xs
xsm
sm
md
lg

“ทรัมป์” ประกาศคืนฮอลลีวูดสู่ ‘ยุคทอง’ หรือ สุดท้ายพากันลงเหว?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดาว บนถนนของฮอลลีวูด ที่ถูกทุบทำลายระหว่างการนั่งตำแหน่ง ปธน. รอบที่แล้ว
แต่งตั้งดาราสายขวาเป็นทูตพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรายได้ ความขัดแย้งกับจีน และอุตสาหกรรมที่กำลังถอยหลัง — ยุคใหม่ของฮอลลีวูดจะรุ่งหรือร่วงกันแน่?

แม้ฮอลลีวูดจะเป็นที่รู้กันว่าเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายเสรีนิยมและนักแสดงจำนวนมากเคยต่อต้านเขาอย่างเปิดเผย แต่ล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการแต่งตั้ง 3 ดาราฮอลลีวูดสายขวา ได้แก่ เมล กิ๊บสัน , ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และ จอน วอยต์ ให้ดำรงตำแหน่ง “ทูตพิเศษประจำฮอลลีวูด” เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

“ฮอลลีวูดสูญเสียธุรกิจไปยังต่างประเทศจำนวนมากในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และผมจะทำให้มันกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม! เมล กิ๊บสัน, ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และจอน วอยต์ จะเป็นหูเป็นตาให้ผม และพวกเขาจะช่วยฟื้นฟูยุคทองของฮอลลีวูดอีกครั้ง” — ทรัมป์โพสต์ใน Truth Social

ฮอลลีวูดมีภาพลักษณ์มายาวนานว่าเป็นแหล่งรวมศิลปินหัวก้าวหน้า แต่การแต่งตั้งบุคคลระดับตำนานที่มีจุดยืนชัดเจนทางการเมืองฝั่งอนุรักษนิยม ทำให้เห็นถึงความพยายามของทรัมป์ในการแทรกซึมเข้าสู่วงการบันเทิง และดึงการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ

ทูตฮอลลีวูดของ ทรัมป์
เมล กิ๊บสัน ซึ่งเคยถูกแบนจากวงการเนื่องจากคดีความและพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติ กลับมาสู่สปอตไลต์อีกครั้งในปี 2016 จากผลงาน Hacksaw Ridge และในปี 2025 เขามีผลงานใหม่เรื่อง Flight Risk ร่วมกับมาร์ค วอลเบิร์ก โดยกิ๊บสันให้สัมภาษณ์กับ Variety อย่างติดตลกว่า

“ผมได้รับข่าวจาก Truth Social พร้อมกับทุกคน และรู้สึกตกใจเหมือนกัน แต่ในเมื่อถูกเรียกตัว ผมก็ยินดีรับหน้าที่ในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง… มีที่พักแบบทูตด้วยมั้ยครับ?”

ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ผู้โด่งดังจากบทบาท "ร็อคกี้" และ "แรมโบ้" เคยแสดงตัวชัดเจนว่าอยู่ฝั่งทรัมป์ โดยในงานเลี้ยงที่ Mar-a-Lago เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เขาเรียกทรัมป์ว่า “จอร์จ วอชิงตันคนที่สอง” และประกาศชื่นชมว่า “ไม่มีใครในโลกนี้ที่ทำได้แบบเขา”

จอน วอยต์ นักแสดงรุ่นเก๋า เคยให้สัมภาษณ์กับ Variety เมื่อปีที่แล้ว ว่าทรัมป์เป็น “อัจฉริยะของประชาชน” และยกย่องว่าเป็นผู้นำที่กล้าหาญ

เดนนิส เควด ผู้สนับสนุนอีกคนของ ทรัมป์
ปี 2024 ถือเป็นปีที่ยากลำบากของอุตสาหกรรมบันเทิงในสหรัฐฯ รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศลดลงเหลือ 8.7 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากปี 2023 และยังต่ำกว่าก่อนโควิดอย่างมีนัยสำคัญ ปัญหามาจากผลกระทบของการประท้วงของนักแสดงและนักเขียนบทในปี 2023 รวมถึงภัยพิบัติจากไฟป่าทางตอนใต้ของแอลเอ ซึ่งทำลายบ้านเรือนและธุรกิจไปมากกว่า 250 พันล้านดอลลาร์

ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ทรัมป์จึงประกาศจุดยืนว่าจะ “ทำให้ฮอลลีวูดกลับมายิ่งใหญ่” โดยการแต่งตั้งบุคคลที่เขาไว้ใจที่สุดให้เป็นผู้แทนพิเศษด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในวงการภาพยนตร์
เสียงขวาเริ่มแผ่ขยาย

นอกเหนือจากทั้งสามคนนี้ ยังมีศิลปินคนอื่นที่เคยออกตัวสนับสนุนทรัมป์ เช่น คิด ร็อค (Kid Rock), เจมส์ วูดส์ และ เดนนิส เควด ที่เพิ่งขึ้นเวทีหาเสียงของทรัมป์ในแคลิฟอร์เนีย โดยกล่าวว่า “เขาคือประธานาธิบดีที่ผมชื่นชอบที่สุดในศตวรรษนี้”

อย่างไรก็ตาม แม้ ทรัมป์ จะประกาศ "ฟื้น" ยุคทองของฮอลลีวูด แต่ความขัดแย้งกับจีนกลับกลายกลายเป็น ประตูที่ปิดตาย?

คิด ร็อค ศิลปินที่ประกาศอยู่ข้าง ทรัมป์? มาหลายปี
ในอดีต จีนเคยเป็นตลาดทองคำของฮอลลีวูด ทั้งในด้านรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศและการร่วมผลิตภาพยนตร์ แต่ด้วยท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์ที่มีต่อจีนในช่วงหาเสียง — รวมถึงแผนเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ และการจำกัดการลงทุนจากจีนในสหรัฐฯ — ทำให้หลายบริษัทบันเทิงเริ่มมองว่า “ตลาดจีน” อาจกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในยุคใหม่ของทรัมป์

แม้การแต่งตั้ง “ทูตพิเศษ” อย่าง กิ๊บสัน, สตอลโลน และวอยต์ จะสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ แต่คำถามสำคัญคือ — ฮอลลีวูดในอีก 4 ปีข้างหน้าจะเหลืออะไรบ้าง?

ด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ถี่ขึ้น ค่าใช้จ่ายการผลิตในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น และนโยบายระหว่างประเทศที่ปิดกั้นตลาดหลัก ๆ ของโลก อนาคตของฮอลลีวูดจึงดูจะเต็มไปด้วยความเสี่ยง ไม่ใช่แค่ในเชิงเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอิสรภาพทางศิลปะและการแสดงออก

การฟื้นคืน “ยุคทองของฮอลลีวูด” ภายใต้การนำของทรัมป์อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องสู้กับตลาดต่างชาติแล้ว ยังต้องเผชิญกับแรงต้านจากภายในอุตสาหกรรมเอง ที่ยังคงมองเขาในฐานะ “บุคคลนอกคอก” ซึ่งมองภาพยนตร์เป็นเพียงเครื่องมือโฆษณาทางการเมือง

สงครามการค้าอาจสร้างปัญหาใหญ่ให้กับ ฮอลลีวูด

กำลังโหลดความคิดเห็น