“กชเบล - หมอแจน” ภูมิใจหลังสร้างประวัติศาสตร์ ไลฟ์ขายของ 3 ชม. ได้เกือบ 10 ล้านบาท ยันไม่คิดว่าเป็นการแข่งขัน แต่คลั่งหาเงินให้องค์กร ปลื้มไลฟ์สดติดอันดับ 1 ของโลก หมอแจนดีใจ “บอสณวัฒน์” หายโกรธ ปลดล็อกความกดดัน ไม่รู้ลูกค้ารุมจีบซื้อตัว
ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์นางงามกับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศตำแหน่ง 𝗕𝗲𝘀𝘁 𝗦𝗲𝗹𝗹𝗲𝗿 𝗔𝘄𝗮𝗿𝗱 ระหว่าง “กชเบล ศรัณย์รัชต์ เผือกพิพัฒน์” มิสแกรนด์ภูเก็ต กับ “หมอแจน ณัฏฐ์ฑินี ธนัตพรภิญ” มิสแกรนด์ลำปาง กับการไลฟ์สดขายของในระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมง ก็ทำยอดขายรวมเกือบ 10 ล้านบาท เรียกได้ว่าตอกย้ำความสำเร็จ และศักยภาพในการสร้างมูลค่าอย่างแท้จริงของเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์
ล่าสุด หมอแจน ควง กชเบล ออกมาเปิดใจหลังสร้างประวัติศาสตร์ไลฟ์ขายของ บอกขอบคุณทุกแรงสนับสนุนจากด้อมแฟนคลับ ดีใจที่ได้สร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับองค์กร เชื่อว่าบอสณวัฒน์น่าจะมีความสุข
กชเบล : “บรรยากาศเราไม่ได้รู้สึกว่าเราแข่งกันอยู่ เรารู้สึกว่าเหมือนเราหาเงินให้องค์กร เรารู้สึกอยากสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ตอนขายไปมีแต่เอเนอร์จี้ มีแต่ความบ้าคลั่ง 1 นาที 300,000 บาท มันขายได้ยังไง แล้วคือไลฟ์ 3 ชั่วโมง 6 ล้านบาท ไลฟ์สดติดอันดับ 1 ของโลก นี่กชเบลของป๊ะป๋า เราไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แต่ก็ไม่ใช่ความสำเร็จของเราคนเดียว นี่คือความสำเร็จของชาวด้อม ความสำเร็จของแฟนๆ ละคร ความสำเร็จของเอฟซี ยอดทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่ตัวเลข มันคือพลังซัปพอร์ตเราทั้งการกดหัวใจ 250 ล้านใจ ส่งของขวัญเป็นล้าน กดตะกร้ากันเกือบแสนออเดอร์เยอะมากๆ มันเกินขีดจำกัดจริงๆ ดีใจที่เราได้สร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับองค์กร เชื่อว่าป๊ะป๋าน่าจะมีความสุข”
หมอแจน : “ก็รู้สึกว่าดีใจมากๆ คือจริงๆ แพ้ชนะสำหรับเรามันไม่สำคัญเท่ากับทำให้เราได้รู้ว่าคนในด้อมรักเรามากขนาดไหน อย่างที่เราบอกเราไม่คิดว่าจะขายของได้เป็นล้าน เราเคยทำสถิติได้มากสุดคือ 2 ล้าน แต่เมื่อวานคือ 3.3 ล้าน ซึ่งมันเยอะแล้วมันก็มีความหมายกับเรามากๆ ช่วงวัยขนาดนี้เราแข็งแกร่งอยู่ภายใต้ความกดดัน เมื่อวานแฟนคลับหลายๆ คนหน้างานถามน้องแจนเครียดไหม เสียงเชียร์พี่เบลกระหึ่ม อันนี้ต้องยอมรับความสามารถของพี่เบลเก่งมาก สกิลการขายของเขาก็ฉ่ำ ซึ่งตัวเราเองเมื่อวานไม่ได้กดดันเลย เรากลับรู้สึกมีสติว่าในสถานการณ์แบบนี้เราสามารถฮึดสู้ได้ เข้มแข็งได้ แล้วก็ขายของซึ่งเราก็บอกแม่ๆ ของเราให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ ดูสินค้าไปทีละตัว ก็ทำให้เราได้พัฒนาสเต็ปการขายแล้วทักษะการพูดด้วยค่ะ”
เผยไม่กดดันแฟนคลับกชเบลเยอะ
หมอแจน : “ไม่เลยเรารู้ว่ามันคือการแข่งขัน แล้วถ้าเราสามารถรับสภาวะกดดัน แต่สำหรับเราไม่เรียกว่ากดดัน แต่แม่ๆ หลายคนเราเห็นหน้าเสียแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่ามันคือบททดสอบความท้าทายที่เราพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น อย่างที่บอกบอสเชื่อว่าเราจะทำได้ จะขายของได้เป็นล้าน แล้ววันนี้เราทำได้มากกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ในชีวิตของตัวเอง”
เผยดีใจมากได้ปลดล็อกตนเอง หลัง “ณวัฒน์” หายโกรธ
หมอแจน : “ขายเสร็จเราก็ไปถามบอสว่า หายโกรธเราหรือยัง เพราะวันนี้ไม่ได้ 20 ล้าน เขาบอกไม่ได้โกรธ หายโกรธแล้ว และก็ยิ้ม แล้วเข้ามากอดสองที คือเราไม่เคยกอดบอสเลย เรารู้สึกเขินเขาเป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพมากๆ แล้วเมื่อวานบอสเอ็นดูเมตตาเรา บอสก็บอกไม่เป็นไรก็ทำงานต่อไป ก็ยิ่งรู้สึกดีใจ
ก็ปลดล็อกมาก หลายคนบอกว่าเราแอบกังวล ตอนแรกเราก็บอกทุกคนนะว่าไม่เครียดๆ แต่พอขึ้นเวทีด้วยช่วงหลายวันที่ผ่านมา เรารับอะไรหลายอย่างเยอะมาก มันก็มีแอบห่อเหี่ยวนิดนึงแต่ก็ทำตรงนี้ได้ดีที่สุด เอาจริงๆ ก็ปลดล็อกมาก ด้วยความว่าเมื่อวานเราก็ตั้งเป้าไว้ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสว่ายอดเท่าไหร่ แต่เราก็อยากทำให้ได้มากที่สุด แค่ 3 ล้าน กับ 20 ล้าน มันยังไม่ถึงเป้า พอเมื่อกี้พอได้ฟังบอสสัมภาษณ์ว่าหายโกรธแล้ว บอสพูดด้วยท่าทียิ้มจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่เครียดแล้วคะ ความเครียดกลายเป็นศูนย์”
กชเบล : “ถ้าไม่ถึงเป้าเรายินดีช่วย เพื่อให้ถึง 20 ล้าน คือเมื่อวานที่มาเชียร์เรา เขาก็เชียร์ด้อมหมอแจนด้วย ด้อมปลาเผาเขาก็รักเอ็นดูเราด้วย มีอะไรก็ดูแลกันตลอดเหมือนพี่น้อง”
บอกไม่รู้ว่ามีลูกค้าแห่จ้างงานแล้ว
กชเบล: “ขออนุญาตนะคะ ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่รู้เลย”
หมอแจน : “สำหรับ CEO ทุกท่านในประเทศไทย ที่ดูไลฟ์อยู่ตอนนี้พวกเราชอบทำงานมาก เข้ามาจ้างพวกเราเยอะๆ พวกเราน่ารักนะคะ เพราะฉะนั้นก่อน 28 ต้องรีบจองตัวนะคะ เพราะว่าต่อไปเราน่าจะฮอตกันมาก”
กชเบล : “ก่อนที่เราจะขึ้นเวที มีลูกค้าติดต่อมาทักเฟซบุ๊กเรา ซึ่งเราก็บอกว่าตอนนี้ไม่สามารถรับงานได้เลย”
หมอแจน : “อยากจะบอกว่าทำงานกับพี่เบลสนุกมาก บางคนมองว่าเป็นคู่แข่งกัน แต่ทุกครั้งที่ทำงานกับพี่เบลเป็นอะไรที่สบายใจ สนุก เอนจอย แล้วเขาพูดเก่ง เขามีความสามารถเวลาที่ทำงานกับเขามันง่าย เพราะฉะนั้นรู้สึกว่าพวกเราสองคนได้เข้าไปเป็นลูกป๊ะป๋า ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าเงินจะทะลักล้นขนาดไหน สวยคนละแบบ คาแรกเตอร์ก็ต่าง เพราะฉะนั้นเอาพวกเราสองคนจับมือเถอะค่ะ”
