้รับงานอะไรมา ก็ทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเลย เป็นตัวเอง”
“นุ่น วรนุช” กับบทบาทภรรยา สามี “ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี” ดูต่างกันคนละขั้ว แต่จริงๆ แล้วนิสัยคล้ายกันมาก
“ต๊อดงานเขาค่อนข้างยุ่ง เวลาที่เราจะใช้ร่วมกันคือเวลากิน ถ้าได้อยู่บ้านด้วยกันก็ดูทีวี ดูซีรีส์ ดูอะไรอย่างนี้ไป ก็น่าจะเหมือนคนอื่นๆ ทั่วๆ ไป สวีตเยอะไหมก็ปกติ ก็เป็นนุ่น-ต๊อด ในแบบของนุ่น-ต๊อด มันก็ไม่รู้ว่าจะเรียกสวีตหรือไม่สวีต นุ่นชอบให้เขาทำบะหมี่ผัดให้ เขาทำอาหารอร่อยส่วนใหญ่เราจะใช้เวลาด้วยกันอยู่ที่บ้านมากกว่าเพราะว่าคุณต๊อดทำงาน เขาเป็นพนักงานประจำ บางทีเวลาเลิกงาน เขาก็อยากออกกำลังกาย นุ่นว่าเรามีสเปซซึ่งกันและกัน เขาก็ไปทำในสิ่งที่เขาอยากทำ นุ่นก็ทำอะไรในสิ่งที่นุ่นอยากทำ
เขาก็จะมีกิจกรรมของเขา ตีแบด แข่งรถ ส่องพระ ปลูกต้นไม้ นุ่นก็จะมีกิจกรรมของนุ่น คนอาจจะมองว่าเราคนละขั้วกันเลย แต่ก็มีรุ่นพี่ที่สนิทๆ กันบอกว่าจริงๆ เรานิสัยคล้ายกัน เราก็ไม่ได้สังเกตตัวเอง แต่ว่าต๊อดเป็นต๊อด นุ่นเป็นนุ่นก็แค่นั้น บางทีอยู่กับตัวเองบ้างอะไรบ้าง บางทีก็คิดเรื่องงาน เขาก็ดูพระไป เขาจะมีความรู้ตรงนี้ค่อนข้างเยอะ การกินทำให้เราคลิกกันแล้วก็ทำให้เราทะเลาะกันด้วย ส่วนมากจะเป็นเรื่องกิน สมมติวันนี้เขามาชวนเรากินอันนี้ เราชิม เออ…อร่อย หมดยัง เขาบอกหมดแล้ว อ้าว…แล้วมาชวนทำไม ชวนกินแล้วมีให้กินแค่นี้
(ต๊อดจริงๆ แล้วเป็นคนดุ?) เขาก็มีหลายโหมด นุ่นว่าทุกคนมีหลายโหมด เป็นปกติ นุ่นเองก็มีหลายโหมดเหมือนกัน แต่ถ้าใครเห็นนุ่นโกรธหรืออะไร คนๆ นั้นก็ต้องแย่มาก”
