ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ The Electric State ซึ่งกำกับโดยพี่น้องรุสโซ และมีงบประมาณการสร้างสูงถึง 320 ล้านดอลลาร์ กลับประสบปัญหายอดผู้ชมที่ต่ำกว่าคาดหมายอย่างมาก โดยในสัปดาห์แรกของการเปิดตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้มียอดผู้ชมทั่วโลกเพียง 25.2 ล้านวิว ซึ่งถือว่าน้อยกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มใหญ่เรื่องอื่น ๆ เช่น Carry On และ The Gray Man
นอกจากนี้ The Electric State ยังได้รับคะแนนวิจารณ์ที่ต่ำมาก โดยมีคะแนน 10% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes และถูกวิจารณ์ว่าเป็น "ผลงานที่ขาดวิสัยทัศน์ทางศิลปะ"
ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี 2025 อย่าง The Electric State ที่กำกับโดยพี่น้องรุสโซ ซึ่งเป็นที่รู้จักจาก Avengers: Endgame (2019) ถูกคาดหวังให้เป็นผลงานไซไฟที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อออกฉายกลับได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงลบอย่างหนักจากผู้ชมและนักวิจารณ์ แม้จะมีงบประมาณสูงถึง 320 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 11,500 ล้านบาท) แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่สามารถทำให้แฟนๆ พอใจได้
ความล้มเหลวของการดัดแปลงจากนิยายภาพชื่อดัง
The Electric State ดัดแปลงมาจากนิยายภาพของ Simon Stålenhag ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านภาพลักษณ์อันโดดเด่นและบรรยากาศที่ชวนให้ดื่มด่ำ อย่างไรก็ตาม การนำเรื่องราวนี้ขึ้นสู่จอภาพยนตร์กลับถูกวิจารณ์ว่า “ทำลายแก่นแท้ของต้นฉบับ” และกลายเป็นเพียง "หนังตลาดที่ไม่มีจิตวิญญาณ"
หนึ่งในเสียงสะท้อนที่รุนแรงจากผู้ชมรายหนึ่งกล่าวว่า
“วันนี้ฉันขอไว้อาลัยให้กับ The Electric State นิยายภาพที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันงดงามและบรรยากาศที่ลึกซึ้ง ถูกดัดแปลงเป็นหนัง Netflix ที่ไร้ชีวิตชีวา นี่พวกเขาซื้อลิขสิทธิ์มาทำลายมันทำไม?”
นักแสดงดังแต่ไร้เสน่ห์
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ และ คริส แพรตต์ พร้อมนักแสดงสมทบชื่อดังอย่าง เค ฮุย กวาน , วูดดี ฮาร์เรลสัน และ เจียนคาร์โล เอสโปซิโต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีดาราระดับแถวหน้าของฮอลลีวูด แต่การแสดงของพวกเขากลับถูกวิจารณ์ว่า "ขาดพลัง" และ "ไร้ชีวิตชีวา"
“The Electric State แย่มากจนทุกครั้งที่มีนักแสดงชื่อดังโผล่มา ความรู้สึกไม่ใช่ ‘ดีใจที่เห็นคุณ!’ แต่เป็น ‘คุณมาทำอะไรที่นี่?’”
นักวิจารณ์ยังกล่าวถึงปัญหาเรื่องบทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยบทสนทนาอธิบายเนื้อหาแทนที่จะเล่าเรื่องผ่านภาพและอารมณ์ เช่นเดียวกับฉากจบที่เต็มไปด้วยคำบรรยายเกินความจำเป็น
“จุดอ่อนหลักของ The Electric State อยู่ที่ฉากสุดท้าย ซึ่งตัวละครต้องพูดยาวเหยียดเพื่ออธิบายว่าคนดูควรจะเข้าใจอะไรจากหนังเรื่องนี้ นี่หรือคือหลักการ ‘Show, don’t tell’?”
การลงทุนมหาศาลที่ให้ผลตอบแทนน่าผิดหวัง
ด้วยต้นทุน 320 ล้านดอลลาร์ ทำให้ The Electric State กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดของ Netflix และในอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวม อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความพยายามของพี่น้องรุสโซในการสร้างภาพยนตร์แนวไซไฟนี้กลับไม่สามารถทำซ้ำความสำเร็จของ Avengers ได้
แม้พี่น้องรุสโซเคยพิสูจน์ฝีมือในการกำกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าการดัดแปลงนิยายภาพเรื่องนี้จะเป็นงานที่พวกเขาจัดการได้ไม่ดีนัก หลายเสียงวิจารณ์บอกว่า The Electric State ขาดความลึกซึ้ง, พล็อตเรื่องไม่มีเสน่ห์ และอาศัยพลังดาราเพื่อล่อให้คนดูเข้ามาชม แต่สุดท้ายกลับทำให้ผิดหวัง
การเปิดตัวของ The Electric State อาจส่งสัญญาณเตือนให้ Netflix และผู้สร้างภาพยนตร์ว่า "เงินมากไม่ได้หมายถึงคุณภาพที่ดีเสมอไป" และหากแนวทางนี้ยังคงดำเนินต่อไป การสร้างหนังทุนสูงที่เน้นแค่ภาพลักษณ์โดยไม่ให้ความสำคัญกับเนื้อหาก็อาจเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
ไม่แปลกใจที่เมื่อมีข้อเสนอมาจาก Marvel พี่น้องรุสโซ ก็ตัดสินใจหวนคืนสู่จักรวาลภาพยนตร์ MCU เพื่อกำกับ Avengers ทันที
