“นัท มีเรีย” ท้าทายความสามารถ โดดพากย์เสียงราชินีใจร้าย ในภาพยนตร์เรื่อง Disney’s Snow White บอกรู้สึกดีใจกับอีกหนึ่งผลงานในวงการบันเทิง เผยช่วงนี้ดูแลสุขภาพมากขึ้น แชร์เคล็ดลับความสวยโกงอายุ
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่มีแฟนๆ มากมายรอคอยสำหรับ Disney’s Snow White สโนว์ไวท์ กับเรื่องราวของเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ในรูปแบบของภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชั่นที่มีกำหนดเข้าฉายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งงานนี้ได้ 2 นักแสดงสาว “โบว์ เมลดา สุศรี” รับหน้าที่ให้เสียงพากย์เป็นสโนว์ไวท์ และ “นัท มีเรีย เบนเนเดดตี้” รับหน้าที่ให้เสียงพากย์เป็นราชินีใจร้าย
ล่าสุดทางด้าน นัท มีเรีย ก็ได้มาร่วมงาน Thailand Gala Premiere ภาพยนตร์เรื่อง “Disney’s Snow White สโนว์ไวท์” ณ Fashion Hall ชั้น 1 สยามพารากอน เจ้าตัวก็ได้เล่าถึงความรู้สึกว่า ที่เคยผ่านงานทางด้านการพากย์เสียงมาบ้างแล้ว แต่เรื่องนี้รับรองถูกใจแฟนๆ Disney แน่นอน เพราะฟังเพลิน เนื้อหาครบรส ฉากอลังการ ภาพสวย เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ได้อย่างแน่นอน
“สำหรับบทบาทในการพากย์ Evil หรือราชินีใจร้ายในเรื่องสโนว์ไวท์ในฉบับพากย์ไทยซึ่งก็ดีใจนะคะที่ให้เกียรตินัท รู้สึกภูมิใจอันนี้มีทั้งพากย์เสียงด้วยแล้วก็ร้องเพลงด้วย เราก็ได้เล่นเป็นราชินี เป็นตัวละครตัวหนึ่งที่สำคัญมากๆ ในเรื่องสโนไวท์ ถ้าไม่มีราชินีตัวนี้เราก็จะไม่ได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างความดีความชั่ว เขาจะเป็นตัวแทนของคนที่แบบว่าเป็นอีกด้านหนึ่งเป็นอีกมุมมืดหนึ่ง แล้วก็เป็นการ์ตูนอนิเมชั่นที่อยู่ในใจของพวกเรามาอย่างยาวนาน เป็นเรื่องแรกของดิสนีย์เลย 80 กว่าปีแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นหนึ่งโปรเจกต์ที่มีความสุขมากๆ
ถามว่ายากไหมก็ยากเหมือนกัน จริงๆ พากย์ไม่ยาก แต่ร้องเรื่องนี้ค่อนข้างยาก เพราะเรื่องนี้ราชินีเขาจะแบบเป็นผู้หญิงทรงพลัง เป็นผู้หญิงที่จะเหยียดๆ ดูนิ่งๆ แล้วก็มีความแบบเหยียดหยาม แล้วที่สำคัญเขามีความเย้ยหยัน เวลาร้องเพลง เพลงค่อนข้างจะแบบร้องไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ แต่พอเราดูไปเรื่อยๆ แล้วเราอินไปด้วย นักแสดงเขาก็เล่นส่งเราด้วย แล้วพอเราเล่นเหมือนเข้าไปอยู่ในบทบาทมันก็ต้องทำให้ดีที่สุด เหมือนชาเลนจ์เราไปอีกด้านหนึ่งเหมือนกัน เพราะว่ามันไม่ใช่แค่การพากย์เสียงให้มันตรงกับอารมณ์อย่างเดียว ต้องร้องไปด้วย เพลงเรื่องนี้เพราะมากๆ เพราะทุกเพลง”
เผยเคยผ่านงานทางด้านการพากย์เสียงมาบ้างแล้ว
“ถ้าถามว่าทำมาหลายอย่างไหมทำยังไงให้แตกต่าง จริงๆ มันต่างนะคะ อย่างที่เราบอกว่าการพากย์เสียงมันไม่ใช่ตัวเรา เราต้องไปเล่นตัวละครตัวนั้นที่เขาสื่อสารยังไง น้ำเสียงการหยุดหายใจ ความรู้สึกหนักเบาต้องเป็นไปตามที่เขาเล่นเอาไว้ แต่เราแค่ไปสวมเป็นเสียงของเขาแล้วก็อารมณ์ของเขา ส่วนการร้องก็คล้ายๆ มิวสิเคิลเหมือนกัน
แต่อันนี้ต้องให้เครดิตคนแต่งเพลงด้วยนะคะที่เป็นในเวอร์ชั่นภาษาไทยคือเขาแต่งได้ไพเราะมากๆ เพลงออริจินัลเพราะอยู่แล้ว ซึ่งเพลงภาษาไทยก็เพราะไม่แพ้กันเลย มันแบบเรื่องราวเขาเล่าไว้ดีเราเข้าใจแล้วสามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย เพลงเพราะจริงๆ อย่างที่บอกมันก็เลยมีความต่างตรงที่ว่าเราก็ต้องไปเป็นเสียงคนอื่นที่ไม่ใช่เสียงเรามันต้องปรับเสียงโทนตัวเองให้ต่ำลง แล้วก็วิธีการพากย์เขาบอกว่าเสียงพี่นัทต้องกดลงให้ต่ำ เพราะจริงๆ พากย์เราจะแอบร้องสูงๆ พูดสูงๆ เขาต้องให้กดให้ลง แต่พอเป็นเพลงร้องปกติร้องสูงได้แต่พอพากย์ปุ๊บมันกลายเป็นเสียงต่ำๆ ก็ค่อนข้างจะปรับตัวเหมือนกันแต่ว่าสนุกดี
(มันมีปัญหาเส้นเสียงไหม?) ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะว่าจริงๆ แล้วเราก็ซ้อมร้อง ซ้อมบทไปด้วย แล้วก็มีคนที่เขาคอยบอกทุกอย่างควบคุมในสิ่งที่แบบมันถูกต้องกลับกลายเป็นว่าสนุก เรามีความสุขเหมือนเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ เราตื่นเต้นแล้วได้มาเป็นเรื่องนี้ด้วยที่แบบเป็นเรื่องที่อยู่ในใจเราดูตั้งแต่เด็กๆ
จริงๆ ก็เคยพากย์แบบเล็กๆ น้อยๆ มาบางเรื่อง อันนั้นมันไม่เยอะเท่าอันนี้ แล้วตัวละครคนละแบบ อันนั้นเป็นแบบชีวิตมนุษย์ปกติ แต่อันนี้มันไม่ใช่เป็นคนปกติมันเป็นเหมือนเทพนิยาย แล้วกัล กาด็อต เขาเล่นได้ดีมากๆ เขาเป็นราชินีที่ทรงพลัง เราเข้ามาสวมบทบาทเป็นเขาทำให้ท้าทาย เป็นเหมือนอีกหนึ่งชิ้นงานที่เรามีความสุขแล้วก็อยากจะให้ทุกๆ คนได้ร่วมประสบการณ์นี้ไปด้วยกันเพราะว่ามันเป็นเวอร์ชั่นที่ตื่นตาตื่นใจทั้งภาพ แสง สี เสียง แล้วก็เรื่องราวที่พาคุณเข้าไปอยู่โลกหนึ่ง แต่ว่าแบบซาวด์แทรกกับแบบพากย์ไทยสูสีมากไม่อยากให้พลาดอยากให้ดูทั้ง 2 แบบ เป็นกำลังใจให้นัทแล้วก็โบว์ด้วย”
สิ่งสำคัญคือการรักษาเสียง และต้องมีสมาธิอยู่ตลอด
“เอาเป็นว่าเตรียมตัวในการทำงานนี้ก็คือเตรียมใจเพราะมีความสุขตื่นเต้นอยู่แล้ว แต่ว่าสุขภาพก็สำคัญเพราะว่าเราก็ต้องรักษาเสียงตัวเอง แล้วก็มีสมาธิโฟกัสกับงาน เพราะว่างานนี้มันใช้สมาธิสูงเพราะว่ามันทั้งร้อง ทั้งพากย์มันใช้เสียงแล้วก็อารมณ์”
ขอบคุณมองสวยโกงอายุ มองโลกแง่ดีทุกอย่างจะสวยเอง
“ขอบคุณสำหรับคำชม นัทจะบอกว่าวัยตอนนี้อย่าไปมองเรื่องอายุ ทุกคนมีอายุเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน แต่ว่าอยู่ที่ความสุขอยู่ที่ใจอยู่ที่ความคิดเรา ถ้าคิดว่าอายุมันเยอะ มันดูแก่ มองว่าวัยเป็นอุปสรรคมันก็จะกลายเป็นอย่างนั้น เราต้องปรับทัศนคติให้เรามีความสุขกับทุกวัน เราคิดดี ทำดี พูดดี เรามีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่เรามีอะไรก็ตามแล้วเราก็ขอบคุณกับสิ่งที่เรามีว่าจริงๆ แล้วทุกคนสวยในแบบของตัวเอง ทุกๆ คนเกิดมามีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครเหมือนคุณ แล้วคุณก็ไม่เหมือนใคร เพราะฉะนั้นถ้าเรารักตัวเองมากๆ เรารู้แล้ว เราก็มีคุณค่าเรามีข้อดีอะไรเราก็เอามาใช้แล้วเราก็ปรับอะไรที่เราคิดว่าเรายังบกพร่องตรงไหน ก็พัฒนาตัวเองสุดท้ายคุณจะมีพลังอะไรบ้างอย่างที่เป็นพลังงานบวก ความสวยงามมันจะอยู่ตรงนั้นเอง
อย่างที่บอกถ้าเรามีทัศนคติในเชิงบวกแล้ว เราไม่ได้หลอกตัวเอง ไม่ใช่โลกสวย แต่ว่ามองตามความเป็นจริง ถ้าอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง มันคงไม่เพอร์เฟกต์หรอก มันก็มีบ้างแบบไม่ได้ทุกอย่าง แต่ความไม่เพอร์เฟกต์นี่แหละค่ะมันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เราก็แค่อยู่กับปัจจุบันให้ดีๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ตอนนี้เราก็แบบจอยๆ กับชีวิต”
รับหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นหลังป่วย
“ดีขึ้นๆ ก็เหมือนเป็นช่วงที่เราปรับการทาน พักผ่อนดูแลสุขภาพ แล้วก็มีทางเลือกอื่นๆ เช่น การทานอาหารที่ดี ทานสมุนไพร ทำอะไรที่เกี่ยวกับธรรมชาติมากขึ้น ก็เน้นเรื่องการอยู่การกิน ความคิดมันส่งผล ถ้าเรามีทัศนคติดีๆ มันก็ช่วยอะไรได้หลายๆ อย่าง ความเครียดหรือความวิตกกังวลมันก็นำมาซึ่งในหลายๆ อย่างที่ส่งผลต่อการต่อใจ ทุกอย่างมันทำงานไปด้วยกันหมด แต่ว่าเราก็ไม่ต้องไปปฏิเสธมัน ถ้าเกิดเรามีเรื่องเครียดมีความทุกข์ก็ปล่อยมันไป เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เดี๋ยวมันก็มีเรื่องดีๆ คนเรามันมีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ไม่ดีมันสลับกันอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกไม่ดี เดี๋ยวเรารู้ว่าสิ่งดีๆ มันกำลังจะมา ตอนนี้ก็ดีค่ะเส้นปกติดียังไม่มีอะไรเร้าใจ”
