เมื่อสิ้นลมหายใจ ดินก้อนสุดท้ายกลบหน้า นี่คือ 4 เรื่องสยองจากป่าช้า พร้อมกระชากความผวาขึ้นมาจากหลุม
ท้าตาย
เสี่ยงชีวิตในป่าช้าสุดสยองเพื่อเข้าไปสู่โลกของญิน
หนีตาย
จากคนร้ายกลับกลายเป็นหนีผีในป่าช้าตายโหง
โกงตาย
เพื่อให้คนรักลุกขึ้นมาจากโลงในป่าช้าฝังศพ
เพื่อนตาย
ที่หายสาบสูญ สู่การแกะรอยตามหาในป่าช้าเด็กสุดเฮี้ยน
เริ่มด้วย “ต้องตา ป่าช้าแตก” ที่เล่าถึง “ต้องตา” เด็กสาวหูหนวกเป็นใบ้ ได้หายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอยเพียงชั่วข้ามคืน เพื่อน ๆ พากันออกตามหา แต่กลับพบเจอวิญญาณสุดเฮี้ยนในป่าช้าสุสานเด็ก ผีก็น่ากลัว เพื่อนก็หายตัว ภารกิจแกะรอยต้องตากำลังจะทำให้ป่าช้าแตก!
“ไมค์ ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ” ผู้กำกับจากหนังเรื่อง “พี่นาค” ทั้ง 4 ภาค และเป็นผู้กำกับเรื่อง “ต้องตา ป่าช้าแตก” เล่าถึงคอนเซ็ปต์ของ 4 ป่าช้า ว่าอยากทำเรื่องเล่าหลังความตายของคนในป่าช้าที่ต้องมาเจอจุดสุดท้ายของชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ความเฮี้ยน ความหลอน ความสยอง และความสนุกตื่นเต้น ก็จะมีให้ทุกคนได้เห็นกันในหนังเรื่องนี้
“อย่างเรื่อง ‘ต้องตาป่าช้าแตก’ ผมตั้งใจทำเรื่องนี้ให้เป็นผีเด็กพอพูดถึงเด็กเหมือนจะไม่น่ากลัว แต่มันน่ากลัวนะ กิมมิคของผมในการดีไซน์ผีเด็ก ผมใส่สัญลักษณ์ด้วยการใช้เสียงเป็นตัวนำพา เพื่อบอกว่าถ้าได้ยินเสียงแบบนี้นะคือเสียงของผีกำลังคืบคลานเข้ามา ผมว่าความน่ากลัวอีกอย่างหนึ่งของผีเด็กในเรื่องนี้คือเขาสื่อสารไม่ได้ พอสื่อสารด้วยคำพูดไม่ได้แล้วมันก็จะมีการปรากฎตัวในหลาย ๆ รูปแบบที่มาแบบไม่ธรรมดา ผมต้องการให้คนดู ๆ แล้วรู้สึกสนุกอิ่มเอมกลับบ้านดูได้ทุกเพศทุกวัยเหมือนพี่นาคทั้งสี่ภาคที่ผ่านมาครับ”
สำหรับเรื่องที่ 2 อย่าง “ญิน” ซึ่งกำกับโดย “เต๋า อดิเรก โพธิ์ทอง” เล่าถึงครอบครัวของ มูซา ที่ตกอยู่ในอันตราย ผู้คนต่างร่ำลือกันว่า “ญิน” สิ่งลี้ลับที่มีฤทธิ์กำลังสิงสู่ ครอบครอง และพร้อมจะพรากทุกอย่างไปจากเขา หนทางสุดท้ายที่มูซาจะช่วยเหลือครอบครัวได้ ต้องทำพิธีกรรมบางอย่างในป่าช้า และมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนเคยทำมาก่อน
อดิเรก โพธิ์ทอง บอกว่า จากความตั้งใจในการหยิบเรื่องของญินมาเล่าว่ามีอะไรที่มันน่ากลัวบ้าง เขาไปสะดุดอยู่เรื่องหนึ่งที่คำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาว่าญินสามารถอยู่ร่วมสังคมกับมนุษย์ แต่เรามองไม่เห็น เหมือนเป็นโลกคู่ขนานกับมนุษย์ทั่วไป
“ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจมาก จึงเอามาผูกกับเรื่องครอบครัว ซึ่งไม่ใช่คนตายนะ แต่เป็นวิญญาณที่เหมือนปีศาจครับ หรือจะเรียกว่าญินเป็นชนเผ่าเผ่าหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ความพิเศษของญินมีลักษณะเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ ทำให้มันมีความรัก โลภ โกรธ หลง และมันมีความสามารถพลังอำนาจมากกว่ามนุษย์ทำทุกทาง เพื่อแย่งชิงสิ่งที่เราหวงแหนได้ครับ คือมันอยากออกมาเมื่อไหร่ มันก็สามารถทำได้ทันที
“ในขณะที่มนุษย์ยังไม่ทันตั้งตัว ตรงจุดนี้เองคือความท้าทายในการเล่าเป็นภาพยนตร์ ผมเลยอยากเล่าญินในความที่มันเป็นเหมือนอมนุษย์ที่น่ากลัว ซึ่งผมว่ามันน่ากลัวมากกว่าผี เพราะมันก็มีความคิดมีชีวิตของมันเองเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย สิ่งนี้คือสิ่งที่ผีทำไม่ได้และน่ากลัวกว่าผีมาก หลังจากที่ผมเขียนบทญินเสร็จผมได้นำไปให้ผู้นำศาสนาอิสลามได้ลองอ่านดู เขาก็บอกว่าโอเคไม่มีปัญหาอะไร มันก็ดีอย่างหนึ่งที่มันเป็นการนำเสนอในรูปแบบของ ภาพยนตร์ให้คนรู้จัก ญิน
“นอกจากความหลอนและความน่ากลัวแล้ว ผมยังใส่ความเป็นแอ็กชันเข้าไปร่วมด้วย เป็นแบบเทลเล่อร์แอ็กชันเพิ่มความมันส์เข้ามาหน่อย เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และอมนุษย์”
เรื่องต่อมาคือ “ที่ชอบ” กำกับโดย “วุ้น ทรงศักดิ์ มงคลทอง” เล่าถึง 2 พี่น้อง “ปัน” และ “ป้อน” หนีเอาชีวิตรอดจากคนร้ายในป่าช้าผีตายโหง ทั้งคู่ไม่รู้ว่ากำลังถูกไล่ล่าจากคนหรือผี ป่าช้าแห่งนี้เต็มไปด้วยความผวา และกักเก็บความสยองขั้นสุดเอาไว้ ใครที่ย่างกรายเข้าไป ไม่เคยได้ตายดี!
“พอได้ยินชื่อหนัง ผมชอบเลยนะ มันเลยทำให้ผมเริ่มแตกไอเดียคอนเซ็ปต์ว่าเป็นตอน ‘ที่ชอบ’ และป่าช้ามันคือสถานที่ที่สามารถเป็นอะไรได้บ้าง ไม่ว่าใคร ๆ ที่ได้ยินคำว่าป่าช้ามันจะมีความรู้สึกกลัวเข้ามาแทรกทันที ผมว่ามันเป็นที่ที่น่ากลัว วังเวง และสามารถเป็นที่ที่ทำให้คนแอบมาทำอาชญากรรม และอีกสิ่งหนึ่งที่คนอาจจะไม่เห็นในแง่นี้ก็คือ ที่ชอบมันก็อาจจะเป็นที่ชอบของใครสักคนหนึ่งหรือของวิญญาณไหนสักวิญญาณอะไร ที่หลงชอบสถานที่แห่งนี้จึงติดอยู่ในที่นี่ จะว่าไปแล้วคนส่วนใหญ่มักพูดกับคนที่จากไปแล้วว่าของให้ไปที่ชอบที่ชอบนะ ผมว่าปมนี้น่าสนใจผมเลยหยิบคำว่าที่ชอบที่ชอบมาเล่าเป็นเรื่องราวใน 4 ป่าช้า”
“ผมอยากฝากภาพยนตร์ 4 ป่าช้า เป็นหนังผีที่ต่างจากทุกๆเรื่องที่ผมทำมาเลย แตกต่างแบบชอบมากด้วยนะ จริงๆแล้วคนเรากลัวอะไรกันแน่ในป่าช้า กลัวผี กลัวคน หรือกลัวความมืด เป็นเรื่องที่อยากให้คนดูเข้าไปแล้วแบบสนุกกับการตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะเลือกกลัวอะไรในที่ที่เราเรียกว่าป่าช้าแบบที่ชอบ”
เรื่องที่ 4 Miracle กำกับโดย “เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร” เล่าถึงตัวละครหนุ่ม “ชาคริต” ที่เสียใจแทบเป็นบ้า เมื่อภรรยาสุดที่รักเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เขาสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าในป่าช้าฝังร่าง เพื่อขอชีวิตภรรยากลับคืนมาอีกครั้ง แต่ไม่ได้มีแค่พระเจ้าที่รับฟัง ตามคำขอ อีกทั้งต้องแลกกับบางอย่าง อยู่ที่เขาจะกล้าหรือไม่
“ตัวผมเองผมเป็นคริสเตียน ซึ่งเรามองว่าชีวิตหลังความตายเป็นชีวิตที่สวยงาม ก็คือว่าการจากโลกนี้ไปร่างกายก็กลับคืนสู่ดินสู่ธรรมชาติ หลงเหลือแค่จิตวิญญาณจะอยู่ ในพระหัตถ์ของพระเจ้าคือบนสวรรค์เท่านั้นเองนะครับ ผมเลยเกิดไอเดียในการทำตอน Miracle โลกหลังความตายถ้าสุสานเป็นเหมือนประตู ๆ หนึ่งที่สามารถก้าวเข้าไปสู่อีกดินแดนที่ถ้าก้าวข้ามไปแล้วไม่สามารถกลับมาได้ แต่อยู่ดี ๆประตูนี้สามารถทำให้ก้าวผ่านและกลับมาได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่กลับมานั้นเป็นของใคร”
เต๊ะ ศตวรรษ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ตอน Miracle มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผม แต่มันเป็นความยากที่ท้าทายผมมาก ๆ ค่อนข้างทำการบ้านเยอะ ผมมองว่าต้องให้ความสำคัญในทุก ๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นทีมนักแสดง, โลเคชั่น, พร้อพ, แสงเงา และมุมมองการถ่ายทำล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญ อย่างโลเคชั่นที่ผมเลือกเวลาผมมองแล้วผมต้องรู้สึกและรับรู้ได้ว่าที่แห่งนั้นมันมีบรรยากาศหรือมีอะไรซ่อนอยู่ แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงความเวิงว้างหลอน ๆ และน่ากลัว
“Miracle มันจะเป็นหนังอีกแนวหนึ่งที่เมื่อเราได้ดูแล้ว เราจะไม่ได้รู้สึกแค่ความกลัว แต่เราจะรู้สึกความบาปที่มันน่ากลัว ผมไม่ต้องการให้คนดูให้รู้สึกว่ามันน่ากลัวเพราะมันความสะอิดสะเอียน ตกใจ แต่ผมอยากให้คนดู รู้สึกว่าทำไมคริสเตียนถึงกังวลกลัวเรื่องบาป ต้องกลับใจเริ่มต้นใหม่อย่าทำบาปและถ้าทำบาปแล้ว ต้องสารภาพอย่ากลับไปทำอีก ทำไมพระเจ้าถึงสอนเราแบบนี้ เพราะความบาปมันน่ากลัวจริง ๆ ครับ
“ผมอยากให้ Miracle เป็นตัวแทนของหนังในมุมมองความเชื่อความจริงที่ทำให้ตัวเองฉุกคิดว่า การกลับมาของโลกหลังความตายมันน่ากลัวจริง ๆ นะครับ ก็เชื่อว่าเพื่อน ๆ แฟน ๆ ที่มาดูก็น่าสนุกตื่นเต้นไปด้วยกัน”
เตรียมนับถอยหลังสู่ความสะพรึงเสียวสันหลังโดย 4 ผู้กำกับที่จะพาทุกคนกระโจนเข้าไปสู่โลกหลังความตาย “4 ป่าช้า” 10 เมษายน เป็นต้นไป
