บ.แบรนด์เนมฯ แจ้งความ "ดิว อริสรา" ข้อหาฉ้อโกง

วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 11. 00 น. ทางด้าน "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ได้เดินทางมาที่สน.ปทุมวัน พร้อมกับตัวแทนของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนักแสดงชื่อดัง "ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์" ในข้อหาฉ้อโกง โดยการเอาสร้อยของผู้อื่นมาขายฝากกับบริษัท โดยทุจริตหลอกลวงว่าเป็นของตัวเอง โดย ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า ความผิดของนักแสดงสาวเข้าข่ายกฎหมายฉ้อโกงทุกประการ

ทนาย : "ผมพาตัวแทนจากบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ มาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในข้อหาฉ้อโกง เพราะตอนที่คุณดิวให้คนเอาสร้อยคอของบุลการีมาวางขายฝากกับทางบริษัท คุณดิวก็อ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของตัวเขาเอง และเอามาขายฝากไว้เพื่อจะได้เงินสินเชื่อนี้ไปเป็นของตัวเอง คือปกปิดข้อเท็จจริงครับ เข้าองค์ประกอบความผิดข้อหาฉ้อโกงทุกประการ ตอนนี้ทางบริษัทต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย เพราะว่าบริษัทได้รับความเสียหาย จากการถูกหลอกลวงโดยทำให้เชื่อว่าทรัพย์สินนี้เป็นของลูกหนี้ และนำมาขายฝากไว้ มีสัญญาขายฝากตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 65 และมีการต่อขยายสัญญามาเรื่อยๆ ครับจนถึงสัญญาฉบับที่ 4"

ตัวแทนบริษัท : "เรื่องของใบเซอร์ ในวันที่ 19 ส.ค. ที่นำสร้อยมาฝาก เราได้มีการสอบถามถึงใบเซอร์แล้ว ทางคุณดิวก็แจ้งว่าอยู่อีกที่นึง อย่างที่แจ้งว่าบริษัทเราทำธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อแบรนด์เนมและสินเชื่อรับฝากแบรนด์เนม คือเราไม่ได้ต้องการของเพื่อจะนำไปขายต่อ แต่เราเป็นการรับฝาก ซึ่งอุปกรณ์ไม่ต้องมาครบก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ราคาก็จะลดหลั่นลงไปตามที่อุปกรณ์มี ซึ่งตอนนั้นเราได้มาแค่สร้อยกับตัวกล่องค่ะ การรับฝากแบรนด์เนมเราไม่สามารถไปเช็คจากช็อปได้ว่าของชิ้นนี้เป็นของใคร ทุกช็อปจะมีกฎของเขาในการเช็ก ซึ่งชื่อที่มาขายฝากก็เป็นชื่อคุณดิวเลยค่ะ เรามีการทำธุรกรรมถูกต้องกับคุณดิว มีการเซ็นเอกสารสัญญาถูกต้องค่ะ แต่เป็นการเซ็นออนไลน์ เราส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปค่ะ แล้วคุณดิวก็ส่งกลับมา มีเอกสารถูกต้องก็คือมีบัตรประชาชน และการลงนามถูกต้องในสัญญาค่ะ"

ทนาย : "ผมตรวจย้อนหลังแล้วตั้งแต่วันที่เขาทำธุรกรรมกัน คือการทำธุรกรรมมันไม่จำเป็นต้องทำต่อหน้า เพราะมันมีกฎหมายการทำสัญญาทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามพรบ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมันมีการยืนยันตัวตนแล้วว่าปลายทางมันคือคุณดิว อริสราแน่นอน คงไม่ผิดไปจากนี้ ก็มีการส่งร่างสัญญาให้ และมีการเซ็นกลับมา สแกนกลับมา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายทุกประการครับ ก็สามารถที่จะใช้ได้ตามกฎหมาย และทางเจ้าตัวเขาก็ยอมรับแล้วด้วยว่าเขาทำสัญญากับเราจริง"

ตัวแทนบริษัท : "ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการทำธุรกรรมอย่างอื่นค่ะ มีเป็นเส้นนี้เลยเป็นชิ้นแรก ถามว่ามีการเช็กประวัติเจ้าของมั้ย ไม่ค่ะ คือเราเช็กไม่ได้เลย ในการซื้อสินค้ามือสองมาแล้วนำมาฝากต่อกับเรา อาจจะมีใบเสร็จมาก็จริง แต่ใบเสร็จก็อาจจะเป็นชื่อคนที่ซื้อมามือหนึ่งจากช็อป คือการซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมันไม่เหมือนการซื้อรถยนต์ ถ้าซื้อรถยนต์ต่อกันมามันจะมีเลขทะเบียน เราจะรู้ว่าผ่านมือใครมาบ้าง แต่ถามว่ามีความเสี่ยงที่จะรับของโจรมั้ย คือเรามีสัญญาชัดเจน ลูกค้าต้องถ้อยแถลงชัดเจนว่าเป็นของที่เป็นกรรมสิทธิแต่เพียงผู้เดียว และไม่ได้ทุจริตมาด้วยประการใดก็แล้วแต่ ถ้าเกิดเราตรวจสอบพบเราก็ต้องดำเนินการค่ะ"

เผยไม่ได้ตั้งใจจะไม่คืนสินค้าให้เจ้าของตัวจริง แต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนก่อน
ทนาย : "เรื่องการคืนสินค้าต้องเอาไว้หลังจากนี้ มันเป็นกระบวนการของกฎหมาย เพราะตัวสินค้าวันแรกที่เรารับมา เราเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นของคุณดิว อริสรา ในวันนั้นคงไม่มีใครสงสัยหรอกว่าคนอย่างคุณดิว อริสราจะเอาของคนอื่นมาขายฝาก คงเป็นไปไม่ได้ ส่วนเรื่องราคาที่บอกว่าถูกไปมั้ย ก็อย่างที่บริษัทบอกว่าเขาตีเป็นของมือสอง ซี่งราคาพวกนี้เราต้องเผื่อให้เขาไถ่ของคืนด้วย เขาได้สินเชื่อไป 7 ล้าน เขาต้องไถ่ของคืนได้ แต่ทางคุณดิวก็มีการส่งดอกเบี้ยมาทุกเดือน ก็ส่งมาแต่ดอกเบี้ยครับ"

ตัวแทน : "ส่งมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมเลยค่ะ และสิ้นสุดก่อนที่เราจะมีข่าวกันก็คือประมาณเดือนมีนาคม จำตัวเลขกลมๆ ไม่ได้ แต่เราคิดดอกเบี้ย 1.25% ค่ะ ตามกฎหมายกำหนด เป็นบัญชีของคุณดิวโอนมาด้วยตัวเองค่ะ สำหรับของตอนนี้ในนามของบริษัท แบรนด์เนม มันนี่นะคะ เรื่องคืนของเราขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ของยังไงก็ต้องกลับไปสู่เจ้าของอยู่แล้ว แต่ขออย่าใช้สื่อในการกดดันเรา เพราะเราก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย เงินจำนวน 7 ล้านก็ไม่น้อย และเราก็ทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา เราก็เลยต้องขอเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงบริษัทด้วย คือบริษัทเรามีลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เราก็เลยต้องการปกป้องชื่อเสียงบริษัท และจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายกับทางคุณดิวค่ะ

หลังจากนี้ทางบริษัทก็คงต้องมีการเพิ่มมาตรการในการตรวจเช็กมากขึ้น เราก็ต้องปรึกษากับทางทีมงานผู้บริหารและทางฝ่ายกฎหมายอีกทีนึง แต่ผลกระทบจากเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรนะคะ แค่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าตอนนี้เราโดนกระแสเรื่องการคืน ก็อย่างที่แจ้งไปข้างต้นค่ะ แต่ถามว่าจะมีการเจรจากับทางเจ้าของตัวจริงในการคืนของได้มั้ย อันนี้เราต้องขอดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายฝั่งเราก่อนค่ะ เพราะเราทำแบบสุจริต และมีขั้นตอนในการดำเนินการค่ะ เราทำบนสัญญาที่ถูกต้องทั้งหมด จึงจำเป็นต้องทำตามขั้นตอนก่อน เลยยังไม่สามารถเจรจาได้ตอนนี้ค่ะ แต่หลังจากนี้จะมีการเจรจาแน่นอนค่ะ"

ทนาย : "การเซ็นรับสภาพหนี้หรือเซ็นสัญญาหนี้ต้องดูด้วยว่ามันเป็นหนี้มั้ย ในส่วนของคุณดิวกับทางบริษัทมันเริ่มจากการหลอกลวงว่าเป็นสินค้าของตัวเองและเอามาขายฝาก มันเป็นอาญา ก็ต้องมานั่งคุยกันในคดีอาญา คงไม่ได้มานั่งคุยกันในคดีแพ่ง ว่าต่อจากนี้ไปเขาจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ทางบริษัทได้รับมายังไง แต่วันนี้เรายังไม่ได้คุยกันในรายละเอียดเรื่องการเซ็นรับสภาพหนี้เลย แต่คดีฉ้อโกงมันเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ ซี่งมันขอร้องทุกข์ได้ตลอดเวลา ก็คุยกันได้ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นว่าเขาจะรับผิดชอบยังไง

การมาแจ้งความวันนี้ก็ไม่เชิงมากดดันหรอก เราก็ดำเนินคดีจริงๆ แต่ในอนาคตถ้าคุยกันรู้เรื่อง คุยกันจบ เขาเยียวยาอะไรมาบ้างแล้วก็ค่อยพิจารณากันอีกทีนึง แต่มันจะไปถึงขั้นนั้นได้ ผมก็มีการคุยกับผู้บริหารและมีนโนบายหลักๆ ก็คือ การเจรจาหรือการพูดคุยกันในการแก้ไขในเรื่องที่มันเกิดขึ้นนี้ เจ้าตัวควรจะบินกลับมาไทยและมาพูดคุยกันด้วยตัวเอง ควรจะเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผมมีปัญหาอะไรกับการเจรจากับทางทนายด้วยกันนะ ก็ยินดีในการพูดคุย แต่มันจะดีกว่ามั้ยถ้ามีตัวความเองมานั่งเจรจาด้วย ผมว่ามันดีกว่าเยอะเลย"

บอกยังไงก็ไม่เข้าข่ายรับของโจร
ทนาย : "แต่ถามว่าถ้าเราไม่คืนของ เราจะโดนข้อหารับของโจรมั้ย คือมันต้องดูตั้งแต่วันแรกครับ วันแรกที่เรารับมา ถ้าเรารู้ว่าอันนี้มันไม่ใช่ของคุณดิว อริสราแน่นอน แต่มันเป็นของคนอื่นก็อีกเรื่องนึง ถ้าเรารู้ว่าของนี้เขาไม่ได้เป็นเจ้าของเลย และไปยักยอกเอามาด้วย อันนี้เป็นรับของโจร แต่หลักฐานที่ปรากฎตั้งแต่วันแรกที่มีเรื่องจนถึงวันนี้ มันปรากฎว่าเราเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นของคนอื่น ขณะเดียวกันทางคุณดิว อริสราเท่าที่เห็นก็คือเขาก็มีความสัมพันธ์กับทางคุณเมย์ ก็คือคุณเมย์ให้ยืมของมาแก้ปัญหา ระหว่างของคุณดิวกับคุณเมย์จะเป็นยักยอกหรือเปล่าผมยังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นเรื่องรับของโจรไม่เกิดขึ้นแน่นอนกับทางบริษัท ข้อกฎหมายมันไปไม่ถึงครับ แต่ผมเชื่อว่าสำหรับทางคุณดิวเขาคงไม่หนีมั้ง เรื่องแค่นี้เอง มันไม่ได้เป็นคดีร้ายแรงอะไรขนาดนั้น"

ตัวแทน : "ก็อยากให้คุณดิวบินกลับมาเจรจากัน หาข้อตกลงร่วมกันค่ะ ซึ่งหลังจากที่ไปออกรายการโหนกระแสวันนั้นก็ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับคุณดิวโดยตรงเลยค่ะ แต่จะเป็นทางทนายของคุณดิวติดต่อมา"