“เอม สรรเพชญ์” รู้คุณพ่อ “ดู๋ สัญญา” แอบงอน เพราะไม่มีเวลาให้ เชื่อพ่อเข้าใจความเหนื่อยของงานละคร ปัดเป็นลูกรักช่องหรือเด็กเส้น ยอมรับได้โอกาสดีเพราะเป็นลูกพ่อ แต่ก็ตั้งใจทำงาน และพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่เสมอ
เรียกว่าฮอตตั้งแต่ละครเรื่องแรกยังไม่ออนแอร์ สำหรับหนุ่ม “เอม สรรเพชญ์ คุณากร” ลูกชายคนเก่งของคุณพ่อ “ดู๋ สัญญา คุณากร” ที่ตอนนี้งานเยอะจนแทบไม่มีเวลากลับบ้าน ทำเอาคุณพ่อแอบงอนเบาๆ ที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าลูกบ่อยๆ เหมือนเดิม ล่าสุดได้มีโอกาสเจอเอม ที่มาร่วมงาน อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ มโหฬาร มหาสนุก เจ้าตัวก็เผยถึงเรื่องนี้ ว่าสงกรานต์นี้กลับบ้านแน่นอน เพราะถึงคุณพ่อไม่ขอก็รู้ว่า ถ้าไม่กลับโดนแน่
“คุณพ่อไม่ขอ แต่เหมือนเราก็รู้ว่าถ้าไม่กลับบ้านก็น่าจะโดน (หัวเราะ) คุณพ่อบ่นว่าไม่ค่อยได้เจอหน้า แต่ผมไม่ได้หนีไปเที่ยวนะ ผมหนีไปทำงาน เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไร (หัวเราะ) ผม 25 แล้วนะ พ่อเขาปล่อยให้เราดูแลตัวเอง เชื่อในตัวเราที่จะไม่ทำอะไรเสียหาย เพราะปกติแทบจะไม่ค่อยออกจากบ้านเลย ยกเว้นออกมาทำงาน มากินข้าว ผมเป็นคนเรียบง่ายมาก”
“พ่อบอกว่างอนกับสื่อไม่ได้หรอก ไม่มีทาง (หัวเราะ) คือพ่อเขาเป็นผู้ชาย เขาจะเก็บไว้ แต่เราก็ดูออกแหละ เขาแอ็ก แต่ไม่ต้องห่วงครับ ก็กลับบ้านทุกโอกาสที่กลับได้ ตอนนี้ละครปิดกล้องก็มีเวลาเยอะขึ้น พ่อเขาไม่ได้โทร.ตามบ่อยขนาดนั้น แต่เราก็ดูออกว่าพ่อเบื่อ เขาไปเล่น AI ส่งรูปมาให้ ผมก็แบบโอเคครับ”
รู้พ่อนอยด์ไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่เชื่อว่าพ่อเข้าใจความเหนื่อย
“ก็ดูออกว่าพ่อเขาแอบนอยด์นิดหนึ่ง แต่เขาเข้าใจแหละ เพราะพ่อเขาเป็นในวงการ เขาก็เข้าใจความเหนื่อยของมัน การถ่ายละครมันไม่เหมือนการเหนื่อยธรรมดา มันอีกมิติหนึ่งอะครับ แต่ไม่ได้ว่างานธรรมดามันไม่เหนื่อยนะ แต่มันเหนื่อยอีกแบบ ยิ่งผมใหม่ขนาดนี้ มันยิ่งต้องมีความพยายามที่สูงกว่านักแสดงที่มีประสบการณ์มาก”
เห็นข่าวพ่อออกมาพูดแทน หลังโดนหาว่าเป็นลูกรักช่อง
“ได้เห็นอยู่ครับ แต่อันดับแรกคือผมไม่ได้คิดว่ามันจะขนาดนั้นนะครับ อันดับสองคือเราจะทำอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าเกิดมันเป็นตามนั้น เราแค่ต้องทำงานให้ดีที่สุด ซึ่งผมก็ทำอยู่เสมออยู่แล้ว ไม่ว่าผมจะเป็นลูกรักช่อง เด็กเส้นอะไรก็ตาม ผมโอเค เพราะผมจะพยายามสุดๆ อยู่แล้ว”
ยอมรับได้รับโอกาสดี เพราะเป็นลูกพ่อดู๋ แต่เกิดมาแล้ว เลือกพ่อไม่ได้
“เราก็ต้องยอมรับว่าเราได้รับโอกาสที่ดีมาก เราเป็นลูกพ่อดู๋ แต่ผมขอโทษนะ ผมเกิดมาแล้วอ่ะ ผมเลือกพ่อไม่ได้ มันก็เป็นแบบนี้ แล้วผมก็อยากทำงานในวงการ ถามว่ามันกดดันเพิ่มไหม ผมกดดันตัวเองอยู่แล้ว ผมมีความเพอร์เฟ็คต์ชันนิสต์นิดหนึ่ง ต้องทำให้ได้ ไม่งั้นจะไม่ทำเลย ต้องเต็มร้อย”
โตแล้วอยากเป็นฝ่ายดูแลพ่อแม่บ้าง
“อยากอยู่ แต่ตอนนี้คุณพ่อก็ลดงานในระดับหนึ่งแล้ว ผมก็เริ่มมีงานเพิ่มขึ้น มันสลับหน้าที่กันเลย ก็รู้สึกดีที่สามารถทำให้พ่อมีมีโอกาสพักผ่อนหน่อย เพราะตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อเป็นคนที่ทำงานหนักมาก แทบไม่ได้เจอกันเลยตอนเด็ก กลายเป็นสลับกันเลย ตอนนี้พ่อก็งอนผม เพราะไม่ได้เจอ เข้าใจความรู้สึกของพ่อตอนนั้นแล้ว จริงๆ พ่อก็มีบอกว่าให้รู้ตัวเองว่า ถ้าเราเหนื่อยไป ก็ไม่ต้องฝืนนะ เราต้องดูแลตัวเองก่อน ซึ่งเราก็เข้าใจพ่อมากขึ้นเยอะเลย ส่วนคุณแม่ไม่บ่น พ่อขี้งอนมากกว่า”
