“ออยเลอร์” สุดช้ำ ฟังคำตอบ “ประจักษ์ชัย” ปมไม่จ่ายส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์เพลง แถมโดนฉะไม่นึกถึงความดี ให้ขึ้นเวทีกับ “ลำไย” อัดคลิปโต้เดือดทีละข้อ
หลังจากที่ “ออยเลอร์”หรือ “อารีรัตน์ อ้อมนอก”ได้โพสต์เล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าถูกนายห้าง “ประจักษ์ชัย ไหทองคำ”นำเพลงของตนเองที่แต่งเอง ร้องเอง ลงทุนเอง ไปลงช่องยูทิวบ์นายห้างและมียอดวิวกว่า 90 ล้านวิวแต่กลับไม่ได้ส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์เลยสักบาท
ล่าสุด ออยเลอร์ เปิดคลิปเสียงที่มีการสัมภาษณ์อาจารย์ประจักษ์ชัย พร้อมขอเคลียร์เป็นข้อๆ
1. ชักชวนกันตอนไปอยู่ออสเตรเลีย ให้ค่าเดินทาง 2 หมื่น
-เรื่องค่าเดินทาง ค่าเครื่องบิน บินกลับจากออสเตรเลีย ก่อนไปออสเตรเลีย ออยทำเพลงนึงคือความรู้รอบเอว โดยการแต่งเอง ร้องเอง ลงทุนทำเองทั้งหมด ใช้งบพ่อแม่ทำผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา
-ลงยูทิวบ์ช่องตัวเอง มียอดวิว 5 แสนภายในเกือบเดือน มีกระแส ออยก็บินไปออสเตรเลีย เพลงก็รันๆ ไป
-อาจารย์ติดต่อมาทีหลัง มีการชักชวนกันต่างๆ นานา จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและให้ใจกัน ว่าเราจะบินกลับมาไทย อาจารย์จะซัปพอร์ตค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ให้ออยไปจองมาเอง ให้ส่งสลิปไปให้อาจารย์
-ตอนนั้นบินด่วน เป็นตั๋วไปกลับ ทั้งหมด 42,250 บาท จองเสร็จส่งสลิป อาจารย์โอนมา 2 หมื่น บอกว่าช่วย 2 หมื่นนะ เพราะยังหาเงินไม่คล่อง ติดขัดอยู่ที่ไทย เราก็เข้าใจ เป็นการทำงานร่วมกัน ก็ออกกันคนละครึ่งกันไป
-ไม่ใช่เขาซัปพอร์ตตั๋ว 2 หมื่นทั้งหมดนะ ไม่ เรามีส่วนในการจ่ายค่าตั๋ว ซึ่งมากกว่าด้วยซ้ำ
2. ที่ออยโพสต์เป็นข้อเสนอแต่ไม่ใช่ข้อตกลง
- ถ้าเป็นข้อเสนอที่อาจารย์เสนอ เราไม่ได้ตกลงปลงใจกัน เราจะโยกเพลงจากที่ออยลงไปแล้ว ไปลงช่องอาจารย์ แล้วเราจะบินกลับมาทำไม จ่ายค่าตั๋วอีก 2 หมื่นกว่าบาททำไม จะเอาเพลงที่ตัวเองลงทุนทำ ใช้สมอง ใช้แรง ใช้ความรู้สึกที่อยากเป็นศิลปินความฝันเราทั้งหมด ไปเชื่อใจเขา ไปโยกลงช่องเขาทำไม ถ้าไม่ได้ตกลงกันว่าจะเติบโตไปวันข้างหน้า หวังออกดอกออกผลในวันข้างหน้า
-มันไม่เมกเซ้นส์ ไม่มีใครยอมเอาผลงานตัวเองให้คนอื่นฟรีๆ ไม่มีทางแน่นอน มันต้องตกลงกันแล้ว
3. ไม่มีลายลักษณ์อักษร เราพูดกันเรื่องเอกสารที่มีลายลักษณ์อักษร
-วันนั้นอาจารย์บอกว่ามีแต่ความเชื่อใจ ให้ใจกัน หนูบอกว่าให้ใจอาจารย์ กล้าเอาผลงานชิ้นนี้เป็นความฝันของหนู เป็นเพลงแรก ซิงเกิ้ลแรกที่ตั้งใจทำไปอยู่กับอาจารย์ เราเชื่อใจกันว่าเมื่อมันออกดอกออกผลในวันข้างหน้า เราจะมีการแบ่งกัน 70-30 แบบที่คุยกัน
-ต่อให้วันนี้ไม่มีสัญญาลายลักษณ์อักษรต่อกัน แต่สัญญาหัวใจของอาจารย์ ที่ไม่พูดถึงเลย มันเหมือนไม่มีอยู่จริงเลย หนูก็มาถามเรื่องสัญญาที่เราคุยกันตรงนั้น
-ความรู้สึกมันจุกอยู่ข้างใน แสดงว่าวันนั้นที่คุยกันมันก็ไม่มีอยู่จริงสิสิ่งที่เราโทร.คุยกัน สุดท้ายแล้วเราก็มีแชตที่คุยกัน
4. จะบอกว่าเป็นคนสานฝัน ชักชวน ตนเป็นคนปั้นคน ตนก็ชักชวนทั้งนั้น
-มีการชวนกันไปจริงๆ ถามว่าปั้นไหมก็มีส่วนในการพีอาร์ แต่ผลงานนี้เราทำขึ้นมาก่อน เกิดขึ้นมาก่อน ออยไม่รู้จักอ.ประจักษ์ชัย ไหทองคำเลยด้วยซ้ำ สารภาพว่ามารู้จักตอนเขาทักมานั่นแหละ
5. เป็นโอกาสในการนำเสนอกันแต่ยังไม่ถึงข้อตกลง เพราะไม่ได้ไปต่อ
-ถ้าไม่ได้ไปต่อ มันจะมีผลงานไปอยู่ในช่องนั้นตั้งหลายปีได้ยังไง จนยอดวิวมันรันไป 90 ล้านได้ยังไง ผลประโยชน์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นแล้ว เราเป็นคนลงทุนไปลงช่องเขา
-จรรยาบรรณของคนจะไม่ให้จริงๆ เหรอ จะไม่แบ่งจริงๆ เหรอ มันเกินไปหรือเปล่า
-วันนี้ไม่ใช่ว่าออยดังเพลงเดียวแล้วนั่งพูดนั่งทวง หลังจากนั้นออยก็มีทำเพลง ตอนนี้มีเพลง 200 - 300 ล้านวิว ฉะนั้นเป็นเรื่องความรู้สึกมากกว่า ที่เราเอาใจกับใจคุยกัน แล้วไม่ได้ใจกลับมา ออยเสียใจบอกเลย
6. ที่ไม่พูดไม่ใช่ว่ากลัว ไม่ใช่ว่าผิด พูดจริงแต่พูดไม่หมด หรือพูดเกินจริงก็มี
-พูดไม่หมด พูดเกินจริง บรรทัดไหนที่หนูพูดไม่หมด เล่าให้กันฟังได้เลย ออกมาพูดได้เลย หรือจะหลังบ้านก็ได้ ซึ่งหลังบ้านคุยกับอาจารย์ แต่อาจารย์ไม่ได้ตอบหนู หนูทำตามขั้นตอน คุยหลังบ้าน ทักไปส่วนตัว แต่อาจารย์ไม่ตอบ ไม่คุย สุดท้ายพอโพสต์ก็บอกว่าอ้าว ทำไมไม่นึกถึงความดีของอาจารย์บ้าง มาถามเรื่องเงิน เรื่องรายได้ อาจารย์ไม่สบายใจเลย ทำไมไม่นึกถึงความดีของอาจารย์บ้างที่ให้ขึ้นเวทีกับน้องลำไยกับน้องอาม ชุติมา อย่างนั้นอย่างนี้
-เรื่องบุญคุณตรงนั้นก็ขอบคุณมากๆ ไม่เคยลืม แต่วันนี้รายได้ที่มันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ควรแบ่งกัน มันคือเงินของหนู มันคือผลลัพธ์ของหนู หนูเป็นคนทำ ก็ไม่รู้จะว่ายังไง เราถามในส่วนตรงนั้น แล้วบรรทัดไหนที่หนูโพสต์แล้วไม่เป็นความจริง อันไหนไม่ถูก แย้งมาได้เลย ขีดเส้นใต้มาได้เลยว่าหนูพูดไม่จริง บอกมาได้เลย ซึ่งหนูมั่นใจว่าไม่มี
7. สุดแล้วแต่ผู้ชมวินิจฉัย ไม่ให้แสงใครแล้ว
-การบอกว่าไม่ให้ค่า ไม่ให้แสง คำพูดที่ว่าไม่ให้แสง ไม่น่าฟัง ไม่น่ารัก อาจารย์เป็นผู้มีแสงใหญ่โตแค่ไหนหนูก็ไม่รู้หรอก แต่หนูไม่ได้อยากได้แสงที่เป็นเรื่องเสียๆ หรือเรื่องที่มันไม่ดีกับหนูอยู่แล้ว หนูไม่ต้องการหาแสงอะไรจากตรงนี้ ถ้าหนูต้องการหาแสง หนูคงไม่ทักอาจารย์ หนูโพสต์เลย แต่หนูยังทักไปหาอาจารย์ก่อน และคุยกับอาจารย์ก่อน
-ฟังแล้วก็เสียใจ ไม่คิดว่าไม่คุยกับหนูเพราะไม่ให้แสง อย่าให้การมีแสงหรือพาวเวอร์มาทำร้ายคนอื่น ไม่ให้ความยุติธรรมกับหนูหรือใครก็แล้วแต่ อย่าให้ตรงนี้มาบั่นทอนสิ่งที่เราให้ใจกัน หนูแค่มาขอคุยกับอาจารย์แบบใจๆ พูดกันตรงๆ ว่าจะเป็นยังไง
-แต่ความเป็นจริงมันเป็นงานหนูไปลงกับอาจารย์ อาจารย์ได้ผลประโยชน์ไปกี่บาท กี่ล้าน เราต้องแบ่งตามสมควรไหม
