ออกมาเปิดหน้าเคลียร์ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น กับความสัมพันธ์ที่เกิดกับ “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” และแฟนเก่าที่คบมานานเกือบ 7 ปี สำหรับ “มายด์ พัชรบุษย์” ผ่านรายการโหนกระแส โดย 3 เบรกแรก มายด์เล่าปัญหาที่ทำให้เลิก เพชร เผยว่าใช้ชีวิตอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา เพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา รักกัน ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยการเวลาทะเลาะกันแต่ละครั้ง เขาเป็นคนค่อนข้างใจร้อนกว่าตัวเอง
ถ้าทะเลาะกันแรงๆ เขาเผลอบอกเลิกบ่อยมากๆ เมื่อไหร่เขาบอกเลิก แล้วใจเย็นลง ก็กลับมาง้อ แล้วกลับมาคืนดีกันตลอดเลยค่ะ จนต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมา เราทะเลาะกัน หลายอย่างสะสมมาเรื่อยๆ จนตนขอเขาคุย คุยกัน เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ตนไม่ได้ใช้อารมณ์
ก่อนหน้านี้เพชรเป็นคนบอกเลิก แต่ตนไม่เคยพูดก่อนเลย จนครั้งนี้แหละที่ตนพูด ตนขอเลิก เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว แต่เขาก็ขอโอกาส ซึ่งในการคุยกัน ตอนนั้นด้วยเหตุผลล้วนๆ ตนให้โอกาสเขาได้ แต่เริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ ตนให้โอกาสเขาได้นะ แต่ก็ให้โอกาสตัวเองเหมือนกัน
ปัญหาสะสมคือตนดูแลเขาแทบทุกอย่างเลย เพชรเขาตั้งใจทำอะไรสักอย่างจะตั้งใจมาก จนลืมโฟกัสทุกอย่างรอบตัวเขา ข้าวไม่กิน ไม่ได้โฟกัสอย่างอื่นเลย ถ้าทำงานก็อยู่กับงาน เราเห็นแบบนี้มาตลอด เราเป็นห่วงเขา ก็เลยดูแลทุกอย่าง เราขับรถให้ อาหารการกิน เรื่องใช้ชีวิตประจำวัน หนูทั้งหมด ก่อนเป็นหนูก็เป็นคุณแม่ แต่เมื่อไหร่คุณแม่เขาไม่อยู่ ก็จะเป็นตน จะว่าเป็นแม่คนที่สองก็ได้
เราให้โอกาสเขาได้ แต่ใจเราก็เริ่มไม่ไหวแล้ว ก็พูดกับเขาว่าถ้าเราไม่เลิกกันครั้งนี้ กลัวว่าถ้านานไปกว่านี้จะแย่กว่านี้ อย่างที่บอกหนูไม่เคยบอกเลิกเลย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บอก และไม่ได้ใช้อารมณ์ คิดมาดีแล้ว มายด์ให้โอกาสเพชรได้ แต่เมื่อไหร่ที่เพชรใช้โอกาสตรงนี้สิ้นเปลืองอีก เขากลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ในเรื่องที่เราทะเลาะกัน ตนก็จะไม่ตามแล้วนะ หนูจะไม่เรียกร้องแล้วนะ หนูจะไปเลย
แต่ว่าเราเป็นห่วงเขา มันเลยอยู่ด้วยกันอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้ตนเฟดตัวเองออกมาเลย หลังจากคุยกันเขาโอเคขึ้นในระยะเดิม ไม่กี่วันเหมือนเดิม ตนก็แค่เฟดตัวเองออกมา หนึ่งกลับบ้านที่ใต้บ่อยขึ้น ไปห้องเพื่อนบ่อยขึ้น ไปหาเพื่อนๆ
ถามว่าทำไมถึงไม่เลิกให้ขาด ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา มีแต่ตนที่คอยโทร คอยทัก คอยรายงาน โดยเขาไม่ต้องถามเลย แม้กระทั่งตนกลับบ้านหรือไปไหนนานๆ อาทิตย์สองอาทิตย์ หนูเคยกลับบ้านสามอาทิตย์ โดยเราไม่ได้เจอ เราคุยกันน้อยมากๆ แต่ละวันเขาแทบไม่ทัก ไม่โทร มีแต่เราที่โทรอย่างเดียว
พอช่วงระยะเวลาใกล้จะจบจริงๆ ใกล้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ เขาจะทัก จะโทร จะพิมพ์ทั้งวันในช่วงสองสามวันนั้น เราคิดแล้วว่าเขาแปลกๆ แต่แค่ไม่คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้ ไม่คิดว่าเขาจะเอาแชตพวกนี้มาเป็นหลักฐานอะไรก็แล้วแต่ในความเป็นเขา แต่เราก็ตอบตามที่เขาถาม เวลาทะเลาะกันหรืออะไรกัน เขาเป็นคนค่อนข้างอารมณ์ร้อน มันเคยถึงขั้นเขาทำร้ายตัวเอง ต่อยกำแพง เขาไม่เคยทำร้ายตน แต่แค่เขาทำร้ายตัวเองเราก็เป็นห่วงเขาแล้ว ทุกครั้งที่มีปัญหาเราจะใช้วิธีการเรากอดก่อนให้ทุกอย่างเย็นลง หนูเป็นคนที่ชอบใช้ภาษากาย โอเค เดี๋ยวเราค่อยคุย เรากอดก่อน
ความที่ตนไม่ได้บอกทุกคนว่าเราเลิกกันแล้วนะ ไม่ได้บอกออฟฟิเชียลว่าเฮ้ย ฉันโสดอะไรขนาดนั้นกับคนรอบตัว มีเพื่อนสนิทที่รู้ ไม่ได้ป่าวประกาศในโซเชียลว่าฉันโสด
ถามว่าสถานะเรียกแฟนได้มั้ย ก็อาจไม่ได้เลิกกันขาด ถ้ามุมมองของเขาก็อาจคิดได้ เพราะเราบอกเขาไปว่า ถ้าเธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่สามารถปรับปรุงในสิ่งที่เธอมีปัญหาได้ เราให้โอกาสเธอแล้วนะ แต่เราให้โอกาสตัวเองเหมือนกัน
แต่เรายังคิดว่าเขาเป็นแฟนอยู่มั้ย ใจเราก็ไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว เพียงแต่ว่าเราก็ยังหวังให้เขาปรับปรุง แต่เขาทำไม่ได้ ช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากนั้นเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก ซึ่งเราแค่ไม่ได้อัปเดตความรู้สึกกันว่า เธอ เราไม่ไหวแล้วจริงๆ จนวันนึงเราไม่เหลือแล้วจริงๆ เราถึงบอกเขา แล้วมันก็เลยมีปัญหา
การที่ยังเรียกที่รัก อาจด้วยความเคยชิน ตนคบกับเขามาระยะเวลาค่อนข้างนานสำหรับหนู 6-7 ปี สรรพนามเหมือนเราติดในการเรียก ในการพูด รวมถึงสรรพนามอื่นๆ ก็เหมือนกัน เรายังใช้สรรพนามต่างๆ เรียกแทนกันเยอะแยะไปหมดเลย ก็เป็นการเรียกอยู่ แต่ความเคยชินเหมือนกัน เราไปไหนเราทำอะไร เราจะบอก เราถามเขาตลอด ถ้าดูตามระยะเวลา เขาไม่ได้ตอบหนูเป็นชม. ในการที่ตนถามว่าเล่นเกมหรือยัง หรือหนูถึงแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจเรา นั่นคือความเป็นเขา
ส่วนวันนี้ที่กล้าออกมา มันไม่ใช่แค่เรื่องของตนกับพี่โตโน่แล้ว ไปกันใหญ่ ขุดเรื่องเก่าๆ ทั้งจริงไม่จริง ตนรู้สึกว่ามันเยอะเกินไปด้วย มันไม่ใช่เรื่องจริงซะเยอะ
