“หมาก-คิม” บอกเป็นเรื่องที่พูดยากว่าบ้านของตนไม่ได้รับความเสียหายเลยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะที่คนอื่นอยู่คอนโดทั้งที่อยู่และสภาพจิตใจเสียหาย ส่วนบ้านที่ลำปางแม้จะอยู่ไกลจากไฟป่าแต่ก็ได้รับผลกระทบ อากาศเป็นพิษ มีแต่ควัน ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องถือเป็นบททดสอบชีวิตคู่
ไม่ได้อาศัยอยู่บนตึกสูงเหมือนคนอื่นๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ สำหรับคู่ของ “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” และ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” แต่ก็เป็นเรื่องที่พูดยากที่จะบอกว่าบ้านตนไม่ได้รับความเสียหาย ทุกอย่างปลอดภัยดีเพราะมันเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติที่ไม่ค่อยเกิดในประเทศไทยด้วย
หมาก : “จริงๆ เราอยู่ที่บ้านก็รู้สึกเหมือนกัน ทางออนไลน์เร็วมากๆ เลย ก็ดีที่แจ้งข่าวกัน จริงๆ นึกว่าเราเวียนหัว จะล้ม”
คิม : “นึกว่าบ้านหมุน ถึงวัยแล้วเหรอ ไม่น่าจะเร็วขนาดนั้นนะ”
หมาก : “หลังจากนั้นเราก็เห็นข่าวที่ส่งกันมา คือตึกถล่ม หลายชีวิตอยู่ในนั้น ก็น่าเห็นใจน่าสงสาร ก็ฝากแสดงความเสียใจไปด้วย”
คิม : “บ้านเราไม่ได้เสียหายเลย เทียบกับบ้านคนอื่น คนที่อยู่คอนโดไม่ได้เลยค่ะ”
หมาก : “รู้เลยนะว่าอาคารก็เสียหาย สภาพจิตใจก็เสียหาย เขาไม่กล้าขึ้นไปห้องเขาบ้านเขา เข้าใจเขา อย่างเราเองอยู่บ้านก็จริง แต่พูดยากนะ มันเป็นเรื่องของอนาคตและเป็นสิ่งที่คุมไม่ได้จริงๆ มันเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติเราก็ไม่รู้จะทำยังไง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
คิม : “เพื่อนสนิทเรา ญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ก็เจอผลกระทบ นางหนีกันเป็นซีนดรามาเลย”
หมาก : “นอยด์เลย”
ตอนนี้พ่อของ “ญาญ่า” กลับนอร์เวย์ไปแล้ว อาการตกใจ นอยด์ ดีขึ้น
คิม : “ตอนนี้คุณพ่อกลับไปนอร์เวย์แล้วค่ะ ก็อัปเดตกันตลอด แล้วทุกคนก็ตกใจกับเหตุการณ์นั้น มันต้องอพยพออกมาทันทีเลยคนที่อยู่คอนโด ทั้งกลัว ตกใจ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก”
หมาก : “มันคือเรื่องใหม่ของบ้านเราเนอะ หลังจากนี้ก็ต้องเรียนรู้กันไป”
คิม : “ญาญ่านางก็ตกใจ ไม่กล้ากลับบ้าน ก็แบบมาอยู่บ้านเราไหม ตอนนี้น่าจะดีขึ้นแล้วค่ะ แล้วก็มีการตรวจของตึก ก็น่าจะมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจตึกจนกว่าจะกลับไปได้”
ส่วนบ้านพ่อแม่ที่ลำปางแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณไฟป่าแต่ก็ได้รับผลกระทบ
หมาก : “ไม่เป็นอะไรครับ ผมว่ากรุงเทพฯ ตึกสูงมันเยอะความเสียหายน่าจะเยอะกว่า (มีไฟป่าด้วย?) ใช่ ไฟป่า ก็เป็นห่วงนะมีทั้งฝุ่นทั้งอากาศร้อนคนก็ไปจุดอะไรอีก บ้านเมืองเราก็ช่วยกันดูแลหน่อยแล้วกัน ดีที่ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านผม แต่ก็ได้รับผลกระทบ เพื่อนก็ส่งกันมาว่าควัน มลพิษเยอะ”
ซัมเมอร์มีแพลนทำงานที่ญี่ปุ่นและทางใต้
คิม : “ไปทำงานค่ะ ที่ญี่ปุ่นค่ะแล้วก็แต่ว่าเราจะมีไปภาคใต้ด้วยกันค่ะ แล้วเดี๋ยวมีทริปต่างประเทศยุโรปกลางปี”
ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องถือเป็นบททดสอบชีวิตคู่
คิม : “ตอนนี้ดีขึ้นฟอลโลว์อัปไปแล้วค่ะ ตอนนี้รอทำซีทีสแกนว่าอะไรยุบไหมแต่เท่าที่ดูแล้วมันเหมือนดีขึ้นเยอะมากๆๆ แล้วค่ะ รู้สึกว่าตอบสนองกับยาดีมาก ตอนนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง สภาพจิตใจก็ดีค่ะปล่อยวางแล้ว เพราะตอนแรกมันก็นอยด์จริงๆ คำพูดหมอ คือเขาจะพูดในเคสที่แย่ไง เราก็หยิบคำพูดของเขามาคิด ไอ้คำพูดที่ดีๆ เราก็ไม่ได้หยิบมาฟัง ฟังแค่ที่ไม่ดี เราก็นอยด์ แต่พอไปศึกษาคุยกับคุณหมอหลายๆ คนเราก็สบายใจขึ้น ว่าการรักษาเราก็มาถูกทาง (ได้กำลังใจจากหมากเต็มที่?) เต็มที่ค่ะ ไปด้วยทุกโมเมนต์เลยค่ะ อยู่ข้างๆ ตลอด”
หมาก : “ก็ปกติครับ พาไปส่ง พาไปกินข้าว”
คิม : “มันก็เป็นบทพิสูจน์ในชีวิตมากกว่าว่า มันก็ต้องมีวันที่เราป่วย เราก็สบายใจที่มีคนอยู่ข้างๆ เรา ถ้าเราอยู่ตัวคนเดียวก็ไม่รู้จะให้ใครมาดูแลเราเหมือนกัน”
มีผลกับการมีลูกหรือต้องเลื่อนออกไปแบบไม่มีแพลน
คิม : “ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็เรียกว่าไม่ได้มีแพลนเลยเรื่องมีลูก เอาตัวเองก่อนให้เราแข็งแรงที่สุดก่อน ถ้าเราพร้อมแล้ว ค่อยเอาตอนที่เราพร้อมจริงๆ ค่อยคุยกับหมอดูอีกทีนึง”
