“บีม ศรัณยู” ปิดกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวประชดชีวิต ถูกเทศกิจกดดันทุกวัน บางทีก็ใช้วาจาข่มขู่ 2 มาตรฐาน แถมมีคนคอยกลั่นแกล้งร้องเรียนอยู่ตลอด เตรียมย้ายร้านหาทำเลใหม่ เซ็งเจอลูกน้องโกงเงินอีก ซึ้งเพิ่งเคยทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ ไม่ทน ไม่สู้งาน เผยเรื่องคดีของ “แตงโม” ผ่านมา 3 ปีเชื่อว่าทุกคนก็อยากจะรู้ความจริง
หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักแสดงหนุ่ม “บีม ศรัณยู ประชากริช” ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว “ลวก ลวก วรจักร”ที่หน้าบ้าน แต่ก็มีปัญหาโดนเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเตือนห้ามตั้งโต๊ะขายบนทางเท้า จนทำให้ต้องปิดตัวลงไปนั้น
ล่าสุดเจอหนุ่ม บีม ศรัณยู เจ้าตัวก็ออกมาเปิดใจว่า ปิดกิจการประชดชีวิต เตรียมย้ายร้านหาทำเลใหม่ เพราะเหนื่อยกับปัญหาเทศกิจที่มากดดันทุกวัน แถมยังมีคนคอยกลั่นแกล้งร้องเรียนอยู่ตลอด หนำซ้ำยังเจอลูกน้องโกงเงินไปอีก
“ปิดไปเลยครับ ประชดชีวิตไป ไม่เป็นไรเราอยากจะไปเปลี่ยนที่อื่นด้วยเพราะตรงนี้มันมีปัญหากับเทศกิจ ก่อนไปเราก็ฝากรอยช้ำไว้ทั้งวรจักรคงจำเราจนตาย ทุกคนเขาก็ต้องเก็บของทั้งกลางวันกลางคืน แต่ตอนนี้ที่เขาอ้างว่าลงของทิ้งไว้ทั้งวัน ตอนนี้เขาก็มาปราบเหมือนมีความเท่าเทียมเสมอภาคกันทั้งกลางวันและกลางคืนแล้วครับ
ถามว่าเสียดายไหม คือเสียดาย เราก็เปิดมา 8 เดือน ไม่ได้ขาดทุนอะไร ปัญหาหลักคือลูกค้าอยากนั่งหน้าร้านด้วย แล้วร้านเราเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวกึ่งแบบนั่งชิลฟังเพลงได้ด้วย มันเลยไม่มีพื้นที่เพียงพอก็เลยต้องไปหาที่อื่น”
รับเจอคุกคามข่มขู่ แถมมีคนคอยกลั่นแกล้งร้องเรียนอยู่ตลอด
“จะมีคนคุกคามแกล้งร้องเรียนตลอด อันนี้ต้องฝากจริงๆ กับท่านผู้ว่าฯ (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์) เพราะว่าท่านทำเว็บไซต์แอปพลิเคชั่นทราฟฟี่ฟองดูขึ้นมา อันนี้มันดีที่บอกว่าฟุตปาธทางเท้ารีพอร์ตหรือว่าแจ้งดี แต่บางทีมันมีการแกล้งกันโดยที่ไม่มีไอพีแอดเดรส ไม่มีชื่อนามสกุลทะเบียนราษฎร์ของคนที่แจ้ง บางทีประชาชนก็โดนกลั่นแกล้งแบบนี้ประจำ พอมันไปขึ้นในแอปเทศกิจเขาก็ต้องมาจัดการ ถ้าไม่จัดการจะโดนมาตรา 157 เขาก็ต้องไปจัดการ อย่างนี้มันมีการกลั่นแกล้งกันง่ายด้วยก็อยากให้ทางกทม. หรือคนที่ทำเว็บช่วยทำให้มันมีหลักมีแหล่ง ต่อให้มีปัญหาคนร้องเรียนเยอะจะได้มานั่งคุยตรงกลางที่เขตว่าต้องการอะไรแล้วหาทางออกร่วมกัน”
ถูกลูกจ้างโกงเงินเกือบแสน แถมเพิ่งเคยทำงานกับเด็กยุคใหม่ เพิ่งรู้ว่าไม่ทน ไม่สู้งาน ส่วนเทศกิจก็สองมาตรฐาน
“ปัญหาคือเทศกิจปัญหาอย่างเดียว แล้วก็ปัญหาของคน ปัญหาลูกน้องโกงเงิน คือไม่ใช่ว่าเราไม่เคยทำธุรกิจ เราทำงานมาก็รู้ว่าจิตใจคน ไม่เคยทำงานกับเด็กยุคใหม่ คือตั้งแต่โควิดปิดร้านญี่ปุ่นไปก็ไม่ได้ทำอะไรใหม่ พอเราลองจ้างเด็กยุคใหม่มาอายุ 20 ปี หรืออะไรก็ตามทำให้รู้ว่าคนสมัยนี้ไม่ทน ไม่มีความสู้งาน เพราะว่าความง่ายไปหมดจากมือถือหาเงินได้หลากหลายวิธีก็จะได้เรียนรู้เรื่องคนไปด้วย เรียนรู้เรื่องสองมาตรฐานของเทศกิจหรือว่าข้าราชการที่เรียกว่าตีกิน
อีกอย่างหนึ่งก็ได้เรียนรู้ว่าเรื่องเงินกับเรื่องคนมันไม่สามารถเข้าใครออกใครได้ เราโดนลูกน้องโกงเขาไม่เอาเงินเข้าบัญชี เราเช็ก statement มันก็ต้องโดนจับได้อยู่แล้ว โดนโกงไปถึง 2 ครั้ง ใน 8 เดือน ครั้งแรกหมื่นกว่าบาท ครั้งที่สอง 5 หมื่น ครั้งแรกอ้างว่าลูกเล็ก แต่ว่าเข้าใจแม่ลูกติดเราก็ให้โอกาสไป แต่อีกคนหนึ่งก็เป็นคนที่ฟ้องครับคนที่ 2 ว่าคนแรกเอาเงินไป คนที่สองไปติดพนันออนไลน์หนักกว่าอีก 51,000 บาทก็เป็นประสบการณ์ชีวิตเหมือนเป็นบทเรียนให้น้องๆ ที่เคยทำงานกับเราได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วให้รู้ด้วยว่าอย่าไปโกงใครนะครับ ต่อให้ไม่มีกินก็ไม่ควรคดโกง ไม่ได้ดำเนินหรอก อยากดำเนินแต่ว่าท้ายที่สุดแล้ว ก็คนเคยทำงานด้วยกันมา ก็เคยช่วยเหลือเรา เราก็ให้เขาชดใช้ด้วยวิธีอะไรก็ทำไปประมาณนั้น
รับเหนื่อยกับปัญหาเทศกิจปิดร้านดีกว่า
“กลางวันเขาวางของได้พวกอะไหล่เต็มถนนไปหมดเลย แมวยังไม่มีที่เดินเลย แมงสาบยังเดินหลบเลย แต่พอกลางคืนนี่โล่ง โล่งแบบตีกรรเชียงได้ครับ มาจับปรับผมมันก็สองมาตรฐานไปนิดนึง เราไม่ได้ไม่ชอบหน้านะครับ ก็ได้คุยกับทางผอ.เขาก็อะลุ่มอล่วย แต่ว่ามันจะมีคนงี่เง่าบางคนที่ชื่อเปิ้ลบ้านบาตรเราก็ไม่รู้ใคร เขาก็ไปแจ้งเทศกิจอยู่นั่นแหละว่าร้านนี้ๆ ซึ่งเราก็อยากไปเคาะบ้านเปิ้ลบ้านบาตรคนนี้มากเลยครับ อยากคุยกันหาตรงกลางแต่หาไม่เจอ ก็แม่ค้าคนหนึ่งอย่างนี้เราปิดไปก็ได้ครับเพราะว่าตรงนั้นมันเป็นที่ของบ้านเราอยู่แล้ว คือเราอยากจะไปเปิดธุรกิจมอเตอร์ไซค์ใหม่อะไรก็ได้ในอนาคต ก็อาจจะดีกว่าที่เป็นอาหารในย่านอะไหล่แบบนั้น มันก็เป็นบทเรียนเรื่องโลเกชั่นของเราด้วย”
เตรียมย้ายร้านไปอยู่บรรทัดทอง บอกตรงนั้นไม่มีเทศกิจ
“เรามีที่บรรทัดทองแล้ว แต่ว่าเดี๋ยวจะไปปรับเปลี่ยนอาหารให้ต่างชาติกินง่ายขึ้น เรารู้ว่าช่วงนี้บรรทัดทองซบเซาเพราะเราไปทุกวันเพื่อนเราก็เป็นเจ้าของตึกตรงนั้นเยอะ บางที่มันก็ได้ บางที่มันก็ไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ปัจจัยค่าเช่า ค่าเช่าดีมันก็อยู่ได้ เพราะบรรทัดทองมันบ้าครับ สมมุติแบบเซ้งห้อง 7 ล้านบาท ไม่ไหวครับ มันจะไปเอากำไรคืนตอนไหน 3 ปีสัญญาจุฬาฯหมดแล้วซึ่งเราคลุกคลีกับบรรทัดทองมา 20 ปี เพราะว่าเด็กอัสสัมชัญบ้านเพื่อนเป็นเซียงกงเก่าที่จุฬาฯ ไร่พื้นที่หมดก็ได้เห็น แล้วก็เพิ่งบูมมา 3 ปี
ที่เปิดตรงนั้นเพราะเทศกิจไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นที่ของจุฬาฯ แล้วตรงนั้นมันอยู่ที่ค่าเช่าด้วย แล้วก็อยู่ที่เราพรีเซนต์ในเรื่องของการตลาด แต่มันก็มีข้อเสียที่ตรงจอดรถยาก เพราะร้านเดิมจะเป็นแนวแบบลูกค้ามอเตอร์ไซค์ก็ได้รถยนต์ก็ได้ก็มารวมกรุ๊ปมานั่งกินกันมันก็จะเป็นเสน่ห์อีกแบบนึง ตอนนี้ที่เล็งไว้ก็เป็นอาหารฝรั่งครับคุยกับเชฟมิชลินไว้คืออยากจะมาทำร่วมกัน”
นอกจากนี้เจ้าตัวยังได้อัปเดตหลังให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีของดาราสาว “แตงโม นิดา” ผ่านมา 3 ปีเชื่อว่าทุกคนก็อยากจะรู้ความจริง
“บางทีเราก็งงนะครับว่าทำไมคุณไปว่าพี่โบ TK (สุรัตนาวี สุวิพร) เราก็งงเพราะว่าเขาอยู่กับเราทั้งคืน วิธีการพูดหรือว่าการให้ความเห็นเขาอาจจะแบบไม่กล้าให้ความเห็นอะไรมากมายด้วยความเป็นเพื่อนหรืออะไรก็ตามเราก็มองอย่างนั้นแต่ตัวเราเห็นอะไรหลับตาวันนั้นภาพกลิ่นสีทุกอย่างเหมือนเดิม เราไม่ได้ออกมามีอำนาจหรือว่ามีสิทธิ์ที่จะมาพูดป้ายสีใคร เราพูดความจริงในสิ่งที่เราเห็นในสิ่งที่เราเจอ ความรู้สึกที่เรามีกับคดีนี้
วันนั้นเป็นคนให้ไปส่งบ้าน บีมก็เป็นคนออกไอเดียเองว่าพี่โบให้พี่คิดขับให้พี่กระติก (อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์) เพราะกระติกร้องไห้ฮือแล้ว เดี๋ยวขับรถไม่ได้กลัวเดี๋ยวช็อก ซึ่งพี่โบก็เหมือนเห็นด้วย แต่เรื่องหลังบ้านก่อนที่เขาโทร.หาบีมหรือด้วยเหตุอะไรนั้นหรือตกน้ำกี่โมงเราไม่รู้จริงๆ เพราะเราได้รับรายงานมาตอน 23.00 น. ซึ่ง DSI ทำงานหนักมาก เพราะได้เห็นหลักฐานที่เขามีคือเยอะมากๆ”
ผ่านมา 3 ปีเชื่อว่าทุกคนก็อยากจะรู้ความจริงคดีแตงโมว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม
“มันก็มีเรื่องเอ๊ะเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ GPS ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคำให้การของเพื่อน ถ้าสมมติ DSI เขาติดต่อคนที่อยู่ในสายโทรศัพท์ทั้งหมดได้ก็คงจะได้เรื่องอะไรจริงๆ เพราะคืนนั้นรู้สึกคนบนเรือโทรศัพท์ไปไม่ต่ำกว่าร้อยสาย โทร.เข้าโทร.ออกเยอะมาก
ตอนนี้ DSI เขาเริ่มสืบสวนใหม่ทั้งหมดโดยที่ไม่เอาสิ่งที่เรียกว่าตกเรือหรือสิ่งที่เขาอ้างว่าตกเรือเป็นตัวตั้ง เขาเอาบาดแผลเป็นตัวตั้งแล้วก็ไล่หาความจริงด้วยพยานต่างๆ พยานแวดล้อมเดี๋ยวหมดเดือนมีนาคมนี้ก็คงหมดแล้ว เมษายนก็เริ่มพิจารณาคดี”
ลั่นอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมไทยไม่แย่ลงไปกว่านี้อีกแล้ว บอกอยากให้คนผิดได้รับโทษ
“ต้องบอกว่า 3 ปีที่ผ่านมา พวกเราก็อยากรู้ความจริง คนทั่วประเทศก็อยากรู้ความจริง บีมเองก็อยากรู้ความจริง ไม่ว่ามันจะออกมาเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมก็ตาม ก็อยากให้แตงโมได้ความยุติธรรม ไม่อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมประเทศไทยมันแย่ไปกว่านี้ ถ้าสมมติคนทำผิดก็อยากให้ได้รับผิดอย่างนี้เป็นต้น”
