”มิ้นท์ รัญชน์รวี“ เผยสาเหตุต้องพบจิตแพทย์ เพราะที่ผ่านมารับแต่บทดราม่า จนสะสมข้างใน โดนทักว่า “นี่ไม่ใช่มิ้นท์คนเดิม” ประสบปัญหาการใช้ชีวิต ความสุขลดลงเหลือแค่ 50%
เรื่องดราม่า ชีวิตรันทดต้องไว้ใจ “มิ้นท์ รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร” นักแสดงเลือดใหม่ของช่อง 3 เพราะที่ผ่านมา ตั้งแต่เข้าวงการ เกือบทั้งหมดละครที่เจ้าตัวรับ ส่วนมากจะเป็นบทดราม่า เรื่องล่าสุด “เมื่อตะวันลับฟ้าก็จะเป็นเวลาของดวงดาว” ก็ยังดราม่า จนเจ้าตัวออกปากว่าการเล่นดราม่าแม้จะถนัด แต่ก็มันก็สะสมจนทำให้ความสดใสในตัวเองลดลงเหลือแค่ 50%
“คือตอนที่เล่นเรื่องแรกๆ ก็จะเป็นละครดราม่า อย่างล่าสุดดุจอัปสร มันก็ยังมีอารมณ์ที่ยังค้างอยู่ ซึ่งถามว่าการเล่นแต่ดราม่า มันเหนื่อยไหม มันเหนื่อยนะคะ แต่จริงๆ แล้วเราเป็นคนชอบเล่นดราม่า มันสนุกดี มันสะใจที่ได้เล่น เหมือนซาดิสม์(หัวเราะ) แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี มันเหมือนเก็บอารมณ์ไว้ มันสะสมมาเรื่อยๆ จนทำให้ร้องไห้ง่าย เซนซิทีฟง่าย อารมณ์มันก็จะแปรปรวน อันนี้คือในชีวิตจริงที่เจอมา “
“คือเราก็สังเกตตัวเองว่า บางทีเรานั่งอยู่ในรถ ฟังเพลง อยู่ดีๆ ก็ร้อง คือมันอธิบายไม่ถูก เหมือนว่าความรู้สึกมันยังคาอยู่ อย่างเราเล่นละครดราม่าที่มันหนักมากๆ พอเราร้องไป และมันสุดมากๆ อยู่ดีๆ เค้าสั่งคัท เราต้องหยุดทันที แต่ในความรู้สึกข้างใน มันยังไม่ได้คลีน”
“พอเราเล่นดราม่าไปเรื่อยๆ เราก็พยายามหาวิธี หาเวลาให้ตัวเอง หาสิ่งที่ตัวเองชอบ ทำให้เราสบายใจ ทำให้ความรู้สึกที่มันค้างคาใจให้มันหายไป ซึ่งถามว่ามันกระทบกับชีวิตไหม เอาจริงๆ มันก็กระทบอยู่ อย่างเช่นเรื่องอารมณ์ของเราเอง แต่ก่อนเราเป็นคนที่มีความสุขกับสิ่งรอบข้างได้ง่ายมาก เมื่อก่อน 100 ตอนนี้คือ 50:50 คือพอเล่นจบแล้ว เราไม่ได้เวิร์คช็อปเอามันออกมา”
“ความรู้สึกตรงนี้เราสัมผัสได้ แล้วก็มีคนอื่นทักว่า เราเป็นคนขี้กังวล อ่อนไหว อะไรนิดอะไรหน่อยก็เอาเก็บไปคิด เมื่อก่อนเราไม่ใช่เป็นคนอย่างนั้น และอย่างช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้พักยาวๆ เราเลยเริ่มเช็คตัวเองว่า ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ใช่มิ้นท์คนเดิม อะไรที่มันดิ่งมากๆ ซึ่งจริงๆ เราไม่รู้ตัวเลย เวลาที่เราเล่นดราม่า มิ้นท์ไม่ได้เรียนการแสดงมาก่อน เราได้เวิร์คช็อปตามเรื่องต่างๆ แบบครูพักลักจำ ตอนเล่นดุจอัปสร หนูใช้วิธีการคุยกับตัวเองในกระจก เอาบทมาอยู่กับเราด้วยกันทุกวัน ซึ่งจริงๆ มิ้นท์ว่า ควรจะไปหาครูมาช่วยเวิร์คช็อป“
”ซึ่งวิธีบำบัดของเรา ตอนนี้กำลังหาอยู่ เคยลองไปคุยกับจิตแพทย์ เค้าก็แนะนำว่าจริงๆ เรามาจากสายการแสดง ก็ต้องไปคุยกับครูสอนการแสดง“
