xs
xsm
sm
md
lg

Karma : เป็นหนี้ก็ต้องจ่าย ทำบาปใดไว้ก็ต้องชดใช้กรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา



ถ้าสรุปแบบรวบรัดตามหลักพุทธศาสนาที่ว่า กรรมคือการกระทำ และคนที่ทำกรรม ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น เช่นเดียวกับการหว่านพืชเช่นใด ก็ย่อมได้ผลของพืชชนิดนั้น ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Karma หรือชื่อในภาษาไทยว่า “อุบัติกรรม” ก็คงมีแนวคิดแบบเดียวกันนั้น เพราะเป็นซีรีส์ที่เล่าถึงผลลัพธ์แห่งการกระทำ หรือ “ผลแห่งกรรม”

Karma ที่แปลตรงตัวว่า “กรรม” เปิดเรื่องด้วยตัวละครที่ได้รับการช่วยเหลือจากเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารร้างแห่งหนึ่ง ในสภาพร่างกายที่ไหม้เกรียมและใบหน้าที่พุพองจนเสียโฉม พอฟื้นตัวขึ้นมาได้ เขาก็บอกกับแพทย์ว่าเขาชื่อ “พัคแจยอง” จากนั้นซีรีส์ก็พาเราย้อนเวลากลับไปก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว

และนั่นก็ทำให้เราได้เริ่มต้นทำความรู้จักกับ “ชาเซนัม” คนหนุ่มที่ชีวิตกำลังติดกับเพราะเสียเงินจากการเล่นคริปโตและติดหนี้นอกระบบเป็นร้อยล้านวอน ซึ่งเจ้าหนี้ให้เวลาเขาเพียง 30 วันเท่านั้นในการหาเงินมาคืน ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องคิดถึงการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป


เมื่อชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย คนเราเวลาถึงทางตันหรือ “เข้าตาจน” ก็มักจะคิดและตัดสินใจทำอะไรโง่ ๆ ได้เสมอ เช่นเดียวกับหนุ่มคนนี้ที่อาจจะคิดน้อยไปหน่อยหรือคิดว่าทุกอย่างจะลงล็อกตามแผนที่วางไว้ โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เขากำลังทำนั้น มันจะนำมาซึ่งความยุ่งยากยุ่งเหยิงระดับหายนะชนิดที่เขาคาดไม่ถึง

Karma เป็นอีกหนึ่งผลงานซีรีส์เกาหลีที่มีต้นทางมาจากเว็บตูน ซึ่งถือเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดีที่หนังและซีรีส์แดนกิมจิมักจะไปหยิบมาสร้างสรรค์ดัดแปลงอยู่ไม่ขาด งานชิ้นนี้เป็นเว็บตูนแนวอาชญากรรมระทึกขวัญที่โดดเด่นด้วยการการผูกเรื่องร้อยเรียงที่ค่อย ๆ ขมวดเรื่องราวให้แต่ละตัวละครโคจรมาพบกันและเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุมีผลและที่มาที่ไป

จากจุดเริ่มต้นที่ออกสตาร์ทด้วยการกระทำโง่ ๆ ของคนคนหนึ่ง เหมือน Butterfly Effect ที่พูดถึงเหตุการณ์เล็ก ๆ อย่างการขยับปีกของผีเสื้อ แต่สามารถส่งผลกระทบอย่างกว้างไกลและมหาศาลชนิดที่คาดไม่ถึง ขณะเดียวกัน ก็มีเรื่องราวแต่คราวหลังซึ่งถูกเก็บกดไว้นานหลายสิบปีที่มา “ฝีแตก” จากเหตุการณ์นี้เช่นกัน


ในแง่ของความสนุกนั้น คงต้องยอมรับว่า ถ้าเป็นผลงานจากเกาหลีแล้ว แทบทั้งหมดเป็นที่วางใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นเรื่องที่มีอาชญากรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ถือเป็นทางที่คอนเทนต์เกาหลีมีความถนัดและเชี่ยวชาญอย่างเชื่อมือได้ และสำหรับ Karma ก็ต้องยอมรับเช่นเดิมว่า นี่คือซีรีส์ความยาว 6 ตอนจบที่สนุกทุกตอนแบบไม่มีตก และจะมีแต่พีคไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จนถึงจุดสูงสุดที่เป็นบทสรุปของเรื่องราว

ความเด็ดขาดคือการผูกเรื่องและสร้างสถานการณ์ที่เชื่อมร้อยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว มีการจัดวางปมปริศนาให้คนดูคาดเดา ก่อนจะเปิดเผยให้กระจ่าง ซึ่งถือว่าก็สร้างเซอร์ไพรส์ได้เรื่อย ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้การดูซีรีส์มีความน่าติดตาม เพราะเล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคนดูได้อยู่หมัด

ว่ากันตามจริง ซีรีส์เริ่มทำงานกับความอยากรู้อยากเห็นได้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว เช่น ไอ้หนุ่มถังแตกจะหาทางใช้หนี้ก้อนโตได้ด้วยวิธีไหน (หาไม่ได้ ก็ตายแน่) ขณะที่ตัวละครหนุ่มที่รอดตายจากเพลิงไหม้ ทำไมถึงกระตุกความสนใจจากแพทย์สาวอย่าง “จูยอน” ได้อย่างน่าสงสัย เมื่อเขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรงว่าเขาชื่อพัคแจยอง คล้ายกับว่าเธอมีอะไรเกี่ยวข้องกับชายคนนี้หรือไม่?


ดังนั้นแล้วอาจกล่าวได้ว่า ปัจจัยหนึ่งซึ่งกระตุ้นให้เราอยู่กับซีรีส์ไปเรื่อย ๆ อย่างสงสัยใคร่รู้คือปริศนาของตัวละครที่หนังทยอยป้อนเข้ามาทีละตัวทีละตอน ซึ่งจะว่าไป ก็ดูแสบ ๆ กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเปิดอย่าง “ชาเซนัม” ที่เอาเข้าจริง นอกจากการทำเรื่องไม่เข้าท่าอย่างโจ่งแจ้งต่อสายตาคนดู ก็เหมือนกับว่าเขายังมีอีกตัวตนหนึ่งซึ่งหลายคนไม่เคยรู้ หรืออย่าง “มกกยองนัม” ผู้เห็นเหตุการณ์รถชนคนตายบนถนนเปลี่ยวร้างยามค่ำคืน ก็น่าสงสัยเหลือเกินว่าเพราะอะไรเขาถึงไปอยู่ถูกที่ถูกทางขนาดนั้น หรือว่านี่จะเป็น “อุบัติกรรม” ที่ทำให้เกิดบังเอิญขึ้นมาแบบนั้น

ด้วยการจัดสรรปันส่วนบทบาทอย่างเหมาะสมลงตัว นักแสดงตัวหลักทุกคนจึงมี “ซีน” ที่โดดเด่นของตัวเอง ทั้ง “พัคแฮซู” ที่บทของเขามีลับลมคมในแบบคาดเดาไม่ได้อยู่สูงมาก ส่วน “อีจีฮุน” ก็ถ่ายทอดตัวละครชาเซนัมได้โง่ระห่ำเหลือประมาณ ขณะที่ “อีกวางซู” กับบทของแพทย์ที่ชีวิตพลิกผันด้วยเหตุการณ์เพียงเสี้ยววินาทีก็มีมิติของคาแร็กเตอร์ให้เล่นหลายอารมณ์ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ยังมี “กงซึงยอน” ที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันทรงเสน่ห์อย่างเหลือล้นแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความเป็นความตายของผู้คน และสุดท้าย คนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือนางเอกชื่อดังอย่าง “ชินมินอา” กับบทหมอ “ยูจอน” ที่เก็บซ่อนความบางสิ่งบางอย่างไว้อย่างมิดชิดและเงียบงัน


ว่ากันอย่างตรงไปตรงมา Karma มันคือเรื่องราวของคนบาปแทบทั้งนั้น จากบาปหลายแบบตามวิถีของโลกียชน ผ่านการดำเนินเรื่องที่ขับเคลื่อนพัฒนาด้วยสถานการณ์ คือเหตุการณ์หนึ่งนำไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่ง เชื่อมร้อยต่อกันไปอย่างนี้ นับเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่สอดคล้องต้องกันดีกับธีมของซีรีส์ที่ต้องการส่งเสียงบอกเกี่ยวกับผลพวงที่จะตามมาจากการกระทำ เหมือนมีเหตุก็ต้องมีผล

ขณะที่มองในมุมหนึ่ง Karma ก็เหมือนผลงานจากเกาหลีใต้อีกหลายเรื่องที่สะท้อนด้านมืดของสังคมเกาหลีอย่างการเป็นหนี้นอกระบบและการทวงหนี้สุดโหด แต่ความแยบยลและแยบคายในเชิงเนื้อหาสาระของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ การอุปมาอุปไมย ด้วยการหยิบเรื่อง “หนี้สิน” มาเป็นตัวเปรียบเทียบกับเรื่อง “หนี้กรรม” นั่นหมายความว่า เป็นหนี้ก็ย่อมต้องมี “เจ้าหนี้” ที่ลูกหนี้ต้องชดใช้จ่ายคืน เช่นเดียวกับก่อบาปกรรมใดไว้ ก็ย่อมต้องมี “เจ้ากรรมนายเวร” รอวันเช็กบิล

เพราะ “กฎแห่งกรรม” ยังคงทำงานของมันไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าต้องใช้เวลายาวนานแค่ไหน ก็ไม่อาจหนีพ้น เพียงแต่จะถูก “กรรมสนอง” ในรูปแบบไหนและวันใดเท่านั้นเอง...







กำลังโหลดความคิดเห็น