กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อ “ใบเฟิร์น อัญชสา มงคลสมัย” ทำคลิปบินเฟิร์สคลาส ของสายการบินแห่งหนึ่งบินไปยังฮ่องกง และโพสต์ลง TikTok : bifern_bivoyage โดยเนื้อหานำเสนอเกี่ยวกับการใช้บริการว่าถ้าเลือกบินเฟิร์สคลาสนั้นได้อะไรบ้าง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเธอเป็นคนจ่ายเงินซื้อเอง ไม่ได้สปอนเซอร์จากสายการบินแต่อย่างใด
จากนั้นก็มีบุคคลออกมาโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทราบภายหลังว่าคือลูกเรือในสายการบินดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวได้แชร์คลิปของใบเฟิร์น พร้อมข้อความแซะว่า “น้องเขาทำคลิปเก่งเนอะ ดูเหมือนไฟลต์นี้ บิน 15 ชม.” เรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นดรามาร้อนขึ้นมาทันที มีชาวเน็ตออกมาปกป้องใบเฟิร์นว่าเจ้าตัวผิดอะไร เพราะเขาจ่ายเงินเอง รีวิวเอง และการบริการเหล่านั้นมันก็มีเซอร์วิสในชั้นเฟิร์สคลาส ด้านใบเฟิร์นก็อัดคลิปฟาดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่
เรื่องร้อนจนทัวร์ลงสาวแอร์ฯ ถึงกับอินบ็อกซ์ไปขอโทษใบเฟิร์น รวมไปถึงโพสต์ขอโทษหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “สืบเนื่องมาจากเรื่องคลิปของคุณใบเฟิร์นเมื่อวานที่เป็นข่าว แหวนขอแสดงความเสียใจที่ทำให้คุณใบเฟิร์นและแฟนเพจไม่สบายใจ เจตนาของแหวนเพียงต้องการให้เพื่อนๆ ได้เห็นอีก มุมของคนที่ทำงานว่าเราต้องทำงานภายใต้ความกดดัน เพื่อให้งานออกมาสวยงามและทำให้ลูกค้ามีความสุข ไม่ได้ต้องการทำให้คุณเฟิร์นไม่สบายใจเลยจริงๆ ค่ะแหวนต้องขอโทษถ้าใช้คำพูดบางคำที่กระทบจิตใจของคุณเฟิร์น ยอมรับว่าไม่ได้เจตนา และไม่สบายใจที่ทำให้คุณเฟิร์นรู้สึกไม่ดีค่ะ
หวังว่าคุณใบเฟิร์นจะได้อ่านข้อความนี้นะคะ และถ้ามีอะไรที่แหวนจะทำได้ให้คุณใบเฟิร์น,สามี และแฟนเพจรู้สึกดีขึ้นช่วยบอกนะคะ จะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
ดรามายังไม่จบ นอกจากแอร์ฯ จะออกมาโพสต์ขอโทษ แต่ก็มี “โค้ชรุ่นพี่” (โค้ชพี่แหม่ม) ออกมาทำคลิปพูดถึงกรณีการโพสต์ขอโทษของแอร์ฯ รุ่นน้องไปในทิศทางที่ชาวเน็ตมองว่าเข้าข้างเกินไปไหม ซึ่งสวนทางกับโค้ชอีกคน ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นของการที่น้องแอร์ฯ คนนั้น ออกมาโพสต์ถีงพฤติกรรมผู้โดยสาร ซึ่งจริงๆ ถ้าในรายละเอียดการบริการนั้นมันหนักเกินไป ในเวลา 2 ชม. ก็ต้องแจ้งให้ต้นสังกัดทราบ ไม่ใช่ออกมาแซะผู้โดยสารแบบนี้
เลยทำให้รถทัวร์ นอกจากไปจอดที่หน้าบ้าน “น้องแอร์” แล้ว ยังแวะไปจอดหน้าบ้าน “โค้ชพี่แหม่ม” จนเจ้าตัวออกมาโพสต์ขอโทษถึงกรณีดังกล่าว
“ตั้งแต่เปิดเพจ ทำสื่อออกมา ครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตทางโซเชียลหนักที่สุดเท่าที่โค้ชแหม่มเคยเจอค่ะ จากความหวังดีและห่วงใยคนอื่น กลับกลายมาเป็นคมดาบที่ทำร้ายโค้ช ทั้งที่โค้ชไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครเลย ทั้งนี้ โค้ชขอพื้นที่เล็กๆ ชี้แจงตามนี้นะคะ..”
“โค้ชขอยืนยันจุดยืนว่า โค้ชพูดชัดเจนในคลิปว่า แอร์ฯ ไม่ควรพูดถึงท่านผู้โดยสารในแง่ไม่ดี และการที่มีท่านผู้โดยสาร First class เต็มทั้ง 14 ที่นั่งเป็นสิ่งดี เพราะถ้าไม่มีท่านผู้โดยสาร แอร์ฯ ก็ไม่มีงานทำ เพราะฉะนั้นโค้ชอยากขอความเป็นธรรมตรงนี้ว่าโค้ชมองท่านผู้โดยสารสำคัญเสมอ และไม่ได้ "ให้ท้าย"หรือ "เข้าข้าง" การกระทำของน้องแอร์ฯ คนนั้นเลยค่ะ”
ซึ่งเมื่อวาน (21 มีค.68) ใบเฟิร์นก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้วว่าแม้น้องแอร์จะอินบ็อกซ์และโพสต์มาขอโทษแล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวบอกว่ายังไม่ได้อ่าน แต่ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปทางต้นสังกัดของแอร์คนดังกล่าวแล้ว
“ได้เห็น Inbox ที่เขาส่งมาขอโทษ ตอนแรกไม่ได้อ่าน และอย่างที่บอก เฟิร์นได้ส่ง Report ไปแล้ว ส่งเรื่องเข้าระบบสายการบินตามปกติ ไม่มีการนอก Process อะไรทั้งนั้น เหตุผลที่ไม่อ่าน Inbox คิดว่าอยากทำทุกอย่างให้มันเข้าระบบ เฟิร์นก็อยากให้เรื่องนี้มันเป็นไปตามที่ระบบควรจะเป็น ไม่ใช่ว่าเฟิร์นไม่รับคำขอโทษ แต่เฟิร์นอยากให้เรื่องทุกอย่างจบก่อน แล้วถ้าอยากจะขอโทษตอนนั้นค่อยว่ากัน”
รวมไปถึงล่าสุดมีคนโพสต์ถึงการทำหน้าของแอร์ฯ บนเครื่องกับไฟลต์บินไปลอนดอนว่าการตลาดของสายการบินโปรโมตไปเรื่อย ว่าอย่าว่าแต่ไฟลต์ระยะสั้นเลย ขนาดไฟลต์ระยะยาวยังทำไม่ได้เลย
“เอาจริงๆ นะคะ ฝ่ายการตลาดหรือพวกออฟฟิศก็โฆษณาไปเรื่อยอะค่ะ ความเป็นจริงคือมันทำไม่ได้ยิ่งไฟลต์สั้นขนาดนั้น และผู้โดยสาร 14 คน ฝันร้ายมากนะคะ ขนาดเราเจอลอนดอนไฟลต์ยาวยังไม่พอเลยค่ะ พวกถ่ายเอาคอนเทนต์แบบนี้แหละสั่งอาหารมากมาย ถ่ายรูปเสร็จเก็บไปยกจานใหม่มา เดินจนถึงลอนดอนไม่ได้นั่งเลย”
ด้านใบเฟิร์นไม่รอช้า ไม่ปล่อยให้เป็นดรามาตอบกลับไปว่า ถ้าอะไรที่ทำไม่ได้ก็ควรแจ้งที่บริษัท ไม่ใช่มาบอกผู้โดยสาร เพราะผู้โดยสารเขาจ่ายเงินไปแล้ว เขาก็คาดหวังตามราคาที่เขาจ่ายไป พร้อมถามกลับว่าซื้อบริการและใช้บริการผิดตรงไหน
“อย่างที่แจ้งในคลิปเลยค่ะว่าถ้าอะไรที่ทำไม่ได้ ก็ต้องแจ้งกลับไปที่บริษัทค่ะ ในฐานะลูกค้าเราไม่ได้รู้เรื่องหลังบ้าน เราก็ซื้อการบริการตามที่มีให้ไป ก็คงคาดหวังสิ่งที่มีให้ตามราคาที่จ่าย เราก็คิดแค่นั้น
ส่วนเรื่องสั่งอาหารแค่ถ่ายคอนเทนต์ คือเราซีเรียส food waste เราก็ไม่ได้ทำแบบนั้น แต่ก็คิดว่าถ้ามีคนทำและไม่ได้เกินสิทธิ์ที่เขาพึงกระทำได้ ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้
เข้าใจค่ะว่าเหนื่อย แต่มันก็คืองานที่ต้องทำ เราว่าหลายๆ งานก็เหนื่อยเหมือนกัน กทม-ลอนดอน ที่ไม่ได้นั่งเลยก็จริง แต่ถึงลอนดอนยังได้พักตั้งกี่ชม. บางสาย lay over 1-2 วัน แต่งานอื่นๆ คำว่าไม่ได้พัก คือไม่ได้พักจริงๆ ค่ะ และคนเหล่านั้นที่ทำงานจนไม่ได้พักนี่แหละค่ะที่เก็บเงินมาเพื่อซื้อบริการเหล่านี้
กลับมาที่คำถามค่ะ ว่าคนซื้อบริการและใช้บริการผิดตรงไหนหรอ”
ต้องลุ้นกันว่าดรามานี้จะไปจบลงตรงไหน? เพราะทุกอาชีพก็มีความกดดันเหมือนกัน แล้วแต่ว่าคนทำอาชีพนั้นจะเข้าใจในอาชีพนั้นมากแค่ไหน ก็เท่านั้นเอง
